ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1867 เพรียงหัวหอมหลอดไฟ

บทที่ 1867 เพรียงหัวหอมหลอดไฟ

เรือลูกปลาถูกส่งไปยังฟาร์มปลาแห่งที่สามทีละลำๆ สิ่งแรกที่ส่งไปคือเรือปลาตะเพียนสีขาวเงิน ปลาชนิดนี้มีชื่อเรียกหลายชื่อ เช่นปลาอีคุด หรือปลาเพิร์ช ฟาร์มปลาต้าฉินก็มีปลาชนิดนี้เช่นกัน แต่มีเพียงปลาเพิร์ชธรรมดา ไม่ใช่ปลาตะเพียนสีขาวเงิน

ปลาตะเพียนสีขาวเงินมักพบในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ ล็อตที่ฉินสือโอวได้รับก็เป็นปลาทะเลที่เลี้ยงในบ้านซึ่งสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือและเติบโตได้เร็วมากเป็นปลาเศรษฐกิจที่ยอดเยี่ยม

ชื่อของปลาเพิร์ชก็คือมาจากปลาเพิร์ชที่อยู่ในทะเล ความจริงแล้วมันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับกับปลาเพิร์ชน้ำจืด ชื่อทางวิทยาศาสตร์คือปลาอีคุด คล้ายกับปลามะได ถือเป็นปลาที่มีคุณภาพเนื้อเป็นอันดับย่อยของปลาทะเลกระดูกแข็งในอันดับปลากะพง

ปลาเพิร์ชสีขาวเงินเป็นปลาทองทะเลที่มีรสชาติอร่อยที่สุดชนิดหนึ่ง เป็นที่นิยมมากในเอเชียตะวันออก เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์และเกาหลีใต้ซึ่งได้รับการยกย่องจากชาวญี่ปุ่นว่าเป็นปลาสดที่ดีที่สุดในหมู่ปลาทะเล

เนื้อของปลาชนิดนี้เป็นสีขาวอ่อนๆ ก้างค่อนข้างเยอะ ดังนั้นคนยุโรปและอเมริกันจึงไม่ค่อยชอบกิน แต่รสชาติของปลาเพิร์ชสีขาวเงินอร่อยและสด และยังเหมาะกับการทำอาหารหลากหลายวิธี อย่างเช่น ตุ๋นน้ำแดง นึ่ง ย่างเกลือ ทอด หรือทำเป็นซาซิมิ เป็นต้น

ฉินสือโอวคอยกำกับเรือในการปล่อยลูกปลาลงทะเล ปลาเพิร์ชสีขาวเงินเป็นปลาทะเลน้ำตื้น ชอบอยู่กันเป็นกลุ่มๆ แต่ก็จะไม่ได้รวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่มาก แต่รวมกันเป็นกลุ่มเล็กๆ ลอยอยู่บริเวณผิวน้ำ ง่ายต่อการจับขึ้นมา

เมื่อปล่อยลูกปลาลงไป ชาร์คยกคิ้วส่งสัญญาณทางสายตาให้ฉินสือโอว เขาจึงมองไปตามสายตาที่ชาร์คมองไป และเห็นคนยืนอยู่บนชายหาดในระยะไกลออกไป ถึงแม้จะเห็นหน้าตาของคนนี้ไม่ชัดเจน แต่เขาก็รู้ว่าคนนี้คือชาลส์ซึ่งอยู่ที่ฟาร์มปลามาตลอดไม่ได้กลับไป

ฉินสือโอวยื่นมือจะเอากล้องส่องทางไกลมาส่องชาลส์ให้ละเอียดสักหน่อย เขามีสีหน้าเย็นชา ปากคาบซิการ์ที่ยังไม่จุดอยู่ในปากของเขา ฉินสือโอวนายใหญ่ที่เฝ้าดูอยู่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “แม่ง ไอ้ผู้ชายคนนี้ดู ‘ก๊อดฟาเธอร์’ มากเกินไปแล้วมั้ง นี่หมายความว่าอย่างไร? จะให้ไกอามากดจุดตายฉันเหรอไง?”

ชาวประมงคนอื่นๆ ก็ไม่สนใจ เป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับฟาร์มปลาใกล้เคียง แต่เจ้าของฟาร์มปลาเป็นบุคคลที่มีค่าตัว พวกเขาจะไม่ใช้วิธีที่รุนแรงเกินไปในการจัดการซึ่งกันและกัน เพราะพวกเขาไม่ต้องการละเมิดกฎหมายและถูกลงโทษ เพราะจะได้ไม่คุ้มเสีย

หลังจากส่งลูกปลาแต่ละชนิดเข้ามาในฟาร์มปลาแล้ว ฝูงปลาค็อด ปลาแฮร์ริ่งและปลาซาบะตัวใหญ่จากฟาร์มปลาต้าฉินมาถึงที่นี่แล้ว นอกจากนี้แล้วยังมีฝูงปลาเเซลมอนแปซิฟิก นี่คือกำลังหลักที่ฉินสือโอวเอามาที่ฟาร์มปลาแห่งที่สาม เนื่องจากปลาแซลมอนแปซิฟิกต้องอพยพไปยังแม่น้ำเพื่อผสมพันธุ์ ดังนั้นสำหรับพวกมันแล้วฟาร์มปลาแห่งที่สามที่มีแม่น้ำเซนต์แคเทอรีนส์ถึงเป็นแหล่งที่เหมาะกับการอยู่อาศัยมากกว่า

ฉินสือโอวปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกไปหลายสายเพื่อดูสถานการณ์ของฝูงปลา ในเวลานี้ใต้ทะเล ฝูงปลาทะเลน้อยใหญ่มาเป็นฝูงๆ เข้ามาอย่างมากมาย…

เขาไม่รู้แน่ชัดว่าเขาระดมฝูงปลามาเท่าไร อย่างไรก็ตามตอนที่เขาออกเดินทางเมื่อสองสามวันก่อน จิตสำนึกแห่งโพไซดอนได้ตรวจสอบฟาร์มปลาทั้งหมดรอบหนึ่งแล้ว เมื่อเจอปลาเเซลมอนแปซิฟิกก็ส่งคำสั่งให้มันอพยพย้ายมาอยู่ที่นี่ให้หมด ส่วนปลาซาบะ ปลาแฮร์ริ่งและปลาค็อดกลับเป็นปลาที่พบระหว่างทาง และก็เอาที่นี่หมดโดยไม่ได้ไปสนใจขนาด

ปลาเหล่านี้ว่ายมาเป็นระยะทางไกลและไม่รู้ว่ามีกี่ตัวที่ถูกทิ้งจากฝูง นี่เป็นกระบวนการคัดกรองเช่นกัน มันเหมือนกับทาสผิวดำที่ขายให้กับอเมริกาเหนือในศตวรรษที่ 16 และ 17 ใครมี่มีร่างกายอ่อนแอก็ตายบนท้องถนน และทุกคนที่สามารถมาถึงอเมริกาเหนือได้ถือว่าเป็นประชากรที่มีคุณภาพสูงและมีร่างกายแข็งแรง

เฉกเช่นเดียวกัน ฝูงปลาที่เดินทางมาจากฟาร์มปลาต้าฉินไปที่ฟาร์มปลาแห่งที่สามได้ ความแข็งแกร่งของปลาทะเลเหล่านี้ก็ถือว่าแข็งแกร่งที่สุดเช่นกัน จิตสำนึกแห่งโพไซดอนของฉินสือโอวด้านหนึ่งก็กวาดดูไปรอบๆ อีกด้านหนึ่งก็นำพลังโพไซดอนส่งออกไปให้พวกปลาเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นปลาอะไรก็ให้อย่างเท่าเทียมกันหมด เพราะพวกนี้ต่างเป็นรากฐานในการพัฒนาฟาร์มปลาแห่งที่สามในอนาคต

จิตสำนึกแห่งโพไซดอนตรวจตราอยู่ใต้ทะเลอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นฉินสือโอวก็เห็นของบางอย่างที่สวยงามมากในจังหวะที่แสงส่องแวบผ่านไปอย่างรวดเร็ว

สิ่งนี้ควรเป็นสิ่งมีชีวิตในทะเลแบบโปร่งใส มีลักษณะคล้ายท่อที่ว่ายติดไปกับปลาตัวใหญ่บางตัว พวกมันกำลังส่องแสงในทะเล ในขณะที่ว่ายลอยไปตามปลาตัวใหญ่ มีเส้นสีเหลืองและสีขาวบนลำตัว เมื่อปลาเหล่านี้ว่ายเข้ามาใกล้ผิวน้ำทะเล เมื่อแสงแดดส่องลงไปในน้ำก็ยังคงมีแสงสว่างน้อยๆ ส่องไปที่ตัวของพวกมันที่มีลักษณะโปร่งใส ทำให้มองจากมุมไกลแล้วเหมือนหลอดไปที่มีสีสันสวยงาม

สิ่งที่สวยงามที่สุดคือพวกมันมีลักษณะยาวเป็นทรงกระบอก ขณะที่ปลาตัวใหญ่ว่ายน้ำ ร่างกายที่อ่อนนุ่มและโปร่งใสของพวกมันกำลังแกว่งไปมาในน้ำทะเล อาจเป็นเพราะร่างกายของพวกมันหักเหแสงแดดในองศาที่ต่างกัน ทำให้พวกมันแสดงสีที่แตกต่างกันขณะที่ร่างกายของพวกมันแกว่งไปมาท่ามกลางแสงอาทิตย์

ในบางครั้งเมื่อสิ่งมีชีวิตเหล่านี้เดินผ่านสาหร่ายทะเลที่มีความยาว พวกมันจะตกจากปลาตัวใหญ่ และเกาะติดกับสาหร่ายอีกครั้ง แสงแดดอ่อนๆ ที่ส่องมายังพวกมันซึ่งถูกสีเขียวของสาหร่ายทะเลสะท้อนแสง ทำให้สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ดูเหมือนมรกตใสวาวมากเป็นพิเศษ

เมื่อเห็นฉากนี้ ภายในใจของฉินสือโอวก็อดไม่ไหวที่จะอุทานขึ้นมา ช่างสวยงามจริงๆ!

เขากลับไม่รู้ชื่อของสิ่งมีชีวิตนี้เพราะเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นมัน แต่ว่าสิ่งมีชีวิตบางอย่างก็จะลอยติดไปกับปลาเพื่อที่มันจะได้ควบคุมปลาตัวใหญ่ไม่ให้จมได้ เขาถามชาร์คว่า “เฮ้ ชาร์ค นี่มันคือตัวอะไร? ดูแล้วสวยมากเลย”

ชาร์คเป็นชาวประมงแก่ประสบการณ์ที่ออกตระเวนไปทั่วโลก แต่เขาไม่รู้จักสิ่งมีชีวิตนี้ เกาหัวอย่างเขินอายและบอกว่าเขาไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตนี้มากนัก

ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงโทรหาศาสตราจารย์แซนเดอร์ส สมแล้วที่เขาเป็นผู้มากความสามารถระดับมืออาชีพ หลังจากฟังคำอธิบายของเขาแล้ว ศาสตราจารย์สูงวัยก็ตัดสินได้อย่างง่ายดาย “สิ่งนี้เรียกว่าเพรียงหัวหอมหลอดไฟ ร่างกายของพวกมันจะกระพริบในแสงอาทิตย์เหมือนกับหลอดไฟที่ส่องแสง มีร่องรอยของมันในหลายพื้นที่ในทะเล อย่างไรก็ตามเสน่ห์ของพวกมันต้องอาศัยการผสมผสานระหว่างแสงแดดและน้ำทะเล หากปรากฏนอกน้ำทะเลก็จะไม่ได้สวยอะไรเท่าไร ผู้คนจะไม่สนใจแม้ว่าพวกเขาจะเห็นมัน ดังนั้นหลายคนจึงไม่รู้จักชื่อของพวกมัน”

หลังจากรู้ชื่อมัน ฉินสือโอวก็รีบใช้มือถือหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตด้วยความสนอกสนใจ หลังจากนั้นก็ได้ข้อมูลเฉพาะของเพรียงหัวหอมหลอดไฟ

เป็นอย่างที่ศาสตราจารย์แซนเดอร์สพูดไว้ เพรียงหัวหอมหลอดไฟเมื่ออยู่ในน้ำจะสวยงาม แต่จำเป็นจะต้องอยู่ในน้ำทะเล ยิ่งน้ำใสมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี มันก็จะกลายเป็นหลอดไฟน้อยๆ ในทะเล ที่คอยส่องแสงให้กับมุมสลัวๆ ในทะเล

หลังจากอ่านบทนำ ฉินสือโอวก็คิดถึงการเพาะพันธุ์เพรียงหัวหอมหลอดไฟในใจของเขา เพรียงหัวหอมหลอดไฟธรรมดาไม่มีอะไรสวยงาม แต่พวกมันชอบที่จะดูดติดบนหิน สาหร่ายทะเลและสิ่งที่คล้ายกัน ซึ่งหมายความว่าพวกมันสามารถติดกับกระจกในทะเลได้

ฉินสือโอวพยายามอย่างเต็มที่ในการสร้างคริสตัลพาเลซที่ก้นทะเล แต่เนื่องจากจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไม่ได้มีหน้าที่ในการดำเนินการที่ละเอียดอ่อน ดังนั้นการก่อสร้างคริสตัลพาเลซจึงไม่สวยงาม และเขาก็ไม่ต้องการให้ความพยายามของเขาสูญเปล่าและคิดว่าจะตกแต่งอย่างไรให้คริสตัลพาเลซสวยขึ้น

แล้วการปรากฏตัวขึ้นของเพรียงหัวหอมหลอดไฟก็ให้แรงบันดาลใจกับเขา เขาคิดว่าจะต้องพาคนดำน้ำลงไปที่คริสตัลพาเลซ ใช้เครื่องมือในการจัดการสักหน่อยก่อน จากนั้นจึงนำปะการังบางส่วนเข้าไป ปะการังที่มีสีสันผสานกับแสงแดดสลัวๆ ควบคู่ไปกับเพรียงหัวหอมหลอดไฟ จะต้องช่วยเพิ่มเสน่ห์ของคริสตัลพาเลซได้เป็นสองเท่าอย่างแน่นอน

………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท