Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – บทที่ 1334: ปล้น!

บทที่ 1334: ปล้น!

   เอ่อ..ท่านจะสะสางบัญชีเช่นใด 

  หลี่เจี้ยนกัง– หัวหน้าศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุนที่ยังไม่ทันหายจากอาการตกใจ และหวาดผวาดีนัก ได้แต่อ้ำอึ้งเมื่อพูดจาตะกุกตะกักเมื่อได้ฟังคำพูดของหลิงหยุน!

   ข้าจะสะสางบัญชีเช่นใดนั้นไม่สำคัญ.. 

  หลิงหยุนตอบยิ้มๆพร้อมกับยื่นมือไปตบไหล่หลี่เจี้ยนกัง แล้วพูดต่อว่า  แต่ก่อนที่ข้าจะสะสางบัญชีกับเจ้า เจ้าต้องตอบคำถามของข้าก่อน! 

   ยอดฝีมือทั้งสองคนที่มีนามว่าจางคุนหลุนกับหลี่คุนหลุนที่เพิ่งหนีไปเมื่อครู่นั้น พวกเขาเป็นใครกัน 

  หลี่เจี้ยนกังได้ฟังคำถามของหลิงหยุนถึงกับหน้าซีดขาวขึ้นมาทันทีและได้แต่ส่ายหนาไปมาพร้อมกับตอบไปว่า

   ข้าไม่อาจบอกได้..     บอกไม่ได้งั้นรึ! หลิงหยุนถามย้ำพร้อมกับหรี่ตามอง..

  หลี่เจี้ยนกังได้แต่ยืนยันเสียงแข็งและหนักแน่น ข้าพูดไม่ได้จริงๆ ต่อให้ท่านสังหารข้า ข้าก็ไม่อาจพูดได้! 

  หลิงหยุนได้แต่คิดอยู่ในใจ..เขาไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะยืนกรานเสียงแข็งและหนักแน่นเช่นนี้ เห็นชัดว่าหลี่เจี้ยนกังหวาดกลัวเขาอย่างมาก แต่กลับไม่ยอมปริปากพูดเรื่องเกี่ยวกับคุนหลุนออกมาเลยแม้แต่น้อย เห็นชัดว่าหลี่เจี้ยนกังเห็นคุนหลุนสำคัญกว่าชีวิตของตนเอง!

  และเหตุการณ์เช่นเดียวกันนี้ก็เคยเกิดกับหลี่เคิ่นวู๋ซึ่งเป็นหัวหน้าของศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุนที่ไปจัดการกับหลิงหยุนบนยอดเขาหลงเหมิน!

   หลิงหยุนเจ้าอย่าได้เสียเวลาไปเลย ต่อให้เจ้าสับร่างของเขาเป็นชิ้นๆ เขาก็ไม่มีทางปริปากเรื่องเกี่ยวกับคุนหลุนให้เจ้าฟังแม้แต่คำเดียวแน่!    เย่ซิงเฉินกระโดดเข้าไปยืนข้างกายหลิงหยุนพร้อมกับเอ่ยออกมา

   แล้วหากข้าถามเจ้าเล่า..เจ้าจะบอกข้าได้หรือไม่ 

  หลิงหยุนหันไปยิ้มให้กับเย่ซิงเฉินพร้อมกับถามออกมา

  เย่ซิงเฉินทำท่าครุ่นคิดจากนั้นจึงตอบกลับไปว่า  เรื่องนี้ต้องรอดูเหตุการณ์ข้างหน้าเสียก่อน.. 

  หลิงหยุนได้แต่หงุดหงุดเมื่อคิดว่าจะไม่ได้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับคุนหลุนจากปากของหลี่เจี้ยนกังเป็นแน่..

   เอาล่ะ..ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าก็จะไม่เสียเวลาสอบถามเจ้า มาสะสางบัญชีระหว่างเราจะดีกว่า! 

  หลิงหยุนหันไปพูดกับหลี่เจี้ยนกังเพื่อจัดการสะสางบัญชีความแค้นในอดีตต่อทันที..

  ความจริงแล้ว..ที่สำนักกระบี่คุนหลุนเข้าร่วมงานชุมนุมชาวยุทธในครั้งนี้ ก็เพื่อสะสางบัญชีสองเรื่องกับหลิงหยุน ซึ่งก็คือบัญชีที่เขาสังหารศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุน และทำร้ายศิษย์บางคนบาดเจ็บสาหัสเมื่อครั้งที่ต่อสู้กันบนยอดเขาหลงเหมิน ส่วนอีกหนึ่งบัญชีคือเรื่องที่หลิงหยุนสังหารศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุนในการประลองโดยมีชีวิตเป็นเดิมพันระหว่างตระกูลหลิงกับตระกูลเฉิน และตระกูลซัน

  แต่สำหรับหลิงหยุนนั้นเขามีบัญชีแค้นเพียงเรื่องเดียวกับสำนักกระบี่คุนหลุนเท่านั้น ซึ่งก็คือเรื่องที่ยอดฝีมือจากสำนักกระบี่คุนหลุนสองคน ได้บุกเข้าไปถล่มตระกูลหลิงเมื่อสิบแปดปีที่แล้วนั่นเอง

  เวลานี้ยอดฝีมือทั้งสองคนนั้นก็ได้อยู่ในกลุ่มของศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุนในเวลานี้ด้วยและหลิงหยุนจะไม่มีทางปล่อยพวกมันทั้งสอคนไปแน่!

  หลี่เจี้ยนกังรู้ตัวดีว่าตนเองนั้นไม่สามารถเอาชนะหลิงหยุนได้และไม่มีทางหนีรอดได้เช่นกัน จึงได้แต่ถอนหายใจออกมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า

   ท่านคิดจะสะสางเช่นใดเชิญพูดมาได้.. 

  หลี่เจี้ยนกังรู้ดีว่าหลังจากสองยอดฝีมือแห่งคุนหลุนจากไปแล้ว ศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุนที่อยู่ในหุบเขาหลงเฟิงแห่งนี้ จึงไม่ต่างจากกวางน้อยที่หลิงหยุนจะฆ่าจะฟันเช่นใดก็ย่อมได้ และยากที่พวกเขาจะสามารถต้านทาน หรือดิ้นรนต่อสู้ได้..

  แววตาสังหารปรากฏขึ้นในดวงตาของหลิงหยุนขณะที่ยกมือขึ้นชี้ไปทางมือกระบี่สองคนที่อยู่ด้านหลังหลี่เจี้ยนกัง

   เมื่อสิบแปดปีก่อนศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุนทั้งสองคนนั้น ได้บุกเข้าไปถล่มตระกูลหลิงพร้อมกับชาวยุทธคนอื่นๆ และร่วมมือกับบีบคั้นพ่อแม่ของเข้า! พวกมันทั้งสองต้องตาย.. 

  หลังจากที่ได้ฟังคำเรียกร้องของหลิงหยุนใบหน้าของหลี่เจี้ยนกังยังคงเรียบเฉยไร้ซึ่งความตกใจ เขานิ่งไปคล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เอ่ยกับหลิงหยุนว่า

   เมื่อครั้งที่มือกระบี่ทั้งสองบุกเข้าถล่มตระกูลหลิงพร้อมกับชาวยุทธคนอื่นๆเมื่อสิบแปดปีก่อนนั้นความจริงแล้วหาใช่พวกเขาทั้งคู่ต้องการทำเช่นนั้นไม่ แต่เป็นเพราะทำตามคำสั่งของหัวหน้าคนก่อนเท่านั้น.. 

   เวลานี้หัวหน้าผู้นั้นก็ได้จากโลกนี้ไปแล้วหากท่านต้องการจะสะสางบัญชีแค้นเมื่อสิบแปดปีก่อน ข้าหลี่เจี้ยนกังจะขอเป็นผู้รับไว้เอง! 

  หลิงหยุนสังเกตดูสีหน้าของหลี่เจี้ยนกังและพบว่าคนผู้นี้มิได้เสแสร้งแกล้งพูด แต่ดูเหมือนเขาได้ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว จึงอดที่จะนึกชื่นชมหลี่เจี้ยนกังไม่ได้!

  แต่ถึงอย่างนั้นหลิงหยุนก็ปฏิเสธข้อเสนอของหลี่เจี้ยนกังพร้อมตอบกลับไปว่า ไม่ได้! ผู้ใดเป็นคนลงมือ ผู้นั้นย่อมต้องเป็นผู้รับผล ในเมื่อเป็นพวกเขาสองคนที่บุกเข้าไปถล่มตระกูลหลิง และบีบคั้นท่านพ่อท่านแม่ของข้า ข้าก็จะต้องสะสางบัญชีแค้นกับพวกเขาสองคนเท่านั้น! 

  แต่ในระหว่างที่หลี่เจี้ยนกังกับหลิงหยุนกำลังโต้เถียงกันอยู่นั้นมือกระบี่ทั้งสองที่ยืนอยู่ด้านหลังหลี่เจี้ยนกัง ก็ได้ก้าวเท้าออกมายืนอยู่ตรงหน้าหลิงหยุน และหนึ่งในนั้นก็ได้เอ่ยออกไปว่า

   หลิงหยุนในเมื่อเหตุการณ์ก็ผ่านมานานมากแล้ว ข้าเองก็ไม่คิดที่จะแก้ตัวอะไร ในเมื่อท่านต้องการจะแก้แค้น พวกเราก็ยินดีรับ เชิญท่านลงมือได้เลย! 

  จากนั้นมือกระบี่อีกคนก็หันไปพูดกับหลี่เจี้ยนกังด้วยแววตาซาบซึ้ง จื่อเฉียวซาบซึ้งใจยิ่งนักที่ท่านหัวหน้ายอมรับผิดแทนเช่นนี้ แม้ท่านหัวหน้าคนก่อนจะเป็นผู้ส่งพวกข้าสองคนลงเขาไปในครั้งนั้น แต่ก็นับเป็นความรับผิดชอบของข้าทั้งสองคนอยู่ดี ท่านหัวหน้าไม่จำเป็นต้องออกรับแทนพวกเราเช่นนี้! 

  แต่แล้วหลี่เจี้ยนกังก็ได้ยินเสียงพูดผ่านทางกระแสจิต..

  –ท่านหัวหน้าเองก็เห็นกับตาแล้วแม้ว่าหลิงหยุนจะสามารถสังหารผู้คนได้โดยไม่กระพริบตา แต่เขาก็ไม่สังหารผู้บริสุทธิ์ เขาจะไม่สังหารศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุนที่ไม่เกี่ยวข้อง เช่นนั้นแล้วท่านควรคิดถึงความอยู่รอดของสำนักกระบี่คุนหลุน นำศิษย์ที่เหลือออกจากหุบเขาหลงเฟิงนี้อย่างปลอดภัยให้ได้!-

  หลี่เจี้ยนกังฟังแล้วก็ได้แต่นิ่งเงียบเพราะไม่อาจหาเหตุผลโต้แย้งได้..

  หลิงหยุนคิดไม่ถึงว่าในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายเช่นนี้ คนของสำนักกระบี่คุนหลุนยังจะสามารถรักใคร่กลมเกลียวกันได้ถึงเพียงนี้ เขาได้แต่นึกประหลาดใจและชื่นชม!

  หลังจากที่จื่อเฉียวพูดกับหลี่เจี้ยนกังไปแล้วเขาก็หันไปยิ้มให้กับหลิงหยุนพร้อมกับเอ่ยออกไปว่า

   หลิงหยุนในฐานะที่ท่านเป็นทายาทเยาว์วัยของตระกูลหลิง แต่กลับแข็งแกร่งและเก่งกาจเช่นนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของพวกเรายิ่งนัก แต่ในเมื่อเวลานี้ท่านเองก็เปรียบเสมือนมีด ส่วนพวกเราก็เปรียบเสมือนปลาที่รอคอยความตาย เช่นนั้นแล้วท่านจงบอกมาเถิดว่าต้องการแก้แค้นด้วยวิธีใด พวกเราทั้งสองพร้อมแล้ว.. 

   ดี! 

  หลังจากที่มือกระบี่ทั้งสองคนก้าวออกมายืนตรงหน้าและพูดจนจบแล้ว หลิงหยุนก็ได้เรียกกระบี่โลหิตแดนใต้ออกมา ในเมื่อเขาต้องการชำระความแค้น เหตุใดยังต้องพล่ามไร้สาระอะไรอีกเล่า

  ชัวะ!

  หลิงหยุนเงื้อกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือฟันเข้าที่ลำคอของจื่อเฉียวกับจื่อเฉินพร้อมกันจากนั้นศรีษะของพวกเขาทั้งสองคนก็ขาดกระเด็นล่วงหล่นลงพื้นทันที ในขณะที่โลหิตสีแดงพุ่งกระฉูดออกจากลำคอไร้ศรีษะ กระจายเต็มท้องฟ้าก่อนจะตกลงสู่พื้นราวกับธารน้ำสีแดง..

   เห็นแก่ที่พวกเจ้าทั้งสองไม่คิดหนีข้าจึงให้พวกเจ้าสองคนตายอย่างไม่เจ็บปวดทรมาน!  หลิงหยุนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกใดๆ

  หลี่เจี้ยนกังจ้องมองภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปและร่างกายที่สั่นเทิ้ม แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว!

   หลี่เจี้ยนกัง..สำนักกระบี่คุนหลุนของเจ้าก็เป็นหนึ่งในผู้จัดงานชุนุมชาวยุทธครั้งนี้ขึ้น แม้เจ้าจะไม่ยอมเอ่ยปากบอกข้าถึงเหตุผล แต่ข้าก็พอที่จะเข้าใจได้ว่า ระหว่างสำนักกระบี่คุนหลุนของเจ้ากับตระกูลหลิงของข้า ต้องมีเรื่องบางอย่างที่แม้แต่เจ้าเองก็ไม่อาจพูดออกมาได้.. 

  หลิงหยุนพูดประโยคนี้ออกไปพร้อมกับจ้องลึกลงไปในดวงตาของหลี่เจี้ยนกังและพบเห็นความกระอักกระอ่วนใจอยู่ในนั้น

  หลิงหยุนเป็นคนเฉลียวฉลาดหลังจากได้ฟังคำพูดของจางคุนหลุนก่อนหน้านี้ เขาก็พอจะคาดเดาได้ว่าการที่สำนักกระบี่คุนหลุนต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลหลิงเมื่อสิบแปดปีก่อนนั้น หรือแม้กระทั่งมาเป็นหนึ่งในผู้ที่จัดงานชุมนุมชาวยุทธเพื่อจัดการกับหลิงหยุนในคืนนี้นั้น น่าจะมีเหตุผลบางอย่างที่ไม่อาจพูดออกมาได้

  แต่เหตุผลเดียวที่หลิงหยุนคิดได้คือ..น่าจะเกี่ยวข้องกับคุนหลุน!

   ฉะนั้น..ข้าจะไม่สังหารเจ้า! 

  หลิงหยุนหันไปบอกหลี่เจี้ยนกังด้วยสีหน้าสงบนิ่งแล้วจึงพูดต่อว่า  แต่ในเมื่อสำนักกระบี่คุนหลุนของเจ้ามาที่นี่เพราะมีจุดประสงค์ต้องการสังหารข้ากับซิงเฉิน ข้าคงไม่อาจปล่อยให้เจ้ากลับไปง่ายๆเช่นนี้! 

   ฉะนั้นแล้ว..พวกเจ้าทุกคนต้องปลดอาวุธ และเอาสมบัติล้ำค่าที่นำติดตัวออกมาให้ข้า.. 

  แต่ยังไม่หมดเพียงแค่นั้น แล้วก็แต้มของหน่วยนภาอีกคนละสิบล้านหรือมากกว่านั้น เพื่อซื้อชีวิตของพวกเจ้า ข้าจึงจะปล่อยพวกเจ้ากลับไป! 

  ……  เมื่อได้ยินว่าหลิงหยุนจะไว้ชีวิตทุกคนหลี่เจี้ยนกังก็ถึงกับโล่งอก แต่เมื่อได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายของหลิงหยุน หลี่เจี้ยนกังก็ถึงกับสะดุ้งอย่างแรง!

  หลิงหยุนเรียกร้องแต้มของหน่วยนภามากมายเช่นนี้ไม่เท่ากับทำลายสำนักกระบี่คุนหลุนอย่างนั้นหรือ

   เจ้าไม่ต้องตื่นเต้นถึงเพียงนั้นก็ได้..ดูสิ! เพียงแค่ข้าบอกว่าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า เจ้าก็ตื่นเต้นตกใจถึงเพียงนี้เชียวรึ  หลิงหยุนร้องบอกหลี่เจี้ยนกังด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

  หลี่เจี้ยนกังแทบอยากจะร้องไห้ออกมาแม้หลิงหยุนจะไว้ชีวิตพวกเขา แต่ก็ยังไม่วายปล้นทรัพย์..

  …..

  ในขณะที่เย่เทียนสุ่ยกับเย่เทียนตูซึ่งยืนมองเหตุการณ์อยู่บนท้องนภาก็ได้แต่หันไปมองหน้ากันด้วยความงุนงง

  เย่เทียนสุ่ยถึงกับยิ้มกว้างพร้อมกับพูดขึ้นว่า เจ้านี่มันจริงๆเลย! 

  เย่เทียนตูพูดเสริมขึ้นทันที นั่นสิ! ไม่อยากจะเชื่อจริงๆ 

  เย่เทียนสุ่ยถึงกับกัดฟันพูดออกไปว่า นี่หลิงหยุนมันคิดจะปล้นสำนักกระบี่คุนหลุนให้หมดตัวเลยหรือยังไง 

   ข้าว่า..ผู้ที่ก่อกวนโรงประมูลเย่ครั้งนั้นต้องเป็นหลิงหยุนแน่ๆ  เย่เทียนสุ่ยกัดฟันกรอด..

  เย่เทียนตูพยักหน้าเห็นด้วย แน่นอน! เป็นผู้อื่นไปไม่ได้แน่! 

  …..

  ทางด้านหลี่เจี้ยนกังได้แต่ตอบกลับหลิงหยุนไปว่า หลิงหยุน.. หากเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ลงมือสังหารข้ายังจะดีกว่า! 

  หลิงหยุนยิ้มกว้างพร้อมตอบกลับไปว่า ไม่มีทาง! พวกเจ้าพูดเองว่าข้าไม่เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ คนดีเช่นข้าจะทำเรื่องที่เจ้าขอได้อย่างไรกันเล่า    จากนั้นก็หันไปทางเหล่าชาวยุทธไม้เลื้อยพร้อมกับถามขึ้นว่า พวกเจ้าว่าข้ากล่าวถูกต้องหรือไม่ 

  เหล่าชาวยุทธไม้เลื้อยต่างก็มีสีหน้าไม่ต่างจากหลี่เจี้ยนกังเวลานี้พวกเขาต่างก็เริ่มรู้ตัวแล้วว่า นี่คือสิ่งที่พวกเขาต้องจ่ายเพื่อซื้อชีวิต!

   ถูกต้องๆๆ 

  หลิงหยุนได้ยินเช่นนั้นจึงได้แต่ร้องตะโกนออกไปด้วยเสียงดุดัน  ในเมื่อพวกเจ้าเห็นว่าข้าพูดถูกต้อง เหตุใดยังพากันยืนนิ่งเฉยอยู่เล่า รีบปลดอาวุธและสมบัติในตัวพวกเจ้าออกมา ใครมีแต้มหน่วยนภาอยู่ในมือเท่าไหร่ ก็รีบนำออกมาให้หมด! 

   เสี่ยวอู๋..โม่วู๋เตา.. พวกเจ้าสองคนไปจัดการเก็บรวบรวมกลับไปให้หมด! 

  หลังจากสั่งตี้เสี่ยวอู๋กับโม่วู๋เตาแล้วหลิงหยุนก็หันไปพูดกับหลี่เจี้ยนกังต่อ

   ท่านหลี่..รีบหยิบเครื่องมือสื่อสารของท่านออกมาให้ข้าดูแต้มหน่วยนภา เร็วเข้า! 

 

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท