ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1849 เชฟอีวิลสัน

บทที่ 1849 เชฟอีวิลสัน

เรือประมงที่ฉินสือโอวสั่งซื้อมาสี่ลำเป็นเรือประมงเล็กที่อยู่แถบชายฝั่งทะเล แบ่งเป็นเรือเล็กห้าสิบตันสองลำ เรือประมงหนึ่งร้อยตันหนึ่งลำและหนึ่งร้อยห้าสิบตันอีกหนึ่งลำ

เรือประมงเล็กขนาดห้าสิบตันทำจากอะลูมิเนียม อัลลอย ใช้เครื่องยนต์เบนซินในการขับเคลื่อน ทำให้เรือประมงมีความคล่องตัวสูง หลังติดอวนลากก็สามารถจับปลาในแถบชายฝั่งทะเลได้ อย่างเช่นปลาแซลมอนแปซิฟิกและปลาค็อด

เรือประมงอีกสองลำทำจากวัสดุแบบผสมผสาน กำลังไฟแบ่งเป็น 200 กิโลวัตต์และ 300 กิโลวัตต์ ต่างก็มีประสิทธิภาพที่ดีพอสำหรับเรือเล็ก ใช้พวกมันเพื่อจับปลาประหยัดเงินมากกว่า

มีชาวประมงเก่าที่ทำมาหากินกับเรือประมงมานานหลายสิบปีอยู่ด้วย ฉินสือโอวจึงไม่ต้องมาเลือกเรือด้วยตัวเอง หลังจากที่เขากับชาร์คหารือกันเรื่องประโยชน์ของเรือประมงก็ให้ชาวประมงเป็นคนเลือก เขารับผิดชอบเรื่องจ่ายเงิน

เรือประมงจำเป็นต้องจองก่อนจะผลิต ฉินสือโอวกลับไปรอที่ฟาร์มปลา ในเวลาเดียวกันก็บอกให้ชาวประมงจับปลาค็อดในช่วงฤดูใบไม้ผลิ

ในบรรดาแหล่งจับปลาของฟาร์มปลาต้าฉิน ปลาค็อดอุดมสมบูรณ์ที่สุดแล้ว ยืนอยู่บนเรือประมงแล่นไปในทะเล บางครั้งหันมองไปสองข้างทาง ก็จะเห็นปลาค็อดใหญ่เต็มไปหมดลอยรวมตัวอยู่ข้างเรือประมงทั้งสองข้าง

พอปล่อยอวนลงทะเล จากนั้นครึ่งชั่วโมงก็เก็บอวนขึ้น ข้างในเต็มไปด้วยค็อดอวบอ้วน ฉินสือโอวสั่งการให้ชาวประมงจับเป็นชุด แบ่งจับปลาอลาสก้าพอลล็อค ปลาค็อดแอตแลนติก ปลาค็อดดำและปลาหิมะออกจากกัน อวนหนึ่งลงไปได้ปลาค็อดขึ้นมากว่ายี่สิบตัน วันหนึ่งสามารถเก็บเกี่ยวปลาค็อดได้กว่าหลายร้อยตัน

กลับจากทำงาน ในบ้านไม่มีใครอยู่ วิลล่าก็ว่างเปล่า เงียบเหงา วินนี่และพ่อแม่ของฉินสือโอวต่างก็อยู่ในนครเซนต์จอห์น มีเพียงแค่หู่จือเป้าจือที่อยู่เป็นเพื่อนฉินสือโอว แบบนี้เขาคนเดียวเลยขี้เกียจทำอาหารกิน จึงคิดอยากจะไปหาอะไรกินง่ายๆ ที่ร้านอาหารของคุณลุงฮิคสัน

เขาเรียกอีวิลสันไปกินข้าวในเมือง อีวิลสันขำกล่าว “แก่นตะวัน ข้างแม่น้ำมีแก่นตะวันเยอะมาก ขุดออกมาเผากินอร่อยมากเลย”

หลังได้ยินเขาพูด ฉินสือโอวยื่นมือตบหลังหัวเหมือนคิดอะไรได้ พอวินนี่คลอดลูกเขาก็ลืมเสบียงอาหารที่ตัวเองปลูกไปเมื่อปีที่แล้วไปเลย แก่นตะวันก็คือทานตะวันหัว อาร์ติโชค ปีก่อนเขาไปขุดมาจากเขานิดหนึ่งแล้วปลูกไว้เป็นพันธุ์ ตอนนี้สามารถกินได้แล้ว

เขาคิดว่าตอนที่ดองแก่นตะวันมันกรอบอร่อยมาก จงใจใช้พลังโพไซดอนปรับปรุงคุณภาพแก่นตะวันพวกนี้ที่ปลูก รสชาติน่าจะไม่เลว ไม่อย่างนั้นอีวิลสันคงไม่ปฏิเสธที่จะตามเขาไปกินพิซซ่าและแฮมเบอร์เกอร์ในเมืองหรอก

ฉินสือโอวขับรถพาอีวิลสันไปขุดแก่นตะวัน ระหว่างทางเขาถามว่า “เพื่อน รสชาติของพวกนี้เป็นยังไง? นายเริ่มกินตอนไหน?”

อีวิลสันอ้าปากหายใจไปหลายที เกาหัวแล้วพูดอย่างสับสนว่า “ก็หลายวันแล้ว บางครั้งหิวแล้วอีวัลสันก็ไปกิน เผากิน ล้างสะอาดแล้วเผา จากนั้นทาซอสถั่วและซอสเนื้อ อร่อย อร่อยมาก”

ช่วงก่อนไปอยู่กับวินนี่ เขาอยู่ที่นครเซนต์จอห์นตลอด ฝากอีวิลสันไว้กับชาร์คและบูล ให้อีวิลสันไปกินกับพวกเขา หรือไม่ก็ไปกินในเมือง

หากอีวิลสันไม่กินข้าวในเมือง ถ้าไม่กินพิซซ่าก็ไปกินข้าวที่ร้านคุณลุงฮิคสัน ด้านพิซซ่าเขาสามารถกินได้อย่างสบายใจ ฉินสือโอวจะไปจ่ายเงินให้เขาทุกอาทิตย์ ส่วนที่คุณลุงฮิคสัน เขากินข้าวไม่ต้องเสียเงินเลย เพราะว่าคุณลุงอายุเยอะแล้ว งานใช้แรงส่วนใหญ่ที่ร้านอาหารก็ทำไมได้แล้ว ล้วนเป็นอีวิลสันที่ไปช่วยเขาทำ

ไปถึงนาข้างแม่น้ำ ตัวแก่นตะวันเขียวขจีก็ปรากฏออกมา และเมื่อเทียบกับที่ฉินสือโอวปลูกในตอนนั้น ขนาดดูใหญ่ขึ้นไม่น้อย รอบข้างมีกล้าแก่นตะวันอีกจำนวนมาก สีเขียวขจีของยอดอ่อนทำให้คนมองแล้วรู้สึกสดชื่น

โดยปกติแล้ว แม้ว่าแก่นตะวันจะทนหนาวทนแล้งได้ แต่มันก็ไม่สามารถฝ่าฝืนกฎธรรมชาติได้ ในฤดูหนาวจะเหี่ยวลงเพราะความหนาวเย็น พอถึงเดือนมีนาคมก็จะเริ่มแตกหน่อและงอกงามตอนเดือนเมษายน พอเดือนกันยายนและเดือนตุลาคมก็จะเก็บเกี่ยวได้

แต่เนื่องจากการปรับปรุงพันธุกรรมจากพลังโพไซดอน หลังปลูกแก่นตะวันของฟาร์มปลาในฤดูใบไม้ร่วง ก็เริ่มแตกหน่อเติบโตแล้ว หิมะหนักฤดูหนาวก็ไม่ได้ทำให้พวกมันแข็งตาย ตอนนี้เริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิมีหัวที่ใหญ่แล้ว จึงสามารถกินได้แล้ว

ฉินสือโอวไม่ต้องลงมือเลย อีวิลสันแบกพลั่วประจำตัวไปขุดในแปลง ไม่นานแก่นตะวันเล็กใหญ่ขนาดเท่ากำมือผู้ใหญ่ก็ถูกขุดออกมาเรื่อยๆ

หู่จือเป้าจือเคยช่วยขุดแก่นตะวันตอนที่ไปปีนเขา พวกมันมีประสบการณ์ กรงเล็บที่แข็งแรงขุดดินอย่างรวดเร็ว หลังขุดดินออกก็เผยให้เห็นตัวแก่นตะวัน

หลังจากหลัวปอหมาป่าขาวมาถึงแปลงแก่นตะวันเหมือนจะไม่มีสมาธิ มันวนรอบแปลงรอบหนึ่ง กระตุกจมูกน้อยดำตลอด ดวงตาใสมองไปรอบๆ บางครั้งเงยหัวขึ้นแล้วส่งเสียงร้องหอนเสียงดัง ต่างจากนิสัยที่สงบสง่างามปกติ

ฉินสือโอวแปลกใจจึงเดินไปเกาคอให้มัน หลัวปอเงียบไปสักพัก หลังจากฉินสือโอวเดินจากไป มันก็เริ่มวิ่งรอบแปลงแก่นตะวันอีกครั้ง สุดท้ายก็วิ่งหายไปเลย

เนื่องจากเจ้าตัวเล็กในฟาร์มปลาเลี้ยงแบบปล่อย เลยรักษาธรรมชาติความมีชีวิตชีวาไว้ตลอด หัวไชเท้าน้อยเองก็หลงเหลือธรรมชาติไว้บางส่วน ฉินสือโอวไม่ได้สนใจหัวไชเท้าน้อย มันวิ่งไปทั่วสักพักก็จะกลับมา

อีวิลสันลงมือเร็วมาก เห็นชัดว่ามีประสบการณ์ในการขุดแก่นตะวันมาก เขาขุดทีเดียวลงไปลึกเลย โดยทั่วไปแล้วแบบนี้ทีเดียวก็สามารถขึดแก่นตะวันที่ซ่อนอยู่ออกมาได้แล้ว

เก็บแก่นตะวันมาหลายสิบหัว อีวิลสันยื่นมือไปนับอย่างเชื่องช้า เดาว่าสุดท้ายก็ไม่รู้ว่าเท่าไร เขาเกาหัวถาม “ฉิน พอกินไหม?”

ฉินสือโอวหัวเราะ “แน่นอน นี่เพียงพอแล้ว ในเคอร์รี่ยังมีไก่ เป็ด ห่านอีกนะ ฉันจะย่างไก่ย่างอีกตัวหนึ่งดีไหม?”

อีวิลสันพยักหน้าอย่างดีใจ เขาสะบัดดินบนแก่นตะวันออกแล้วใส่ไว้บนรถกระบะ หลังจากกลับถึงฟาร์มปลาฉินสือโอวเตรียมเก็บกวาด เขาส่ายหัวบอกว่า “อีวิลสันย่างเป็น อร่อยมากนะ นายไปย่างไก่ อันนี้ให้อีวิลสันจัดการ”

ฉินสือโอวหัวเราะขึ้นมาหลังได้ยินคำนี้ แล้วพูดว่า “พระเจ้า อีวิลสันจะทำอาหารเหรอ? อีวิลสันเองก็ทำอาหารเป็นแล้วเหรอ?”

คนตัวใหญ่พยักหน้าอย่างจริงจัง พูดว่า “อีวิลสันเผาแก่นตะวันอร่อยมาก อร่อยกว่าตอนที่กินบนเขาอีก”

บนเทือกเขาเคอร์บัลมีแก่นตะวันไม่น้อย นี่เป็นหนึ่งในอาหารของอีวิลสันตอนที่พเนจร เขาจำสถานที่ที่แก่นตะวันขึ้นเยอะบนเขาได้ ถ้าหากในเมืองหาของกินไม่ได้ เขาก็จะไปขุดแก่นตะวันกินบนเขา ดังนั้นเขาจึงมีประสบการณ์ไม่น้อย

ฉินสือโอวไปจัดการไก่ย่าง อันนี้ง่าย เตาย่างมีอยู่แล้ว เอาไก่ที่ฆ่าแล้วมาละลายน้ำแข็ง ทาส่วนผสมพวกเหล้า ซีอิ๊ว น้ำส้มสายชูและเกลือเสร็จ ก็ยัดต้นหอม ขิง กระเทียมเข้าไปในท้องไก่ ใส่เข้าไปในเตาอบก็พอแล้ว

หลังเขาจัดการไก่ย่างเสร็จก็ไปดูอีวิลสัน พูดตามตรงเขาไม่ค่อยเชื่อว่าคนตัวใหญ่นี่จะทำแก่นตะวันเผาออกมาอร่อย ของนี้เหมาะกับการดองหรือไม่ก็ใส่ในข้าวต้มมากกว่า

ปรากฏว่าพอเขาเดินออกจากวิลล่า ก็ได้กลิ่นที่หอมมาก และตำแหน่งที่กลิ่นหอมนี้โชยมาก็อยู่ที่อีวิลสันที่กำลังยุ่งอยู่นั่น

……………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท