ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1883 ไฟอาฆาตแก้แค้น

บทที่ 1883 ไฟอาฆาตแก้แค้น

หรือว่าชาลส์ มอร์รี่จะรักสะอาดเกินเหตุ? ของที่เขาแตะไปแล้วก็ต้องโยนทิ้ง?

การคาดเดานี้ก็แค่แวบเข้ามาในหัวของฉินสือโอวเท่านั้น ไม่มีทางหรอก ต่อให้เป็นแบบนั้นเขาก็ไม่น่าจะโยนทิ้งแต่น่าจะเอาให้ลูกน้องเพื่อซื้อใจกัน ที่จริงรูปปั้นสองอันนี้แกะสลักได้ประณีตมาก เป็นของดีทั้งนั้น

ลางสังหรณ์ทำให้เรารู้สึกว่ารูปปั้นทั้งสองนี้มีปัญหาบางอย่าง ไม่อย่างนั้นชาลส์คงไม่โยนพวกมันทิ้ง

ประจวบเหมาะกับที่งูเหลือมทะเลตัวหนึ่งของเขากำลังหาอาหารอยู่ในฟาร์มปลามอร์รี่ ฉินสือโอวเลยออกคำสั่งให้มันเอารูปปั้นทั้งสองกลับมาให้เขา เขาจะดูสักหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ท่าทีของงูเหลือมทะเลแสนอ่อนโยนออกจะแปลกๆ ตอนที่มันว่ายไปแถวๆ รูปปั้นทั้งสองแล้ววนสองรอบก็ไม่ได้หิ้วเอากลับมาแต่กลับถอยหลังแบบไม่ค่อยยินดี

เห็นแบบนั้นใจของฉินสือโอวก็กระตุก เขารู้สึกว่าปัญหาใหญ่กว่าที่คิดเลยใช้จิตสำนึกโพไซดอนควบคุมงูเหลือมทะเลให้ไปหิ้วรูปปั้นทั้งสองแล้วว่ายไปด้านหลัง

ในตอนนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลอีก ระหว่างนั้นเขาก็ถ่ายพลังโพไซดอนให้งูเหลือมทะเล แต่เหมือนว่ามีอะไรบางอย่างกำลังลดทอนพลังโพไซดอน เห็นได้ชัดว่ารูปปั้นทั้งสองนี้มีพลังแปลกๆ

สีหน้าของฉินสือโอวเปลี่ยนไป หรือว่าตระกูลมอร์รี่ไม่รู้ว่าไปรู้ความลับของเขาได้อย่างไร? นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะมีวิธีลดทอนพลังโพไซดอนด้วย? นี่เป็นเรื่องที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน!

ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ งั้นเขาก็เจอปัญหาใหญ่แล้ว เขารักษาความลับเรื่องหัวใจโพไซดอนมาตลอด ถ้าความลับนี้รั่วไหลออกไป ทั้งโลกใบนี้ก็คงไม่มีที่ให้เขายืน

พอได้รูปปั้นทั้งสองมา เขาก็รีบคิดหาวิธีศึกษา

ดูภายนอกปกติมาก เขาถือไว้ในมือพลางเพ่งเล็งอย่างละเอียดก่อนจะรู้สึกว่าน้ำหนักไม่ปกติ

รูปปั้นทั้งสองนี้ขนาดพอๆ กัน รูปปั้นโพไซดอนทำมาจากหินอ่อน แต่รูปปั้นเรือดูแล้วเป็นรูปปั้นทองแดง แต่ทั้งสองหนักพอๆ กัน อย่างนี้ไม่ปกติแล้ว ฉินสือโอวรู้ว่าความหนาแน่นของโลหะจำพวกเหล็กและทองแดงเยอะกว่าหินอ่อนมาก น้ำหนักของทั้งสองควรจะต่างกันมากสิ

เขาเข้าไปหาในอินเทอร์เน็ตครู่หนึ่ง เป็นอย่างที่คิด ความหนาแน่นของทองแดงคือ 8 9 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร ความหนาแน่นของเหล็กคือ7 8 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร ก้อนหินก็ห่างกันเยอะ หินอ่อนแค่สองกรัมกว่าต่อลูกบาศก์เมตรเท่านั้นเอง

รูปปั้นนี่ต้องมีอะไรแน่ๆ ฉินสือโอวเรียกชาร์คมาให้เขาคิดหาวิธีผ่ารูปปั้นนี่ดูว่ามันอย่างไรกันแน่

ชาร์คเป็นชาวประมงมากประสบการณ์ ปกติทำงานที่ใช้มือเยอะ เจอกับรูปปั้นพวกนี้ก็เยอะ เขาเอาเรือเล็กขึ้นมาถือในมือแล้วคว่ำดูก่อนจะพูดขึ้น “อันนี้น่าจะเคลือบโลหะไว้ ข้างในเป็นหินก้อนหนึ่ง”

อย่างที่คิด เขาใช้สว่านแหลมเจาะเสาของเรือเล็กจนหัก สิ่งที่เผยออกก็คือหินสีเขียวเทาชนิดหนึ่งภายใต้ชั้นโลหะเคลือบซึ่งเป็นประกายเงาเรซิ่น

“ข้างในเป็นหินอะไร?” ฉินสือโอวโพล่งถามออกไป เขารู้สึกไม่ชอบมาพากล หินนี่อาจมีอะไรบางอย่าง ไม่อย่างนั้นคงไม่จำเป็นต้องใช้ชั้นเคลือบโลหะปกปิดไว้

ทหารผ่านศึกชาวจีนตามมาช่วย พอเขาเห็นหินก็ชะงักไปก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าช้าๆ “บอส ไอ้สิ่งนี้มาจากไหน? ทำไมผมรู้สึกว่ามันออกจะเหมือนกับยูเรนิไนท์?”

พอได้ยินแบบนั้น ชาร์คก็โยนแร่ทิ้งไปทันทีแล้วร้องด้วยความผวา “อย่ามาหลอกให้ตกใจนะ นี่ก็คือแร่ยูเรเนียม?”

นายทหารพูดยิ้มๆ “ไม่น่ากลัวอะไร น่าจะเป็นยูเรนิไนท์ที่แปรรูปหยาบๆ ครึ่งชีวิตของมันนานมาก ดังนั้นตอนนี้ที่คุณสัมผัสมันจะยังไม่มีอันตรายอะไร”

“ถ้านานไปล่ะ?” ฉินสือโอวมองเขาพลางถามขึ้น

“ถ้างั้นก็ไม่ได้แล้ว แม้ว่าระยะครึ่งชีวิตของแร่ยูเรเนียมจะยาว แต่อย่างไรมันก็มีกัมมันตภาพรังสี เป็นอันตรายต่อคนมาก โดยเฉพาะเด็กกับคนแก่” ทหารพูดพลางเกาหัวไปด้วย “บอส คุณไปเอาของพวกนี้มาจากไหน? ปกติแล้วแร่ยูเรเนียมจะรั่วไหลไปในสังคมไม่ได้ ถ้าแค่แร่ล่ะก็ความเสียหายไม่มาก พอกลายเป็นผงแล้วคนสูดเข้าระบบหายใจความเสียหายก็มากแล้ว ”

ตอนอยู่ที่จีนเขาเคยเป็นทหารชีวเคมี มีความรู้เรื่องรังสีนิวเคลียร์กับมลพิษทางนิวเคลียร์ที่ลึกมากจึงได้ทำการอธิบายให้ฟัง

ยูเรเนียมเป็นสสารที่มีความหนาแน่นมากที่สุดในธรรมชาติ ใช้ประโยชน์ได้มากมาย นอกจากจะใช้เป็นเชื้อเพลิงนิวเคลียร์แล้ว ยังใช้เป็นลูกปืนชนิดเจาะเกราะ นั่นก็คือระเบิดยูเรเนียมด้อยสมรรถนะที่ผู้คนชื่นชอบด้านทหารคุ้นเคย

ตามปกติแล้วถ้าไม่มีการใช้ระเบิดยูเรเนียมด้อยสมรรถนะก็ไม่เป็นไร แต่หลังใช้แล้วมันก็จะมีอันตรายสูง พอแกนระเบิดยูเรเนียมยิงโดนเป้าหมาย อุณหภูมิสูงจะเผาไหม้อย่างรุนแรง ในขณะเดียวกันก็จะเกิดควันและฝุ่นมากมายก่อนจะกระจายไปรอบด้านตามการไหลเวียนของอากาศ เข้าสู่ร่างกายคนผ่านทางเดินหายใจ หรือไม่ก็ลงไปผสมกับดิน น้ำ หรือพืช

ปกติเพราะมีอากาศ เสื้อผ้าแล้วก็ผิวป้องกันไว้ วิถีของยูเรเนียมด้อมสมรรถนะจะไม่เป็นอันตรายต่อภายนอกของคนมากนัก แต่ถ้าฝุ่นพวกนั้นเข้าสู่ร่างกายคนก็เป็นคนล่ะเรื่องกันแล้ว

อนุภาคยูเรเนียม -238 มีผลโดยตรงต่ออวัยวะภายในที่อ่อนแอ รังสีแอลฟาในระยะใกล้จะสร้างความเสียหายรุนแรงต่อเซลล์จนนำไปสู่มะเร็งและอาการป่วยอย่างอื่น เนื่องจากฝุ่นยูเรเนียมล้วนเข้าทางระบบย่อยอาหารและทางเดินหายใจ ดังนั้นอวัยวะในส่วนนั้นๆ จะเกิดอาการป่วยได้ง่าย อย่างเช่นมะเร็งจมูก มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะเป็นต้น

ถ้าได้รับฝุ่นมากเกินไป อนุภาคเป็นพิษเหล่านี้ยังเข้าสู่ตับ ไตกับกระดูกผ่านเลือดด้วยทำให้เกิดความเสียหายมากกว่าเดิม โรคเหล่านี้ล้วนเป็นโรคเรื้อรัง ภายใน 5 ปี อาการป่วยจะไม่แสดงออกมา

ชาร์คมองทั้งสองด้วยความตื่นตระหนก “เมื่อกี้ที่ผมเฉาะเสาเรือนั้นเหมือนว่าจะมีฝุ่นด้วย…”

“ไม่มีหรอก คิดมาไปแล้วชาร์ค สว่านไฟฟ้าเจาะไม่นานเสาก็หักแล้ว จะไปมีฝุ่นได้อย่างไร? อีกอย่างฝุ่นแบบนี้จะเกิดขึ้นจากการระเหยในอุณหภูมิสูง ไม่ใช่เพราะจากแรงกล ไม่ต้องกลัว” ทหารยิ้มพลางตบบ่าเขา “แต่ว่าเอาของพวกนี้ไปทิ้งเถอะ ของพวกนี้อย่าแตะดีที่สุด!”

ฉินสือโอวตบโต๊ะอย่างแรง โมโหจนแทบคลั่ง ตระกูลมอร์รี่นี่ช่างโหดเหี้ยมจริงๆ นี่มันต้องการให้ทั้งบ้านเขาตายชัดๆ! รูปปั้นยูเรเนียมแบบนี้วางไว้ในบ้านนานๆ สุขภาพคนในบ้านต้องแย่แน่นอน!

ตระกูลมอร์รี่วางแผนโหดเหี้ยมมาก ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปต่อให้คนในบ้านป่วยไม่สบายก็ยากจะนึกไปถึงรูปปั้นทั้งสอง เพราะรังสีจากแร่ยูเรเนียมต้องใช้เวลานานถึงจะออกฤทธิ์ พอถึงตอนนั้นถ้าครอบครัวป่วยเป็นมะเร็งก็จะไม่คิดไปถึงของขวัญที่พวกเขาและตระกูลพวกเขาให้

คราวนี้เขาโกรธแล้วจริงๆ ที่จริงฉินสือโอวไม่ใช่พวกชอบเอาชนะ ตระกูลมอร์รี่แหย่เขาหลายรอบเขาก็ไม่ได้สนใจแล้วก็ไม่ได้โต้กลับ

ยกตัวอย่างเช่นฟาร์มปลาของเขา ตระกูลมอร์รี่ไม่รู้ส่งเรือมาขโมยปลาตั้งกี่รอบ ตัวเขานอกจากจับเรือขโมยปลาก็ไม่ได้ไปเอาเรื่องกับตระกูลมอร์รี่

แต่ปรากฏว่าคนพวกนี้โหดร้ายทารุณ นึกไม่ถึงว่าจะคิดวิธีร้ายกาจแบบนี้ออกมาหวังจะฆ่าคนทั้งบ้านเขา ฉะนั้นเขาต้องคิดหาวิธีเอาคืน ไม่ใช่เอาคืนธรรมดาๆ แต่ทางที่ดีต้องทำลายตระกูลมอร์รี่ทั้งตระกูล ไม่อย่างนั้นเอาศัตรูแบบนี้ไว้ ชีวิตเขากับครอบครัวก็คงไม่ปลอดภัย!

……………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท