ลักษณะของกะโหลกศีรษะน่ากลัวมาก เพราะบนผิวเคยปกคลุมด้วยปูนแห้งหนึ่งชั้น ฉะนั้นเลยไม่ได้ย่อยสลายในน้ำ และเพราะการป้องกันของโลงจากปลากุ้งที่จะมากิน นานวันไปเลือดเนื้อก็ย่อยสลายไปในน้ำทะเลเหลือเพียงผิวหนังกับเนื้อหนังที่ไม่ได้ย่อยสลายถูกโบกกับปูนหลงเหลืออยู่บนกะโหลก
ฉินสือโอวรีบไปดูในทันที จากนั้นเขาก็แสร้งทำเป็นตกใจแล้วร้องขึ้นว่า “เฮ้ย นี่มันอะไรกัน? รีบแจ้งตำรวจเร็วให้ตำรวจมาดูว่านี่มันเรื่องอะไรกัน!”
ชาร์คกวาดตาสังเกตฟาร์มปลามอร์รี่ผ่านกล้องส่องทางไกล เขาตะโกนขึ้นว่า “บอส มีฝาโลงพัดมาอีกแล้ว…”
แน่นอนฉินสือโอวรู้ว่ามีฝาโลงพัดขึ้นมาที่ผิวน้ำ ก็เขาเป็นคนควบคุมเบื้องหลังเอง เขาอยากจะใช้ฝาโลงที่ลอยขึ้นมาแต่ล่ะอันช่วยชี้ทางให้ตำรวจเจอตำแหน่งของโลง
มีชาวประมงไปแจ้งตำรวจบอกว่าพบฝาโลงกับกะโหลกศีรษะมัมมี่ที่ฟาร์มปลา
ตำรวจยังมาไม่ถึง ฟาร์มปลามอร์รี่ก็มีคนพบฝาโลงที่ลอยบนผิวน้ำแล้ว
ไม่นานทางฟาร์มปลามอร์รี่ก็วุ่นวายขึ้นมา ฉินสือโอวเห็นชาลส์รีบนั่งเรือลำหนึ่งมา เพราะไม่ไกลกันมากเขาก็เลยพอจะเห็นสีหน้าของชาลส์ได้ชัดเจน ไอ้หมอนี่พอเจอฝาโลงแล้วดูเหมือนร้อนรนจนแทบคลั่ง
ชาลส์มาตรวจดูฝาโลงพวกนั้นเสร็จก็มาที่ฟาร์มปลาเบอร์สามเทียบเข้ามาใกล้เรือบดเล็กที่ฉินสือโอวกัยคนอื่นๆ นั่งอยู่ก่อนจะตะโกนว่า “ฉิน ผลักเอาฝาโลงอันนั้นมาให้ฉันที ฉันเอาไปจัดการให้พวกนายเอง”
เหมือนจะรู้สึกว่าคำพูดนั้นไม่ค่อยสอดคล้องกับนิสัยตัวเองเท่าไรเขาเลยรีบพูดเสริมขึ้นมา “ฉันเห็นแล้ว โลงศพพวกนี้โผล่มาในเขตฟาร์มปลาฉันใช่ไหมล่ะ? งั้นฉันก็มีความรับผิดชอบที่จะจัดการให้พวกนาย บางทีบนตัวพวกเขาอาจจะมีแบคทีเรียอะไรก็ได้ ต้องรีบเผาทิ้ง”
เพราะรู้ว่าฉินสือโอวไม่ชอบชาลส์ ชาร์คก็เลยตอบแทนเขา “คุณมอร์รี่ พวกเราไม่ต้องรบกวนคุณหรอก บนฝาโลงนี้มีกะโหลกอยู่ ผมว่ารอตำรวจมาจัดการจะดีกว่า”
ได้ยินแบบนั้น มุมปากของชาลส์ก็กระตุกกึกๆ อย่างช่วยไม่ได้ เขาเผยยิ้มออกมา “ให้ตาย นี่มีกะโหลกด้วยเหรอ? นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น? ฉันว่าคงจะเป็นฝีมือของชาวประมงแถวนี้ล่ะมั้ง? ฉันได้ข่าวมาว่ามีพิธีฝังศพอย่างหนึ่งเรียกว่าการฝังศพในน้ำ”
ชาร์คพูดเสียงเย็น “นั่นมันธรรมเนียมของชาวอินเดียนแดง พวกชาวประมงไม่เอาร่างของบรรพบุรุษตัวเองมาไว้ในทะเลให้กลายเป็นอาหารของปลากุ้งหรอก”
ชาลส์ยิ้มพลางพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ใช่ๆ ฉันว่านายพูดถูก ฝาโลงนี้ให้ฉันจัดการเองดีไหม?”
“ขอโทษด้วย ตรงนี้ไม่ได้มีแค่ฝาโลงแต่มีกะโหลกด้วย เพราะฉะนั้นพวกเราต้องรอตำรวจมาจัดการ…” ชาร์คยังคงยักไหล่แล้วพูดต่อ
“******! ไอ้คนหาปลาสมควรตาย ฉันก็บอกแล้วไงว่าฉันจัดการเอง! แกฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง?! ให้ตายเถอะ ของพวกนี้มาจากฟาร์มปลาฉัน…” จู่ๆ ชาลส์ก็ระเบิดอารมณ์ตะคอกออกมาตัดบทชาร์ค
ฉินสือโอวเองก็สะกดกลั้นอารมณ์โกรธไว้ เห็นชาลส์ตะคอกใส่ชาร์ค เขาก็ใช้เท้าถีบไปที่ถังที่ขวางอยู่ข้างหน้าและเริ่มตะคอกเช่นกัน “ฟัค ชาลส์แกไอ้เวร หุบปากเน่าๆ ของแกเสีย! แกรู้ไหมว่านี่ถิ่นใคร? นี่มันเป็นถิ่นของฉัน! หุบปากเน่าโสมมของแกไปเลย! พี่น้องฉันแกก็กล้าด่า? หัดตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาบ้าง แกมีสิทธินั้นด้วยเหรอ?”
โดนเขาด่าว่ามาแบบนั้น ชาลส์กลับนิ่งสงบขึ้นมาอีก สีหน้าของเขากระตุกก่อนจะมองฉินสือโอวด้วยรอยยิ้ม “ได้ ฉิน ผมไม่มีสิทธิด่าว่าเพื่อนของคุณ ผมขอโทษ ที่จริงเมื่อกี้ผมแค่ใจร้อนไปหน่อย อาจจะเป็นเพราะผมนอนไม่พอ สรุปก็คือพวกคุณเอาฝาโลงพวกนี้ให้ผมจัดการดีไหม? ผมจะคุยกับตำรวจเอง”
ฉินสือโอวก็ยิ้มออกมา เขาเอ่ยขึ้นว่า “ชาลส์ ทำไมคุณถึงเดือดร้อนกับสิทธิความเป็นเจ้าของในฝาโลงพวกนี้จัง? ผมว่ามันแปลกๆ นะ”
รอยยิ้มของชาลส์แปรเปลี่ยนเป็นยิ้มชั่วร้าย มือเขาล้วงไปด้านหลังแล้วคว้าเอาปืนออกมาหนึ่งกระบอก ปากกระบอกปืนสีดำเล็งไปทางฉินสือโอวอย่างแม่นยำก่อนจะตะคอกขึ้น “ไอ้เวร ฉัน***ไม่ควรมาเสียเวลาพูดกับพวกงั่งอย่างพวกแกเลย! เอาฝาโลงกับกะโหลกมาให้ฉัน! เอามา! ไม่อย่างนั้นฉันจะระเบิดสมองพวกแก!”
สำหรับการโต้ตอบของเขาแบบนี้คนอื่นๆ ต่างก็ทำอะไรไม่ถูก ฉินสือโอวยิ่งลนลานใหญ่ เรือบดเล็กทั้งสองก็แทบจะประชิดติดกัน เขาเห็นแขนอันสั่นเทาของชาลส์ ระยะที่ใกล้ขนาดนี้ ถ้าเกิดว่าปืนลั่นขึ้นมาหรือชาลส์ลั่นไกงั้นเขาต้องตายไม่รู้เรื่องแน่ๆ
ชาร์คกับชาวประมงคนอื่นๆ ก็ตกใจ ทุกคนมองไปทางฉินสือโอว แต่ชาร์คกลับยกมือขึ้นพูดว่า “เฮ้ เฮ้ เฮ้! ดูคุณมอร์รี่พูดสิ อย่าใจร้อน แค่ฝาโลงเท่านั้น ผมรู้แล้ว จะให้คุณเดี๋ยวนี้ ช่วยวางปืนลงด้วย…”
“อย่ามาพูดมากเหลวไหล รีบเอามาให้ฉัน แล้วก็หัวกะโหลกนั้นด้วย!” ชาลส์ตะคอกอย่างบ้าคลั่ง
ฉินสือโอวพยักหน้า ตอนนี้จะมาทำตัวเป็นวีรบุรุษไม่ได้ เขาสามารถใช้จิตสำนึกโพไซดอนสร้างคลื่นซัดโจมดีเรือของชาลส์หรือใช้คลื่นใต้น้ำเขย่าเรือให้โคลงเคลง แบบนี้ก็อาจจะช่วยเขาเลี่ยงภัยนี้ได้
แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่าในกรณีเสียการทรงตัวแล้วชาลส์จะลั่นไก…เพราะงั้นเขาจะเสี่ยงไม่ได้ แน่นอนว่าเขาก็ให้ชาลส์เอาฝาโลงกับกะโหลกนี้ไปไม่ได้เหมือนกัน เขาดูออกว่าระหว่างชาลส์กับของนี้มีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน
ชาร์คกับชาวประมงคนหนึ่งร่วมแรงกันผลักฝาโลงไปที่ด้านข้างเรือบดของชาลส์โดยที่กะโหลกอยู่บนฝาโลง พอชาลส์เห็นแบบนั้นรอยยิ้มแค่นเย็นอย่างพึงพอใจก็ผัดขึ้นบนใบหน้า จากนั้นค่อยเก็บปืนไปแล้วพูดว่า “แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อยจริงไหม? จะกวนประสาทฉันเพื่อไม้แผ่นเดียวไปทำไม?”
บนหน้าของฉินสือโอวก็ผุดยิ้มเช่นกัน เขากวาดสายตาไปรอบด้านก็พบว่าคลื่นลมทะเลก็แรงไม่น้อย จิตสำนึกโพไซดอนสร้างคลื่นยักษ์สองสามลูกจากที่ไกลๆ และซัดเข้ามาอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า
ภายใต้การซัดสาดของคลื่นทะเล เรือบดเล็กสองลำจึงโคลงเคลงไหวไปมาอย่างรุนแรง ชาลส์เซเกือบร่วงลงทะเลและตกใจจนรีบคว้าด้านข้างเรือไว้
ฉินสือโอวคว้าโอกาสนี้ ตัวเขาที่เตรียมพร้อมมานานแล้วกระโดดข้ามไปยังเรือบดลำตรงข้ามแล้วกำหมัดชกเข้าไปที่ท้องของชาลส์อย่างว่องไว อีกฝ่ายร้องโหยหวนกอดท้องก่อนจะคุกเข่าล้มลงไปที่เรือ
เห็นแบบนั้น ชาร์คและคนอื่นๆ ก็พุ่งเข้ามาตามๆ กัน ทางฝั่งชาลส์มีแค่ชาวประมงสองคน พอเห์นชาร์คและคนอื่นๆ ที่ถือฉมวกกับปืนตกปลาพวกเขาก็รีบชูมือขึ้นแล้วตะโกนออกมา “ไม่เกี่ยวกับเรานะ!”
ฉินสือโอวบิดแขนทั้งสองของชาลส์มาไพล่หลังไว้แล้วใช้เชือกมัด ชาลส์ด่ากราดสาดเสียเทเสีย ฉินสือโอวไม่สนใจ เขาพูดผ่านไรฟัน “ด่าต่อไปเถอะ ไปด่าให้ตำรวจฟังเถอะ ไอ้เวร กล้าใช้ปืนจี้ฉัน? รอติดคุกได้เลยไอ้สวะ!”
เรือสปีดโบ้ทของตำรวจน้ำมาถึงก่อน เพราะอาจเป็นคดีที่เกี่ยวพันถึงชีวิต เรือสปีดโบ้ทสองลำขับตามกันมา ตำรวจน้ำในชุดเครื่องแบบสีดำต่างก็พกอาวุธครบมือ
ฉินสือโอวโบกมือให้พวกตำรวจ เรือสปีดโบ้ทลำหนึ่งมาถึงก่อน พอเห็นชาลส์ที่โดนมัดมือไพล่หลังตำรวจน้ำนายหนึ่งก็ชูปืนขึ้นมาแล้วตะโกน “เรื่องอะไรกัน?”
ชาลส์ร้องออกมาว่า “ช่วยผมด้วย พวกเขาจะลักพาตัวผมแล้วก็ฆ่าทิ้ง ผมเป็นคนอเมริกัน…”
“******!” ฉินสือโอวแอบถองเข่าใส่เขา จากนั้นก็ตะโกน “ผมคือเจ้าของฟาร์มปลานี้ แล้วก็เป็นคนแจ้งตำรวจ เมื่อกี้ไอ้หมอนี่เอาปืนขึ้นมาขู่ผม ตอนนี้ปืนก็อยู่ที่เอวเขา!”
…………………………………………….