ฉินสือโอวและเหมาเหว่ยหลงเป็นห่วงเรื่องนี้เป็นอย่างมาก พวกเขากลัวว่าพิตบูลจะมีอาการคลอดติดขัด
เขาเรียกครอบครัวของเหมาเหว่ยหลง เมื่อได้ยินพิตบูลของตัวเองกำลังจะคลอดลูก ตั๋วตั่วและน้องชายลุกขึ้นมาพร้อมกับขยี้ตาด้วยท่าทางง่วงนอน หลังจากนั้นพวกเขาก็วิ่งเข้าไปยังคอกสุนัขที่มุมห้องนั่งเล่น
ฉินสือโอวโทรหาชาร์ค ตอนที่ชาร์คเป็นเด็กเขาเคยเลี้ยงสุนัข ดังนั้นก็ถือว่าเขาเป็นสัตวแพทย์ครึ่งตัวแล้ว
ชาร์ครีบมาหาอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเขาเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังมุงดูสุนัขพิตบูลอยู่ เขายิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้พลางพูดว่า “พระเจ้า พวกคุณล้อผมเล่นใช่ไหมเนี่ย? รีบออกมาให้หมดเลย! การทำแบบนี้จะทำให้สุนัขรู้สึกประหม่า มันไม่มีทางคลอดลูกได้อย่างราบรื่นแน่! อีกอย่าง ทำไมคอกสุนัขถึงอยู่ที่มุมห้องล่ะ? พวกมันต้องการอากาศบริสุทธิ์!”
อันที่จริงแล้ว หากสุนัขพิตบูลไม่ประหม่าถึงจะเป็นเรื่องแปลก ไม่เพียงแต่เพราะครอบครัวของฉินสือโอวและครอบครัวของเหมาเหว่ยหลงมาล้อมมันเท่านั้น แต่หู่เป้าฉงหลัวก็เข้ามาร่วมวงด้วยเหมือนกัน หัวหมีและหัวปลาห้อยอยู่ที่ด้านหน้าของมัน ทำให้มันไม่กล้าแม้แต่จะฉี่ออกมา
ฉินสือโอวโบกมือปัดให้พวกมันออกไป ฉงต้าและหมาป่าโชคร้ายนอนอยู่ที่เดิมอย่างเกียจคร้านไม่ยอมลุกไปไหน วินนี่โมโหเป็นอย่างมาก เธอยกหางของมันพวกมันแล้วตบตูดทีละตัว พลางด่าออกมาว่า “ฉงต้า นายเป็นเด็กไม่ดีใช่ไหม ทำไมถึงยังอยู่ตรงนี้อยู่อีก? ออกไปเล่นไป หมาป่าโชคร้ายก็อีก นายกำลังเรียนรู้วิธีที่จะทำคลอดให้ภรรยาหรือยังไง? ยังไม่รีบออกไปข้างนอกอีก!”
เมื่อเห็นวินนี่โมโห พวกมันก็กลัวขึ้นมาทันที พวกมันรีบวิ่งสะบัดหางออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อพวกมันไปถึงประตูพวกมันก็ยังไม่ยอมออกไปเสียที แถมยังหันกลับมามองดูเหตุการณ์อีกต่างหาก
ฉงต้าและหมีโลลินั้นอยู่ด้วยกัน หู่จือและเป้าจือก็พยายามที่จะชะโงกหัวออกมาดูจากหลังพวกมัน ส่วนหลัวปอก็ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังพลางมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็น ส่วนหมาป่าโชคร้ายนั้นก็ตัวติดอยู่กับหลัวปอ ราชาซิทบ้าต้องการที่จะกระโดดขึ้นอยู่บนตัวของหลัวปอ แต่โดนต่าวเหมยส่งสายตาดุร้ายมาให้ ราวกับต้องการบอกว่า ‘หากแกกล้าที่จะกระโดดขึ้นไป ข้าจะกินแกแน่’
เดิมทีพี่น้องเฟอเรทต้องการที่จะเลียนแบบราชาซิมบ้าที่จะกระโดดขึ้นไปบนตัวของหลัวปอ เพราะเหตุนี้พวกมันจึงถึงหมาป่าขาวขวางไว้ พวกมันไม่มีทางเลือกนอกจากปีนขึ้นไปอยู่บนหัวของฉงต้า หลังจากนั้นพวกมันก็หย่อนก้นนั่งลงและเฝ้ามองไปยังคอกสุนัข
ชาร์คอยากจะเข้าใกล้สุนัขพิตบูล แต่เขาไมคุ้นชินกับสุนัขตัวนี้ สุนัขพิตบูลจึงมองตาขวางใส่เขาพร้อมแยกเขี้ยวขู่ร้อง ไม่มีทางเลือก ชาร์คทำได้เพียงถอยหลังออกมา หลังจากก็ให้ฉินสือโอวและเหมาเหว่ยหลงยกคอกสุนัขออกมา แล้วยกมาไว้ที่กลางห้องนั่งเล่น
เมื่อถึงเวลา สิ่งมีชีวิตขนาดเท่ากำปั้นมนุษย์ก็ค่อยๆ โผล่ออกมา…
ฉินสือโอวและเหมาเหว่ยหลงมองภาพนั้นพลางกลั้นหายใจ สุนัขพิบูลพยายามเบ่งอีกครั้ง แล้วลูกสุนัขตัวแรกก็คลอดออกมา
ขนสั้นของลูกพิตบูลเปียกลีบไปกับตัว ดวงตาปิดสนิท ตอนนี้มันไม่มีความสง่างามและความดุร้ายเหมือนกับแม่ของมันเลย แต่มันก็แข็งแรงเหมือนกัน ตัวของมันราวกับกล้ามเล็กๆ มัดหนึ่ง
เมื่อมันคลอดลูกได้ สุนัขพิตบูลก็รีบคาบมันมาที่บริเวณท้องแล้วใช้ลิ้นเลียขนของลูกตัวเอง ลูกสุนัขส่งเสียงร้องหงิงๆ ออกมา ปากเล็กๆ ของมันอ้าออกจนเห็นลิ้นสีชมพูเล็กๆ มันพยายามขยับตัวเข้าไปหาแม่ของมัน
เมื่อผ่านช่วงเช้าไป สุนัขพิตบูลก็คลอดลูกท้องแรกสำเร็จ ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น ความอดทนของมันนั้นเกินความคาดหมาย ทุกอย่างเสร็จสิ้นเรียบร้อย
แน่นอนว่า ระหว่างนั้นเหมาเหว่ยหลงก็คอยป้อนซุปให้มันสองรอบเพื่อเพิ่มความแข็งแรง ฉินสือโอวแอบป้อนพลังบางอย่างเข้าไปในน้ำซุป ทำให้สภาพร่างกายของสุนัขพิตบูลดูไม่ได้แย่มาก
บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าจำนวนลูกที่คลอดออกมานั้นค่อนข้างน้อย มีทั้งหมดหกตัว สำหรับสุนัขพิตบูลขนาดกลางแบบนี้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้น้อยมาก ฉินสือโอวอ่านข้อมูลมาก่อนหน้านี้ ในข้อมูลบอกว่าสุนัขจะคลอดลูกประมาณแปดเก้าตัว อย่างมากที่สุดก็สิบกว่าตัว
ลูกสุนัขทั้งหกตัวที่ขนลีบเปียกปอนต่างซุกตัวอยู่ที่ท้องของแม่ของมัน ทันทีที่พวกมันคลอดออกมาพวกมันก็อ้าปากร้องเรียกจะกินนมแม่ทันที
แม่พิตบูลพยายามที่จะหันกลับมามอง มันแลบลิ้นเลียลูกของตัวเองแบบั้นซ้ำไปซ้ำมา
ฉินสือโอวกอดอกมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้ม เป็นสุนัขพิตบูลนั้นไม่ง่ายเลย ไม่ได้หมายถึงว่ามันคลอดลูกไม่ง่าย แต่หมายถึงการเลี้ยงลูกทั้งหมดนี้ไม่ง่ายเลย มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่มันจะมาเลียลูกทุกตัวของตัวเอง…
วันถัดมา ครอบครัวของเหมาเหว่ยหลงก็หันมาสนใจครอบครัวสุนัขพิตบูล เขาไม่สนใจเรื่องทำฟาร์มเลย อย่างไรก็ตามเขาก็ได้หาคนกกลางเข้ามาช่วยเขาในการเตรียมพื้นที่ในการปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์
อันที่จริงแล้วสำหรับฟาร์มขนาดใหญ่ในแคนาดาและสหรัฐอเมริกา หลังจากที่ปลูกพืชแล้วก็ต้องทำชลประทานและฉีดพ่นสารกำจัดศัตรูพืช เรื่องที่ต้องให้คนเข้าไปจัดการนั้นน้อยมาก อะไรที่นอกเหนือจากเรื่องที่ดินแล้ว ก็ไม่ต้องกังวลอะไร นอกจากเรื่องผลผลิตเท่านั้น
สุนัขพิตบูลเป็ยสุนัขที่ชอบใช้กำลัง เกรงว่าลูกของพวกมันก็ร้ายกาจเช่นกัน พวกมันเติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแกร่ง สามสี่วันหูของพวกมันก็สามารถรับฟังสิ่งต่างๆ ได้แล้ว
เพราะว่าเหมาเหว่ยหลงและหลิวซูเหยียนให้ทั้งอาหารและนวดตัวให้สุนัข พวกมันจึงสามารถจำเสียงฝีเท้าของทั้งสองคนได้ เมื่อทั้งสองคนเข้าใกล้ พวกมันก็จะรีบปิดตาเล็กๆ และคลานเข้าไปหาทันที หางเล็กๆ ของพวกมันสั่นไปมาอย่างรวดเร็ว
ไม่ถึงสิบวันช่วงกลางเดือนกรกฎาคม ลูกสุนัขทุกตัวก็ค่อยๆ ลืมตา ตอนนั้นเองฉินสือโอวจึงรู้ว่าดวงตาของสุนัขพิตบูลนั้นเป็นสีฟ้า สวยงามเป็นอย่างมาก
พอพวกมันลืมตาได้ พวกมันก็สามารถเดินเตาะแตะไปมาได้ แต่ว่าพวกมันเดินได้ไม่มั่นคงนัก เดินไปได้ไม่เท่าไรก็ล้มลง
ลูกสุนัขที่คลอดออกมาพวกนี้ ทำให้เกิดเสียงหัวเราะดังขึ้นมากมายในอุทยาน โดยเฉพาะตั๋วตั่วและเถียนกวา พวกเธอมีความสุขมากกว่าใครๆ เหล่าลูกสุนัขสามารถเดินออกมาจากอ้อมอกของแม่ได้แล้ว พอตกกลางคืนพวกเธอก็นอนท่ามกลางการห้อมล้อมของลูกสุนัข
ลูกสุนัขทั้งหกตัวกลิ้งไปมาบนพรมทุกวัน เสียงร้องอ้อแอ้ดังขึ้นเป็นครั้งคราว บรรยากาศแบบนี้ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก
ปลายเดือนกรกฎาคม หมาป่าขาวก็หายตัวไปอีกครั้ง ครั้งนี้หมาป่าโชคร้ายก็หายไปด้วยเช่นกัน
ฉินสือโอวรู้ได้ในทันทีว่า หลัวปอกำลังจะคลอดลูกแล้ว แต่เด็กคนนี้หลีกเลี่ยงที่จะไม่คลอดที่บ้าน แต่ก็ไม่รู้ว่าามันหนีไปที่ไหน ทำให้เขาและวินนี่เป็นห่วงเป็นอย่างมาก
เขาโทรไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านสัตว์ป่า ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าสัตว์ป่าจะหาที่หลบซ่อนในการคลอดลูก และไม่อยากให้พวกเขาหาเจอ หมาป่าและสุนัขไม่เหมือนกัน เนื่องจากพวกมันใช้ชีวิตในป่า ลูกสัตว์เป็นอาหารของสัตว์ป่าหลายชนิด ดังนั้นเวลาที่จะคลอดลูกจึงต้องปลอดภัยที่สุด
ในตอนนี้แม่หมาป่าจะต้องรู้สึกวิตกกังวลเป็นอย่างมาก ไม่ว่าสัตว์ชนิดไหนเข้าใกล้ มันก็จะโจมตีกลับอย่างไร้ความปราณี และลูกหมาป่าที่พึ่งเกิดจะมีกลิ่นของแม่เพื่อสร้างความปลอดภัยของตัวเอง หากว่าบนตัวของพววกมันไม่มีกลิ่นของแม่ตัวเอง แบบนั้นฝูงสัตว์ร้ายอาจจะทำร้ายพวกมันจนตายแล้ว
แน่นอนว่า หลัวปอที่อยู่ที่นี่ไม่ได้อยู่กับฝูงหมาป่า ดังนั้นไม่ต้องกังวลถึงความปลอดภัยของลูกหมาป่า
การคลอดลูกของหลัวปอนั้นไม่เหมือนกับการคลอดลูกของสุนัข ฉินสือโอวมีเรื่องกังวลมากมาย เรื่องแรกคืออาการคลอดลำบาก หมาป่าอาจจะเกิดอาการคลอดลำบาก แต่ว่าเมื่อพิจารณาจากรูปร่างของหลัวปอแล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่
เรื่องที่สองก็คือ มันจะจัดการกับลูกหมาป่าอย่างไร? มันจะส่งลูกหมาป่าเข้าสู่ป่าหรือว่าจะเลี้ยงไว้ที่ฟาร์มปลากันนะ? ถ้าหากว่าเขาเลี้ยงพวกมัน ก็จะมีคอกหมาป่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้บ้านของเขาก็จะกลายที่อยู่ของฝูงหมาป่า!
ฉินสือโอวส่งฉงต้า หู่จือและเป้าจือไปดูเหตุการณ์ ให้พวกมันไปปกป้องสองสามีภรรยาคู่นั้น แม้ว่าอุทยานจะไม่ได้เป็นที่อยู่อาศัยของหมาป่าสีขาว แต่หากมีการโจมตีขึ้นมา แบบนั้นก็เป็นปัญหาแน่นอน
ปลายเดือนกรกฎาคม อากาศค่อนข้างร้อน ในวันที่มีแดดจ้า หมาป่าทั้งสองตัวกำลังหอนออกมาจากทุ่งหญ้าที่อยู่ไม่ไกลจากตัวบ้านมากนัก จากนั้น เสียงเล็กๆ หลายเสียงอันอ่อนโยนก็ดังขึ้นมา….
………………………