หลังจากฉินสือโอวลงไปในน้ำทะเล ในใจของเขาก็รู้สึกสงบ เขาลากอวนค่อยๆ ดำลงไปด้านล่าง เนื่องด้วยปลาเพิร์ชเป็นสัตว์น้ำตื้น ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องวางอวนให้ลึก แค่ 10 กว่าเมตรก็พอแล้ว
ประโยชน์ของชาวประมงที่อยู่ในทะเลก็เพื่อช่วยป้องกันอวนที่ลงไปในทะเลพันกัน พวกเขาต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าอวนจับปลานั้นยืดออกได้อย่างราบรื่น อย่างที่เราทราบกันดีว่าเมื่ออวนจับปลาพันกันก็ไร้ซึ่งประโยชน์แล้ว
ส่วนของอวนที่ฉินสือโอวดูแลเป็นส่วนที่กว้างที่สุด นอกจากนี้แล้วยังมีเกิง จุนเจี๋ยและชาวประมงอีก 4 คนดำลงไปในน้ำด้วยกัน เนื้อที่ของอวนที่พวกเขาดูแลจะแคบหน่อย เพราะอย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่ได้มีทักษะที่ดีเท่าฉินสือโอว
เมื่ออยู่ในทะเล ฉินสือโอวนายใหญ่จะรู้สึกสุขสบายมากเป็นพิเศษ อีกทั้งในเวลานี้ตอนที่เขาปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกไป จะรู้สึกได้เลยว่าจิตสำนึกแห่งโพไซดอนชัดเจนมากกว่าเดิม และเคลื่อนไหวในทะเลได้ว่องไวกว่า และก็สามารถควบคุมทะเลได้ดีกว่าเดิม
ที่ความลึก 10 กว่าเมตร ปล่อยอวนจับปลาลงไปอย่างรวดเร็ว ฉินสือโอวว่ายไปตามแนวอวน ครั้งนี้วางอวนได้ราบรื่นมากทีเดียว ไม่มีจุดไหนของอวนจับปลาที่พันกันเลยสักนิด แน่นอนว่าสิ่งนี้ก็เข้าใจได้เพราะนี่เป็นอวนสำหรับเพราะพันธุ์อันใหม่
ทันใดนั้นในช่วงเวลานี้เอง ก็มีแสงสีแดงสดก็สว่างวาบขึ้นซึ่งห่างจากเขาไปสองร้อยกว่าเมตร แสงนี้กะพริบเร็วมาก ขึ้นๆ ลงๆ อยู่ตรงส่วนของทะเลลึก แสงส่องสว่างมากซึ่งฉินสือโอวสังเกตเห็นตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว
เมื่อเห็นแสงนี้ ฉินสือโอวใจเต้นแรง แม่งเอ๊ย สถานการณ์ไม่ปกติ นี่แสดงว่ามีคนเจอปัญหาในทะเลแล้ว
ชุดดำน้ำที่เขาซื้อเป็นชุดดำน้ำที่ทันสมัยที่สุดพร้อมไฟเตือน หากนักดำน้ำประสบปัญหา เพียงแค่เปิดสวิตช์ก็จะมีเลเซอร์สีแดงส่องแสงไปรอบๆ
พลังเลเซอร์มีขนาดค่อนข้างใหญ่ สามารถส่องแสงในน้ำทะเลได้ไกลถึง 10 กว่าเมตร ดังนั้นจึงไม่ใช่แค่ฉินสือโอว พวกชาวประมงคนอื่นๆ ที่ดำน้ำลงมาก็เห็นถึงปัญหาเช่นกัน และมีเลเซอร์สีขาวตอบสนองทันที นั่นหมายความว่าพวกเขาจะเข้าไปช่วยเหลือในทันที
ฉินสือโอวกังวลว่าลูกน้องของเขาจะเกิดอันตราย การดำน้ำเป็นหนึ่งในกีฬาผาดโผนที่น่ากลัวที่สุดในโลก โชคดีที่นี่ไม่ใช่การดำน้ำลึก บางครั้งเวลากู้ภัยสำหรับการดำน้ำลึกจะมีเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น…
แต่สิ่งที่เขากังวลก็คือ แสงเลเซอร์สีแดงกะพริบเพียงแค่ไม่กี่ครั้งก็หายไปอย่างรวดเร็ว แล้วทุกอย่างในทะเลก็คืนสู่สภาพมืดดำนิ่งสงบ ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติอย่างมาก
เทคโนโลยีสมัยใหม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ อุปกรณ์เปล่งแสงเลเซอร์บนชุดดำน้ำจึงไม่น่าจะเสียง่าย และพลังงานก็เพียงพอที่จะรองรับการกะพริบได้ทั้งวันทั้งคืน ดังนั้นการที่แสงเลเซอร์ดับลงกะทันหัน แสดงอย่างเห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ข้างๆ เขาก็คือเกิง จุนเจี๋ย ตำแหน่งห่างออกไป 400 กว่าเมตร ซึ่งในทะเลนั้นระยะทาง 400 ว่าเมตรไม่นับว่าใกล้ ภายใต้ความกังวลของเขา เขาใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนขยับตัวเขาเอง ดูเหมือนกับเขากำลังถือใบพัดใต้น้ำอยู่ เพียงชั่วครู่ก็เข้าไปใกล้เกิง จุนเจี๋ยอย่างว่องไว
หลังจากเข้าใกล้แล้ว เขาก็พบว่า แสงเลเซอร์ไม่ได้ดับไป แต่เพราะแสงที่ส่องสว่างออกมาอ่อนแรง อันที่จริงแล้วเลเซอร์บนหลังของเกิง จุนเจี๋ยยังคงกะพริบอยู่ แต่มันถูกบางอย่างปิดทับไว้ จึงทำให้แสงที่ส่องออกมาริบหรี่มาก
สิ่งที่มาปิดทับแสงเลเซอร์ไว้เหมือนจะเป็นหมึกสายตัวหนึ่ง มันแนบติดอยู่กับแสงเลเซอร์ ลำตัวของมันเผยให้เห็นสีแดงเข้มแปลกๆ ชนิดหนึ่ง
ฉินสือโอวปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกไปดู ก็แน่ใจว่ามันเป็นหมึกสายที่นอนอยู่บนร่างของเกิง จุนเจี๋ย แต่ไม่ใช่เพียงตัวเดียว แต่มีอยู่หลายตัว พวกมันติดอยู่กับชุดดำน้ำของเกิง จุนเจี๋ย และหนึ่งในนั้นนอนปิดทับแสงเลเซอร์อยู่ สถานการณ์ของเกิง จุนเจี๋ยยังดูปกติดี
หลังจากว่ายเข้าไปหา ฉินสือโอวก็ตั้งค่าความถี่การกะพริบของแสงเลเซอร์ของเขาให้สูงที่สุด ซึ่งหมายถึงเป็นการบอกกับเกิง จุนเจี๋ยว่าเขามาถึงแล้วเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องกังวลใจ ในขณะเดียวกันเขาก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ในใจคิดว่าเฒ่าเกิงเป็นทหารผ่านศึกที่แข็งแกร่ง เขาทำตัวแย่เกินไปแล้วในทะเล มีหมึกสายสองสามตัวอยู่บนตัวก็กลัวแล้วเหรอ?
แต่สภาพจิตใจของเขาก็ยังถือว่าดีอยู่ มือที่อยู่ในถุงมือชูนิ้วโป้งขึ้น หลังจากที่ฉินสือโอวเข้าใกล้เขาก็ยื่นมือออกไปชูนิ้วโป้งเช่นกัน ในเวลานี้เองหมึกสายที่แนบอยู่บนตัวของเกิง จุนเจี๋ยลอยหลุดออกจากตัวเขาแล้วว่ายมาหาทางฉินสือโอว
ฉินสือโอวเตรียมที่จะใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนควบคุมเจ้าหมึกสายตัวนี้ให้มันจากไป แต่ทว่าตอนที่เจ้าหมึกสายนี้เข้าใกล้เขา เขาก็ตกใจในทันที เชี่ย ประหลาดมาก ทำไมตาของเจ้าหมึกสายนี่ถึงมีสีแดงสดขนาดนี้?!
เมื่อตรวจสอบสถานการณ์ก่อนหน้านี้ของเกิงจุนเจี๋ย เขาสังเกตเห็นว่าดวงตาของหมึกสายที่นอนอยู่บนหลังของเขาเป็นสีแดง แต่เขาไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ คิดง่ายๆ เพียงว่าสีตาสะท้อนจากแสงเลเซอร์สีแดง แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่อย่างนั้น
เขาไม่มีเวลามากพอที่จะมาสังเกตความแปลกประหลาดของเจ้าปลาหมึกนี่ เขาควบคุมปลาหมึกตัวที่เหลือบนตัวเกิง จุนเจี๋ยก่อน หลังจากนั้นก็แกะพวกมันออกจากตัวเขา เมื่อเป็นแบบนี้ถึงค่อยมีเวลามาสังเกตปลาหมึกเหล่านี้
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเขามองอย่างละเอียด กลับเจอกับสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกสนใจ จริงๆ แล้วนี่ไม่ใช่หมึกสาย เพียงแค่มีรูปร่างคล้ายหมึกสาย ถ้ามองอย่างละเอียดแล้วล่ะก็ พวกมันเหมือนสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่ประหลาดๆ วิ่งออกมาจากภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ตอนเที่ยงคืน แม้ว่าทั้งตัวจะคล้ายกับหมึกสาย แต่ก็มีครีบขนาดใหญ่ 2 อันที่ด้านหลังของลำตัวซึ่งมีลักษณะเหมือนหู 2 ข้าง นอกจากนี้ยังมีลักษณะคล้ายเยลลี่เหมือนแมงกะพรุนมากกว่าปลาหมึกหรือหมึกกระดอง
ตัวของเจ้านี่ไม่ใหญ่มาก มีขนาดความยาวสิบถึงยี่สิบเซนติเมตรและมีดวงตาคู่โตที่โดดเด่น เมื่อเทียบกับขนาดตัวของมัน ดวงตาคู่นี้ไม่นับว่าเล็ก ยังใหญ่กว่าดวงตาของหู่จือและเป้าจืออีก แต่ควรรู้ไว้ว่าขนาดลำตัวของแลบราดอร์มีความยาวมากกว่าหนึ่งเมตร
ฉินสือโอวสังเกตอย่างตั้งใจอีกครั้งและพบว่าสิ่งมีชีวิตนี้แตกต่างจากพวกปลาหมึก หมึกกระดอง หมึกสายส่วนใหญ่ที่เห็นเด่นชัดนั่นก็คือพวกมันไม่มีถุงหมึก หนวดของพวกมันไม่เรียบและมีสิ่งที่คล้ายฟันปกคลุมอยู่ทั่วด้านบน มองแล้วดูน่ากลัวมาก!
เห็นได้ชัดว่า เกิง จุนเจี๋ยพบความประหลาดของหมึกสายพวกนี้ หรืออาจจะเป็นไปได้ว่าเขารู้แล้วว่า สิ่งนี้ไม่ใช่หมึกสายจึงไม่กล้าขยับไปไหน
ฉินสือโอวเริ่มมองเจ้าสัตว์ประหลาดนี่เป็นหมึกสาย นั่นก็เพราะว่ารูปร่างของมันเหมือนหมึกสายมีรูปร่างเหมือนกระสวย และยังมีหนวดมากมาย แต่ทว่าเขาดูผิดไปแล้ว หนวดของเจ้าสัตว์ประหลาดนั้นแตกต่างจากหนวดหมึกสาย ประการแรกจำนวนจะแตกต่างกัน หมึกสายมีสิบหนวด แต่สิ่งมีชีวิตนี้มีเพียงแปดหนวด นอกจากนี้พวกมันยังมีลักษณะที่แตกต่างกัน พวกมันมีหนวดคู่หนึ่งที่ยาวเป็นพิเศษ คือสามสิบหรือสี่สิบเซนติเมตรได้ ในนั้นมีฟันเต็มไปหมด จึงเดาได้ว่าตอนที่พวกมันเจอเหยื่อ แน่นอนว่ามันจะต้องยื่นหนวดนี้ออกไป และใช้ฟันที่อยู่ด้านในหนวดกันกินเหยื่อ
หลังจากที่ควบคุมเจ้าสัตว์ประหลาดนี้ได้แล้ว แม้ว่าเขาจะไม่แน่ใจในพลังทำลายล้างของพวกมัน แต่ฉินสือโอวก็ไม่กลัว จึงเข้าไปใกล้เกิง จุนเจี๋ยและดึงเอาพวกมันออกมา และยังแนบมันเข้ากับดวงตาของเขาเพื่อมองดูด้วยความสงสัยอีกด้วย
สัตว์ประหลาดมีทั้งหมดหกตัว พวกมันต้องเป็นสายพันธุ์เดียวกัน แต่พื้นผิวของร่างกายบางตัวก็เป็นสีแดงเข้ม แต่บางตัวเป็นสีเทาดำ ฉินสือโอวมองดูและก็รู้สึกประหลาดใจอย่างต่อเนื่อง
หลังจากกำจัดสิ่งมีชีวิตเหล่านี้เกิง จุนเจี๋ยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ฟองอากาศพ่นออกมาจากปากเขา เขานับว่ามีความกล้ามาก เมื่อเห็นฉินสือโอวมือจับเจ้าสัตว์ประหลาดนี้อยู่จึงว่ายเข้ามาร่วมวงด้วย
แต่พอมองไปมองมา ทั้งสองก็จำแนกประเภทของสิ่งมีชีวิตนี้ไม่ได้ ฉินสือโอวต้องการทราบว่ามันคืออะไรและมันปรากฏตัวได้อย่างไรในฟาร์มปลาของเขา ดังนั้นเขาจึงคว้าเอาตัวหนึ่งและว่ายน้ำขึ้นไปเหนือผิวน้ำ
…………………………………………….