ตระกูลมอร์รี่ไม่ได้โง่ พวกเขาไม่ใช่ว่าเอาร่างให้กับคาร์เตอร์แล้วก็ไม่สนใจต่อ แต่จะคุมไปจนเขาโยนลงทะเลลึกไป แต่ปรากฏว่าคาร์เตอร์เหลี่ยมจัด เขาคิดหาวิธีไปงมเอาโลงพวกนั้นกลับมาจากนั้นก็ฝังไว้ที่จุดคาบเกี่ยวของฟาร์มปลาของเขากับเพื่อนบ้าน
สิบกว่าปีมาแล้ว ตระกูลมอร์รี่คิดว่าเรื่องนี้คงจบลงโดยไม่มีใครระแคะระคาย ที่ไหนได้พอคาร์เตอร์โดนจับเข้าคุกพวกเขาถึงได้รู้ว่าที่แท้หมอนี่ยังเหลือหมากไว้ ได้แต่โดนเขาข่มขู่ให้ช่วยเขาดูแลฟาร์มปลา
แต่ว่าตระกูลมอร์รี่ก็ส่งชาลส์ที่จัดการอะไรรอบคอบที่สุดมาที่ฟาร์มปลา ที่เขาอยู่ที่ฟาร์มปลาคาร์เตอร์ตลอด ก็เพราะกำลังหาโลงที่คาร์เตอร์ซ่อนไว้
น่าเสียดาย ตามหลักสัจธรรม เวรกรรมตามสนอง
ตระกูลมอร์รี่ทำให้ฉินสือโอวโกรธ สุดท้ายคดีนี้ก็เปิดเผยออกมาอีกครั้งด้วยน้ำมือของฉินสือโอว
นี่ก็เป็นคำอธิบายว่าทำไมตระกูลมอร์รี่ยังนิ่งเฉยได้ทั้งที่ธุรกิจประมงของตระกูลโดนอาหารทะเลต้าฉินแย่งจนแทบเกลี้ยง เพราะรายได้ตระกูลพวกเขาไม่ค่อยพึ่งอุตสาหกรรมทางทะเล
ความหายนะของตระกูลมอร์รี่เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้หลังจากคดีนี้แดงขึ้นมา ที่แย่สุดคือคาร์เตอร์ก็จบเห่เหมือนกัน เดิมทีเขาปล่อยหอยพิษที่เมืองแฟร์เวลกับทำร้ายคนมีโทษแค่แปดปี คราวนี้เพิ่มโทษกำจัดศพและอื่นๆ ไปด้วย คงจะต้องอยู่ในคุกไปจนแก่ถึงจะออกมาได้
กลายเป็นว่าฉินสือโอวเข้าใจตระกูลมอร์รี่ผิดไปหน่อย เรื่องปล่อยหอยพิษลงแถบทะเลเมืองแฟร์เวลไม่เกี่ยวกับพวกเขาจริงๆ คาร์เตอร์เป็นคนตัดสินใจจัดการเองคนเดียว
แบบนี้ฟาร์มปลาคาร์เตอร์ก็โดนองค์การบริหารส่วนจังหวัดของรัฐโนวาสโกเชียกับกรมประมงยึดกลับไปอีกครั้ง ครั้งนี้ทั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั้งกรมประมงต่างก็ได้กำไร ได้ฟาร์มปลาใหญ่มาฟรีๆ
ฉินสือโอวเก็บจิตสำนึกโพไซดอนกลับมา แบบนี้ก็ไม่จำเป็นต้องดึงปลาของฟาร์มปลาคาร์เตอร์มาที่ฟาร์มของตัวเองแล้ว ส่วนฝูงฉลามที่เฮยป้าหวังนำซึ่งอยู่ในระหว่างอพยพ? โอเค ให้พวกมันมาต่อเถอะ จะให้รีบกลับครึ่งทางก็คงไม่ได้นี่? แบบนั้นน่าเกลียดไป!
ซีกวาร่างกายแข็งแรงมาก ต้องขอบคุณพลังโพไซดอนที่ทำการพัฒนาร่างกาย พอมาอยู่ที่อุทยานแห่งชาติไม่กี่วัน อาการแพ้บนผิวก็เริ่มหายไป กลับมากระโดดโลดเต้นเหมือนเดิม
หู่เป้าฉงหลัวอยู่ที่นี่ก็มีความสุขมาก อุทยานแห่งชาติใหญ่มาก มีป่ามีทุ่งหญ้าแล้วก็มีเนินเขามีทะเลสาบ และในพื้นที่สีเขียวกว้างใหญ่นี้ไม่ค่อยมีคน หลักๆ ก็มีแต่สัตว์ต่างๆ วันดีของพวกมันได้มาถึงแล้ว
เช้าของทุกวันเจ้าพวกนี้ก็จะรอฉินสือโอวอยู่หน้าประตู ขอแค่เขาตื่นมาดูว่าครบไหมพวกมันก็จะพุ่งออกไปเล่นทันที แน่นอนว่าก่อนตะวันตกดินต้องกลับมา ตั้งแต่คราวที่แล้วที่หมาป่าขาวหนีไปพอเจอประสบการณ์แบบนี้ วินนี่ก็ไม่ยอมให้พวกมันค้างข้างนอกตามใจอีกต่อไป
มาที่อุทยานแห่งชาติ วินนี่ก็ไม่ค่อยมีอะไรต้องจัดการ นอกจากทุกวันต้องคุมงานทางไกลนิดหน่อยเธอก็กอดลูกชาย ไม่ก็กอดต้าป๋ายเดินเล่นรอบๆ ดื่มด่ำกับความผ่อนคลายที่ได้มาไม่ง่าย
วิวของอุทยานในฤดูร้อนสวยงามมากๆ กวาดตามองไปก็มีแต่สีสันละลานตา เพราะไม่มีมลพิษ สีสันหลากหลายพวกนี้สวยสดจนคนยากจะเชื่อว่ามีจริง
แต่ฉินสือโอวคิดว่าที่แบบนี้อยู่ระยะสั้นได้แต่ถ้าอยู่นานไปต้องทนไม่ไหวแน่ เปล่าเปลี่ยว น่าเบื่อเกินไป นอกจากพวกชาวประมงจะมารวมตัวกัน นอกนั้นก็เงียบเหงา
สามเจ้าเวหาก็อยู่ที่นี่อย่างมีความสุข อุทยานแห่งชาติมีสัตว์มากมาย ทุกคืนตอนที่กลับมา อินทรีทองหรืออินทรีขาวก็จะเอาสัตว์เล็กอย่างกระต่ายหรือไก่ฟ้ากลับมาด้วย
ไม่ใช่ว่าใครสอนพวกมัน แต่พวกมันมีพฤติกรรมแบบนี้ในสายเลือด ดังนั้นเลยมีคนชอบเลี้ยงพวกเหยี่ยวหรืออินทรี ได้อีกอารมณ์ดีเหมือนกัน
ช่วงพลบค่ำมาเยือน ฉินสือโอวยืนอยู่ที่หน้าประตูมองดูอาทิตย์ดวงกลมตกดินค่อยๆ หายไปจากขอบฟ้า
แสงแดดสีแสดราวเลือดส่องกระทบลงบนใบไม้ใบหญ้าสีเขียวชอุ่มสะท้อนแสงสีเหลืองอ่อนสว่างไสว
สามเจ้าเวหากลับมาเฉียดเวลา ในกรงเล็บหยาบใหญ่ทรงพลังของบุชมีหมูป่าตัวเล็กมาด้วย พอโยนลงต่อหน้าฉินสือโอวก็บินโฉบลงมากระพือปีกบนพื้นพลางเงยหน้าอย่างเย่อหยิ่งและส่งเสียงร้องกาๆ
หมูป่าตัวเล็กนี้คงจะเพิ่งเริ่มเรียนรู้การหาอาหาร หนักแค่ราวสิบกว่ากิโลกรัมเท่านั้น ยังเป็นลูกหมูอยู่ แต่ว่าฟันมันงอกแล้ว ขนแผงคอแข็งทื่อ ดูจะดุกว่าหมูป่าบนเขาเคอร์บัล
เสียงหมาป่าหอนดังมาแต่ไกล เสียงหนึ่งสูงใส อีกเสียงต่ำขรึมมีพลัง หลังจากนั้นยังมีเสียงหมาเห่าก้องกังวานนผสมปนเปอยู่ด้วย เจ้าพวกนี้ไปเล่นข้างนอกมาจนพอแล้ววิ่งกลับมากินข้าวแน่นอน
ฉินสือโอวไปรับเจ้าพวกตัวน้อย เขาเห็นพุงของหลัวปอที่วิ่งนำมาป่องๆ ดูตุงก็เลยบอกวินนี่ว่าพวกมันคงไปหากินอะไรมาข้างนอกจนอิ่มแล้ว เรากินข้าวกันเองก็พอ
คฤหาสน์มีห้องอาหารกลางแจ้ง แม้ว่าสไตล์การตกแต่งจะเป็นแนวย้อนยุคดูอบอุ่น แต่ในแต่ล่ะมุมของห้องก็มีร่องรอยของเทคโนโลยีสมัยใหม่อยู่
อย่างเช่นผนังกระจกและฝาแก้วเป็นระบบไฟฟ้า แค่กดปุ่มมันก็จะค่อยๆ เปิดออกแล้วหายไปในใต้ดินก็จะได้ห้องอาหารแบบเปิด ถ้าลมแรงหรือฝนตกผนังกระจกกับฝาแก้วครอบปิดกลับมาก็จะกันฝนได้
มาริโอ้ทำบาร์บีคิวอยู่ที่เตาด้านนอก ชิ้นเนื้อและแฮมสองสามชิ้นต่างส่งเสียงจือๆ ตอนที่น้ำมันหยดลงบนถ่านไฟก็จะมีเปลวไฟพุ่งสูงขึ้น กลิ่นหอมของเนื้อย่างกระจายไปรอบด้าน
พ่อฉินมองฉินสือโอวพลางพูดขึ้น “แกว่าทำไมฝรั่งถึงชอบกินบาร์บีคิวจัง? ไหนจะของทอดอีก ของพวกนี้ในทีวีบอกว่าไม่ดีต่อสุขภาพ พวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับการรักษาสุขภาพที่สุดเหรอ?”
ฉินสือโอวยักไหล่แล้วพูดขึ้น “ถ้าทำอาหารตะวันตกแบบดีๆ มันยุ่งยากเกินไป บาร์บีคิวกับของทอดอร่อยแล้วก็ทำง่าย ทำไมพวกเขาจะไม่กินแบบนี้?”
ที่จริงสำคัญที่สุดก็คือฝรั่งชอบการปาร์ตี้ และบาร์บีคิวเป็นอาหารการกินที่เหมาะกับวัฒนธรรมแบบนี้ที่สุด จะจัดปาร์ตี้กันแล้วเอาเตาแก๊สกับหม้อมาผัดกับข้าวก็คงไม่ได้จริงไหม? บาร์บีคิวใครก็ทำได้ ย่างออกมารสชาติก็คล้ายกัน ถ้าผัดกับข้าวก็ต่างกันเยอะ
เหล่าพวกตัวแสบเล่นกันจนเปรอะวัชพืชกับโคลนไปหมด พอวิ่งกลับมาก็กระโจนเข้าอกฉินสือโอวโดยไม่สนว่าตัวเลอะ พี่น้องเฟอเรทนั่งอยู่บนไหล่ของฉงต้าอย่างมีความสุข
พวกมันไม่ต้องทำอะไรเลย ก็แค่เดินเล่นในป่ารอบหนึ่ง สัตว์ตัวไหนที่เห็นพวกมันก็กลัว ความรู้สึกแบบนี้ทำให้พวกมันที่ขนาดตัวค่อนข้างเล็กพึงพอใจมาก
วินนี่ดึงหูแต่ล่ะตัวแล้วลากไปอาบน้ำ ฉินสือโอวอยากจะแกล้งลูกชายเล่น มือถือดังขึ้นมา พอเขาดูก็เห็นว่าเป็นรัฐมนตรีแมทธิว จินโทรมา กดรับสายเสร็จก็ถามด้วยรอยยิ้ม “โครงการฟื้นฟูมหาสมุทรเริ่มแล้วเหรอ? แต่เหมือนว่าในฟาร์มปลาผม การสร้างสายการผลิตยังไม่สมบูรณ์ดี”
เสียงทุ้มต่ำหนักแน่นของแมทธิวดังขึ้น “เปล่า คราวนี้ไม่ใช่เรื่องงาน ผมแค่อยากจะถามคุณหน่อย เรื่องฟาร์มปลาคาร์เตอร์คุณรู้ใช่ไหม? งั้นคุณยังอยากได้ฟาร์มปลานี้หรือเปล่า? ตอนนี้ฟาร์มปลาอยู่ในมือขององค์การบริหารส่วนจังหวัดกับกรมประมงเรา”
สองปีก่อนตอนที่ฟาร์มปลาคาร์เตอร์ขายประมูลครั้งแรก ฉินสือโอวก็เคยแสดงออกว่าสนใจ แน่นอนตอนนี้ก็เช่นกัน
เขาถามแมทธิวว่าฟาร์มปลาจะออกประมูลอีกแล้วใช่ไหม แมทธิวยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วพูดว่า “ทำไมต้องประมูลด้วยล่ะ? ถ้าสามารถหาคนซื้อที่เหมาะสมได้ งั้นเราขายออกไปก็จบแล้วนี่?”
“เท่าไรครับ?” ฉินสือโอวถามอย่างสนใจ เขารู้ว่ารัฐมนตรีกำลังให้สิทธิพิเศษกับเขา
“67 ล้าน ยังคงราคาเริ่มต้นประมูลในตอนนั้น!”
…………………………………………………..