ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1868 บ่ออนุบาลลูกปลา

บทที่ 1868 บ่ออนุบาลลูกปลา

เพรียงหัวหอมหลอดไฟได้ปรากฏตัวขึ้นในหลายพื้นที่ในทะเล แต่เนื่องด้วยมันมักจะไม่ปรากฏอยู่บนผิวน้ำทะเล อีกทั้งจะเห็นความงามสีสันหลากสีของมันก็ต่อเมื่อได้รับแสงสะท้อนจากแสงอาทิตย์ในสภาพแวดล้อมที่มืดสลัวเท่านั้น ดังนั้นการจะหามันพบจึงไม่ใช่เรื่องง่าย

ไม่รู้ว่าฝูงปลานี้ไปพบปะกับเพรียงหัวหอมหลอดไฟเยอะขนาดนี้ที่ไหน ฉินสือโอวเก็บรวบรวมมันขึ้นมา เก็บเพรียงหัวหอมหลอดไฟทั้งขนาดใหญ่และเล็กรวมๆ กันได้หลายพันตัว หลังจากนั้นเขาต้องคิดวิธีที่จะนำพวกมันกลับไปที่ฟาร์มปลาที่เกาะแฟร์เวล

ความจริงแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าปวดหัวมาก เพราะเข้าเพรียงหัวหอมพวกนี้ตัวมันเองขาดแรงการเคลื่อนไหว จึงทำได้เพียงเกาะอยู่ตามโขดหิน สาหร่ายทะเลหรือไม่ก็ลำตัวปลาขนาดใหญ่ ถ้าจะเอาพวกมันกลับไป ดูแล้วที่จะทำได้ผลลัพธ์ดีที่สุดก็คือการวางอวนจับปลาขนาดใหญ่ แล้วให้เรือลากอวนนี้กลับไปที่เกาะแฟร์เวล

แต่ถ้าเป็นแบบนั้นก็จะมีปัญหาตามมาคือ อันดับแรกเรือปริ้นเซสเมล่อนไม่มีความจำเป็นต้องกลับไปเกาะแฟร์เวล อันดับสองแม้ว่าเรือจะกลับมา แต่เรือที่ลากอวนไปตลอดทางก็ดูแปลกไม่น้อย

แต่สมองของฉินสือโอวนายใหญ่ฉลาดหลักแหลม เขาเคาะไปที่หน้าผาก แล้วก็เกิดไอเดียหนึ่งขึ้นมา เป็นไอเดียที่แปลกไม่เหมือนใคร

ในฟาร์มปลาของเขามีฉลามและวาฬจำนวนมากอยู่ที่นั่น เช่น ฉลามขาวยักษ์ ฉลามเสือทราย ฉลามวัว ฉลามบาสกิง วาฬสีน้ำเงิน วาฬหัวคันศร และยังมีวาฬหัวทุย เป็นต้น เจ้าพวกร่างใหญ่พวกนี้วันๆ อยู่ที่ฟาร์มปลาของเขากินของมั่วซั่วไปหมด ไม่เคยสนเรื่องอื่น ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ให้พวกมันจะได้ออกแรงทำงานแล้ว!

ฉินสือโอวส่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนกลับไปที่ฟาร์มปลาต้าฉิน แล้วรีบหาเจ้าพวกนี้ทันที หลังจากนั้นก็ออกคำสั่งให้พวกมันรีบมาที่ฟาร์มปลาแห่งที่สาม พอถึงเวลานั้นก็จะให้เพรียงหัวหอมหลอดไฟเกาะไปกับตัวพวกมัน เพียงเท่านี้ก็เท่ากับส่งกลับไปฟาร์มปลาได้อย่างง่ายดายแล้วไม่ใช่เหรอ? อีกอย่างก็ไม่มีใครรู้ด้วย ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันดั่งสวรรค์มาโปรด!

ยังมีแม้กระทั่งเต่ามะเฟืองและเต่าตนุ ถึงตัวพวกมันจะไม่ได้ใหญ่มาก แต่พวกมันเพิ่งว่ายกลับมาจากซีกโลกใต้พอดี และต้องผ่านฟาร์มปลาแห่งที่สามถึงค่อยกลับไปที่ฟาร์มปลาต้าฉิน แรงงานของพวกมันจึงไม่สามารถปล่อยให้เสียเปล่าได้ ถึงแม้ว่าเมื่อเทียบกันแล้วขนาดตัวของเต่ามะเฟืองและเต่าตนุจะเล็กกว่าพวกฉลามและวาฬมาก แต่ก็ไม่สามารถมองข้ามความเล็กพริกขี้หนูของมันได้ อย่างไรก็ตามทางผ่าน เอากลับไปได้เท่าไรก็เท่านั้นละกัน

ดังนั้น หลังจากที่น่านน้ำนิวฟันด์แลนด์มีฝูงปลาจำนวนมากอพยพมาแล้ว กลับมีฉากที่น่ากลัวยิ่งกว่า นั่นก็คือฝูงฉลามและวาฬก็อพยพมาเช่นกัน

ใต้มหาสมุทรมีเงามหึมาขนาดใหญ่และน่ากลัวบุกเข้ามาจากทะเลลึก ฝูงฉลามขาวที่หน้าตาดุร้ายและน่ากลัวเพิ่งผ่านไป จากนั้นวาฬปีกใหญ่หลายตัวก็ตามติดมาทันที ด้านหลังยังมีเงาขนาดยักษ์ของฉลามวัว ฉลามเสือทราย วาฬสีน้ำเงิน วาฬหัวทุย และเงาที่อยู่ด้านหลังสุดคือฉลามบาสกิง เจ้าสัตว์ที่เคลื่อนที่ได้ช้ามากแต่รูปร่างมีขนาดมโหฬารอย่างแน่นอน!

สำหรับฉลามและวาฬแล้ว ระยะทางจากน่านน้ำเมืองเซนต์จอห์นมาที่น่านน้ำรัฐโนวาสโกเชียไม่ถือว่าไกลมาก ซึ่งไม่ได้เป็นสิ่งที่กินแรงอะไรเลย ดังนั้นฉินสือโอวจึงสบายใจและรู้สึกว่าเหมาแล้ว เขาคิดว่าแบบนี้ก็ดีออกให้เจ้าพวกขี้เกียจพวกนี้ได้ออกกำลังกายบ้าง จะได้ไม่ต้องอยู่ในฟาร์มปลาทั้งวันดูไม่มีชีวิตชีวาแม้แต่น้อย

ปล่อยลูกปลาแล้ว พันธุ์ปลาก็มาถึงแล้ว ฝูงปลาตอนนี้ก็มาถึงแล้ว ดังนั้นก็สามารถเริ่มพัฒนาการก่อสร้างฟาร์มปลาแห่งที่สามได้แล้ว

ชาร์คได้ซื้ออวนจับปลา เรือประมงลำเล็กและเรือเร็ว เครื่องมือต่างๆ ไว้ครบถ้วน พวกชาวประมงนั่งเรือประมงลำเล็กที่ได้ดัดแปลงเรียบร้อย เริ่มทำสถิติทรัพยากรของฟาร์มปลาแห่งที่สามในเบื้องต้น

ส่วนฉินสือโอวได้ติดต่ออู่เรือโพไซดอน แฮงค์ บรูวเวอร์ผู้จัดการฝ่ายติดต่อลูกค้าพิเศษของเขาช่วงนี้ติดตามเขาจนทำเงินได้จำนวนมาก ครั้งนี้ฉินสือโอวก็ส่งคำสั่งซื้อหลายสิบล้าน สั่งซื้อเรือประมง 500 ตันเพื่อฟาร์มปลาแห่งที่สามโดยเฉพาะ

หน้าที่ที่สำคัญยิ่งกว่าของฉินสือโอวนายใหญ่คือป้อนพลังโพไซดอนให้กับลูกปลาและฝูงปลาที่เพิ่งมาถึงฟาร์มปลา นอกจากนั้นแล้วยังต้องคอยกำกับแบ่งกลุ่มให้ลูกปลาด้วย

หลังจากนี้ช่วงระยะเวลาหนึ่งพวกชาวประมงต่างยุ่งวุ่นวาย อวนที่ชาร์คซื้อไม่ใช่อวนลาก อวนล้อมหรืออวนสำหรับจับปลาพวกนั้น ตอนนี้ฟาร์มปลาแห่งที่สามเพิ่งเริ่มก่อสร้าง ยังมีเวลาอีกพอสมควรก่อนการผลิต อวนพวกนี้จึงเป็นอวนสำหรับเพาะพันธุ์

อวนสำหรับเพาะพันธุ์มีลักษณะคล้ายๆ กับอวนล้อมเป็นประเภทลากขึ้นลากลงแบบนั้น จะมองว่าเป็นรั้วในมหาสมุทรก็ได้ อวนแต่ละชุดใหญ่มาก มีความยาวหลายพันเมตร

เมื่อเตรียมอวนสำหรับเพาะพันธุ์เสร็จเรียบร้อย ชาร์คก็แนะนำฉินสือโอวข้อหนึ่ง “บอส ปลาเพิร์ชชอบอยู่เป็นกลุ่ม ไม่ต้องมีพื้นที่ว่างในการให้พวกมันอาศัยอยู่มากไป แค่บริเวณเพาะพันธุ์เล็กๆ แถวชายฝั่งก็พอเพียงแล้ว สำหรับปลาเพิร์ชต้องใช้อวนสำหรับเพาะพันธุ์ที่มีรูขนาดเล็กมาล้อมไว้ ผมเตรียมเส้นผ่าศูนย์กลางเบอร์สองกับเบอร์สามไว้ใช้อันไหนจะเหมาะกว่ากัน…”

เมื่อก่อนตอนที่อยู่ฟาร์มปลาต้าฉิน ฉินสือโอวเพาะพันธุ์ลูกปลาโดยปล่อยไปตามธรรมชาติ แต่พอมาที่ฟาร์มปลาแห่งที่สามจะทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะที่ฟาร์มปลาต้าฉินมีปลาตัวเล็กๆ อย่างปลาซาบะ ปลาแฮร์ริ่ง ปลาเงิน และปลาสเมลท์สำหรับเป็นอาหารเต็มไปหมด ซึ่งพวกปลาตัวใหญ่ชอบอาหารที่มีส่วนประชุมของพลังงานโพไซดอนแบบนี้มากกว่า

แต่ปลาปลาแฮร์ริ่ง ปลาซาบะที่มาที่ฟาร์มปลาแห่งที่สามถึงจะมีจำนวนไม่น้อย แต่เจ้าพวกนี้แข็งแรงมาก ความสามารถในการเคลื่อนตัวก็แข็งแกร่ง แม้ว่าปลาตัวใหญ่ของถิ่นฐานนี้จะอยากลิ้มรสอร่อยของพวกมันก็ตาม แต่จะกินพวกมันก็คงจะไม่ง่ายดายนัก

เมื่อเป็นแบบนี้ ลูกปลาที่เพิ่งมาถึงฟาร์มปลาก็จะกลายเป็นอาหารที่พวกมันเลือกก่อน แม้ว่าลูกปลาจะมีรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการที่แย่กว่า แต่ก็มีความแข็งแรงน้อยกว่าและจับได้ง่ายกว่าด้วย

ดังนั้นเพื่อปกป้องพวกลูกปลาจึงต้องเลี้ยงพวกมันในอวนล้อม เพื่อป้องกันไม่ให้มันกลายเป็นอาหารของเจ้าปลาใหญ่ก่อนที่จะเจริญเติบโตขึ้นมา

ฉินสือโอวเชื่อในคำพูดของชาร์ค และสั่งการให้ทำฟาร์มเพาะพันธุ์ในน่านน้ำนอกชายฝั่ง

ฟาร์มเพาะพันธุ์ในทะเลเมื่อเทียบกับฟาร์มเพาะพันธุ์บนพื้นดินแล้วง่ายกว่าแต่ก็มีความลำบาก ที่บอกว่าง่ายก็เพราะเพียงเอาอวนล้อมขึ้นมากก็เรียบร้อย ไม่ต้องทำเหมือนฟาร์มที่นาหรือฟาร์มปศุสัตว์ที่ต้องมีรั้วกั้นอีกชั้น

แต่ที่บอกว่าลำบาก มันก็ลำบาก พื้นดินตรงใต้ทะเลไม่เรียบ มีเนินขึ้นลง ซึ่งอวนปลาจำเป็นต้องปักลงในพื้นดินใต้ทะเลให้แน่น ไม่เช่นนั้นลูกปลาก็ยังสามารถกระโดดออกมาได้ และปลาใหญ่ก็ยังแอบเข้าไปได้เช่นกัน ดังนั้นแล้ว เมื่อเป็นแบบนี้จึงต้องอาศัยพวกชาวประมงดำน้ำลงไปเพื่อทำให้อวนปลามีความหนาแน่นและอยู่กับที่ซึ่งเป็นงานที่เหนื่อยมาก และทดสอบความอดทนได้ดีมาก

ก่อนอื่นคือต้องกำหนดบริเวณที่จะวางอวนให้กับปลาเพิร์ช ฉินสือโอวพกกล้องอัดวิดีโอใต้น้ำมาจากฟาร์มปลาต้าฉิน พวกชาวประมงจึงนำลงน้ำไปด้วย และร่วมมือกับเครื่องแสกนเรดาร์บนเรือประมงเพื่อหาพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการทำฟาร์มเพาะพันธุ์

ในความเป็นจริงแล้วฉินสือโอวนายใหญ่มีคิดคำนวณไว้ในใจเรียบร้อย เขามีความสามารถพิเศษอย่างจิตสำนึกแห่งโพไซดอนอยู่ สามารถหาจุดบริเวณที่ราบเรียบใต้ทะเลได้

แต่เขาไม่สามารถแสดงออกความสามารถของเขาตรงนี้ได้ ต้องรอให้พวกชาวประมงรวบรวมข้อมูลก่อน หลังจากนั้นเขาก็จะตัดสินว่าจะสร้างฟาร์มเพาะพันธุ์ไว้ที่ไหน

สำหรับฟาร์มปลาทั่วไป การเลือกตำแหน่งของฟาร์มเพาะพันธุ์ถือเป็นเรื่องที่ลำบากอีกเรื่องหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะมีเครื่องมือสมัยใหม่ในการช่วยเหลือ แต่การสำรวจพื้นดินใต้ทะเลให้ชัดเจนก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายนัก

แต่สำหรับฉินสือโอว สิ่งนี้ง่ายดายมาก เขาแสร้งทำเป็นตรวจดูภูมิทัศน์ใต้ทะเลที่ชาวประมงถ่ายมาให้ แล้วเลือกพื้นที่ใต้ทะเลขนาดสองถึงสามตารางกิโลเมตรอย่างรวดเร็ว

สิ่งถัดมาก็คือการปักอวน ด้านล่างของอวนมีแท่งหิน ส่วนด้านบนมีทุ่นบอลลูนลอยได้ ฉินสือโอวและพวกชาวประมงสวมชุดดำน้ำแล้วกระโดดลงไปในทะเลพร้อมลากอวนเพื่อสร้างฟาร์มเพาะพันธุ์

……………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท