ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1886 ฟ้าจะปรานีใคร

บทที่ 1886 ฟ้าจะปรานีใคร

ฉินสือโอวเลิกเสื้อของชาลส์ขึ้นมาเผยให้เห็นปืนสีดำขลับ เหล่าตำรวจน้ำเห็นแบบนั้นก็หันปากกระบอกปืนไปที่ชาลส์แทน

ความรู้สึกที่โดนคนอื่นใช้ปากกระบอกปืนจี้มันแย่มากๆ เหมือนชีวิตไม่ใช่ของตัวเองอีกต่อไปแต่เป็นของอีกฝ่าย เมื่อกี้ฉินสือโอวกลัว คราวนี้ถึงคราวชาลส์บ้าง เขาตกใจจนร้องโหยหวนไม่หยุด

ตอนนั้นเองก็มีคนชี้ไปที่จุดไกลๆ แล้วตะโกนขึ้นมา “ดูนั่น มีฝาโลงลอยขึ้นมาอีกแล้ว”

เหล่าตำรวจน้ำหันหน้าไปดู ชาลส์ก็พยายามหันไปมอง หลังจากนั้นสีหน้าเขาก็เผยความร้อนรนออกมา

เพราะพกอาวุธแล้วยังมีการใช้อาวุธข่มขู่คนอื่น ตำรวจน้ำเลยจับชาลส์อัดเสีย ฉินสือโอวจะแจ้งความเขาแน่นอน เขาโทรหาเออร์บักแล้วถามโต้งๆ ว่าเรื่องแบบนี้จะจัดการอย่างไรให้ชาลส์ได้รับโทษสูงสุด

เหล่าตำรวจน้ำตรวจดูกะโหลกบนฝาโลงจากนั้นก็รีบไปจุดที่ฝาโลงลอยขึ้นมา พวกเขามีชุดดำน้ำ ตำรวจน้ำสองนายสวมเสร็จก็หยิบเอาปืนยิงปลากับไฟฉายใต้น้ำจากนั้นก็กระโดดลงไป

เพราะมีสาหร่ายสีน้ำตาลการค้นหาโลงศพใต้ทะเลจึงเป็นไปอย่างยากลำบากเล็กน้อย ฉินสือโอวเอาฝาโลงอันหนึ่งกับสาหร่ายสีน้ำตาลมาพันไว้ด้วยกัน พอเจอฝาโลงอันนั้นแล้วตำรวจน้ำดำลงไปต่อก็จะเจอกับโลงมากมาย

หลังจากนั้นเมื่อตำรวจแคนาดาตามมาถึง หัวหน้าตำรวจน้ำกับหัวหน้าตำรวจแคนาดาก็ทำการเจรจา หลังจากที่พวกเขาคุยกระซิบกระซาบกันไม่กี่ประโยค รูปมากมายก็ถูกปริ้นส์ออกมาแล้วนำมาส่งให้เขาถึงมือ

พอเห็นโลงศพกับซากศพ สีหน้าของเหล่าตำรวจก็เคร่งเครียดขึ้นมา พวกเขาโทรหาหัวหน้า และวันนั้นก็มีเรือกู้ซากมาในแถบทะเลนั้น

ฉินสือโอวอยากหาเรื่องชาลส์ แต่ไม่มีตำรวจสนใจเขาจนเขาร้อนรนขึ้นมา “เฮ้ๆ เพื่อน ตรงนี้มีคนพกอาวุธปืนข่มขู่ผมอยู่นะ ช่วยจับเขาก่อนได้ไหม?”

ตำรวจนายหนึ่งพูดด้วยความติดรำคาญ “คนอเมริกันคนนั้นก็ใส่กุญแจมืออยู่ไม่ใช่เหรอ? คุณไปรอก่อนเถอะ ตรงนั้นเป็นคดีที่สำคัญกว่า!”

ความมืดเริ่มเข้าปกคลุม ฉินสือโอวก็กลับเข้าไปในตึกเล็ก บนผืนน้ำทะเลมีเรือแล่นไปแล่นมา ทั้งเรือกู้ซากทั้งเรือลาดตระเวน มีเรือมากถึงยี่สิบลำมาที่นี่ นอกจากนี้ยังมีนักข่าวจากสื่อมาด้วย ทั้งคืนนั้น เขตทะเลของฟาร์มปลาเนืองแน่นไม่มีอะไรเทียบ

เรื่องหลังจากนั้นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉินสือโอวแล้ว มีตำรวจมาจดบันทึกให้เขากับชาวประมง เริ่มจากบันทึกเรื่องที่ชาลส์ใช้ปืนขู่เขา ฉินสือโอวเน้นเรื่องที่อีกฝ่ายยืนยันอยากจะได้ฝาโลงกับกะโหลก ตำรวจรายงานเรื่องนี้ขึ้นไป คนที่มาบันทึกให้เขาก็เปลี่ยนเป็นหัวหน้าของตำรวจแคนาดา

สารวัตรรู้ถึงอิทธิพลของฉินสือโอว เวลาปฏิบัติกับเขาก็ใจเย็นมาก ท่าทีดีจนหาที่ติไม่ได้ ตอนที่เกือบจะบันทึกเรียบร้อยเขาก็ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง

ฉินสือโอวหูดีเป็นพิเศษ สารวัตรก็ไม่ได้หลบเลี่ยงอะไรเขา ดังนั้นเขาก็เลยพอได้ยินว่าปลายสายพูดอะไร

ฟาร์มปลามีโลงกับซากศพโผล่มาเยอะแยะแบบนี้ แล้วยังเป็นจุดใกล้ชายฝั่งแถมมีสาหร่ายสีน้ำตาลเป็นสัญลักษณ์ แม้แต่เขาก็คิดออกว่าเรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับคาร์เตอร์เจ้าของฟาร์มปลา ตำรวจจะนึกไม่ถึงได้อย่างไร?

ทางตำรวจไม่ได้แค่สงสัยคาร์เตอร์เท่านั้น ยังสงสัยเจ้าของฟาร์มปลาคนก่อนของฟาร์มปลาเบอร์สามด้วย แต่ว่าพอมีคนสอบสวนคาร์เตอร์ เขาก็รับผิดในไม่นาน บอกว่าร่างพวกนั้นเขาเป็นคนช่วยจัดการเอง

ฉินสือโอวได้ยินข้อมูลแค่เท่านี้ เขานึกไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวกับคาร์เตอร์จริงๆ ดูท่าตอนนี้หมอนั่นคงต้องอยู่ในคุกไปจนหมดอายุขัยแน่

ตอนบ่ายวันที่สอง เออร์บักมาที่ฟาร์มปลา ฉินสือโอวพาเขาไปสถานีตำรวจเพื่อจะแจ้งความชาลส์

คนที่ต้อนรับเขาก็คือสารวัตรที่ทำบันทึกให้เขาเมื่อคืน เขาส่ายหน้าแล้วพูดว่า “คุณไม่ต้องแจ้งความเขาแล้ว ไม่มีประโยชน์หรอก หมอนั่นน่ะโดนส่งกลับอเมริกาข้ามคืนไปแล้ว”

“เวร นี่มันบกพร่องในหน้าที่นี่!” ท่านชายฉินโกรธขึ้นมาทันใด เขานึกไม่ถึงว่าตระกูลมอร์รี่จะมีอิทธิพลขนาดนี้

สารวัตรส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “คุณฉิน ฟังผมพูดให้จบก่อน พวกเรางมโลงขึ้นมาได้ทั้งหมดสิบหกโลง ในนั้นมีผู้ตายทั้งหมดสี่สิบห้าราย ในจำนวนนี้มีส่วนหนึ่งที่ระบุตัวตนได้แล้ว ล้วนแล้วแต่เป็นสมาชิกแก๊งมาเฟียที่หายตัวไป”

“ตอนนี้คดีนี้กลายเป็นคดีระหว่างประเทศไปแล้ว อเมริกาให้เอฟบีไอ สำนักงานปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ ตำรวจอาชญากรรมของรัฐตั้งทีมมาสืบสวนคดีนี้โดยเฉพาะ คุณชาลส์ มอร์รี่มีส่วนเกี่ยวข้องในการผลิต ขนส่ง ค้าขายยาเสพติด และฆาตกรรมโดนทีมพิเศษนี้เอาตัวไปแล้ว”

พอได้ยินแบบนั้นแม้ว่าฉินสือโอวจะเตรียมใจมาแล้วแต่ก็ตกใจอยู่ดี เขาถามขึ้นว่า “เรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับชาลส์ มอร์รี่?”

ปฏิกิริยาตอนนั้นที่ชาลส์เห็นฝาโลงกับกะโหลกก็ยืนยันว่าเขาต้องเกี่ยวแน่ๆ แต่ก็นึกไม่ถึงว่ายังเกี่ยวกับยาเสพติดด้วย

“เกี่ยวกับตระกูลมอร์รี่ทั้งตระกูล” สารวัตรไขว้แขนเท้ากับโต๊ะทำงานในขณะที่เล่าไปด้วย “ตามคำให้การของคาร์เตอร์ ร่างพวกนี้ล้วนแล้วแต่แอบขนมาพร้อมกับอาหารทะเลมาที่ฟาร์มปลาของเขาให้เขาช่วยจัดการ”

“ทำไมตระกูลมอร์รี่ไม่จัดการเอง ต้องให้คาร์เตอร์ช่วย?” ฉินสือโอวถามอย่างแปลกใจ

สารวัตรยักไหล่ผายมืออย่างจนใจ “ขอโทษด้วย ผมไม่ได้รับผิดชอบการสอบปากคำเขา ก็เลยไม่รู้เหตุผลเฉพาะเจาะจง แต่ตระกูลมอร์รี่จะจัดการร่างมากมายขนาดนี้ในอเมริกาก็ไม่ง่าย เพราะเอฟบีไอกับสำนักปราบปรามยาเสพติดจับตามองพวกเขาอยู่ตลอด”

คุยกับสารวัตรได้สักพัก ฉินสือโอวถึงรู้ว่าตระกูลมอร์รี่ไม่ได้เป็นอย่างที่เขารู้จัก ตลอดเวลาที่ผ่านมาเอฟบีไอกับสำนักงานปราบปรามยาเสพติดก็เดาว่าพวกเขาอาจจะเกี่ยวข้องกับการขนส่งยาเสพติดข้ามชายแดนอเมริกาและแคนาดา แต่แค่หาหลักฐานไม่ได้

ตอนนี้ในที่สุดก็มีหลักฐาน พวกเขาทำการจับกุมตระกูลมอร์รี่ยกใหญ่

หลายวันต่อมา ฟาร์มปลาก็ไม่เงียบสงบ คดีใหญ่นี้เป็นกระแสมากในทั้งอเมริกาและแคนาดา มีนักข่าวไม่น้อยมาสัมภาษณ์ฉินสือโอวที่ฟาร์มปลากับเจ้าของคนเก่าของฟาร์มปลาคาร์เตอร์

และจากทุกคน ฉินสือโอวกับชาร์คและคนอื่นๆ กลายเป็นจุดสำคัญของการสัมภาษณ์ เพราะพวกเขาเป็นคนพบฝาโลง กระทั่งพูดได้ว่าพวกเขาเป็นคนจับชาลส์ได้

ฉินสือโอวโยนงานสัมภาษณ์ให้พวกชาร์คไป เขาหลบไปที่คฤหาสน์ในอุทยานแห่งชาติ และสั่งห้ามไม่ให้ใครเปิดเผยการเคลื่อนไหวของเขาเด็ดขาด

แต่ว่าเขาสนใจคดีนี้อยู่ตลอด รายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้เยอะมากๆ ช่องทีวีของรัฐโนวาสโกเชียถึงขั้นทำรายการมาติดตามคดีนี้โดยเฉพาะ

ก่อนอื่นเลยเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมตอนนั้นที่ประมูลฟาร์มปลาคาร์เตอร์ตระกูลมอร์รี่จะต้องทุ่มเงินมาแย่งฟาร์มกับเขา และเข้าใจแล้วด้วยว่าทำไมคาร์เตอร์ไม่สนเรื่องที่ภรรยาหักหลังเขาโดยการติดป้ายขายฟาร์มปลา

พอเขารู้ว่าตัวเองต้องติดคุกก็รู้แล้วว่าภรรยาที่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาจะทำอะไร ดังนั้นเขาก็เลยเจรจากับตระกูลมอร์รี่ ให้ตระกูลมอร์รี่รักษาฟาร์มปลาเขาไว้ รอเขาออกมาจากคุกค่อยคืนให้เขา

หมากในมือของคาร์เตอร์ก็คือร่างไร้วิญาณที่ตระกูลมอร์รี่ส่งมาที่ฟาร์มปลาของเขาสองครั้งเมื่อสิบหกปีก่อน

อย่างที่สารวัตรกล่าว ตระกูลมอร์รี่มีส่วนในธุรกิจผลิตและค้าขายยาเสพติดมาตลอด เอฟบีไอจับตามองพวกเขาไม่คลาดสายตา ในอเมริกาพวกเขาไม่สามารถจัดการกับซากมากมายที่เกิดขึ้นในระหว่างการผลิตยาและการปะทะกับมาเฟียค้ายากลุ่มอื่นได้แต่ใช้วิธีทำเรื่องขนส่งอาหารทะเลที่ได้รับการยกเว้นส่งมาแคนาดาให้คาร์เตอร์จัดการ

……………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท