เมื่อได้แบ่งงานที่ฟาร์มปลาแห่งที่สามเสร็จ ฉินสือโอวก็สบายใจขึ้นเยอะ ทุกอย่างมีคนคอยดูแลแล้ว วินนี่และเออร์บักยังคงจ้างทนายความและนักบัญชีสำหรับดูแลทรัพย์สินของเขา เขาสามารถนอนอยู่เฉยๆ แล้วทำเงินได้จริงๆ
เขาใช้วันที่เหลือกลับไปยังเกาะแฟร์เวล เขาเริ่มทำหน้าที่ดูแลเด็กๆ ส่วนวินนี่ก็ไปทำงาน แบบนี้เขาจึงกลายเป็นพ่อบ้าน
ลูกชายของเขาโตอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงหนึ่งขวบเขาก็สามารถเดินและพูดได้ แต่ว่าพูดได้เพียงคำง่ายๆ เท่านั้น เช่นว่า “พี่ตีผม” “พี่ทำผมกลัว” “พี่แกล้งผม” “ไม่เอาพี่” “พี่อย่าทำ”
เถียนกวาทำเหมือนกับน้องชายเป็นของเล่น เธอชอบน้องของเธอมากขึ้นเท่าไร ซีกวาก็ยิ่งกลัวเธอมากขึ้นเท่านั้น เขาอยากจะเล่นของเล่น ไม่ได้อยากเป็นของเล่น
แน่นอนว่า เขามียังของเล่นและเพื่อนเล่น นั่นก็คือลูกหมาป่าที่น่ารักทั้งห้าตัว
อาจจะเป็นฉินสือโอวเลี้ยงพวกมันโดยการแอบป้อนพลังโพไซดอนให้ เหล่าลูกหมาป่าจึงรักซีกวาเป็นพิเศษ ในช่วงฤดูหนาวที่อากาศหนาว พวกมันจะนอนบนเตียงด้วยกันกับเขา
การฉลองวันคริสมานสต์ของฉินสือโอวคือการนั่งบนพื้นเล่นกับลูกสาวและลูกชาย พร้อมกับตรวจตราฟาร์มปลาเป็นปกติ
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนวนเวียนอยู่ในฟาร์มปลาครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเขาเจอเข้ากับวาฬหัวทุยที่กลับมาแล้ว สิ่งนี้ค่อนข้างพบเจอได้ยาก วาฬหัวทุยไปทางตอนใต้ของมหาสมุทรแอตแลนติกในช่วงฤดูหนาวที่น่านน้ำเย็นๆ อย่างน้อยมันก็ไปยังฟาร์มปลาแห่งที่สามที่มีอุ่นกว่า แต่น้อยมากที่มันจะกลับมา
ในตอนนั้นเขาไม่สังเกต จิตสำนึกแห่งโพไซดอนสำรวจฝูงวาฬอยู่ครู่หนึ่งแล้วค่อยจากไป แต่ว่าไม่นานมันก็มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา ดูเหมือนว่าเมื่อครู่นี้มันจะเห็นวาฬตัวหนึ่งในฝูงที่แตกต่างจากตัวอื่น วาฬตัวนั้นคือวาฬหัวทุยชราที่ครั้งหนึ่งเคยทำให้เขาตื่นตระหนก หลังจากนั้เขาก็หามันเท่าไรก็หาไม่เจอ!
เมื่อได้รับปฏิกิรยาตอบสนอง เขาก็รีบส่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนกลับไปยังฝูงวาฬนั้นทันที ปรากฏว่าไม่ว่าจะหาอย่างไรก็ไม่เจอวาฬหัวทุยตัวนั้น
แต่ว่าฝูงวาฬนั้นทำให้รู้ได้แน่ชัดว่าวาฬหัวทุยตัวนั้นได้กลับมาแล้ว พวกมันลอยอยู่ในน้ำทะเลอย่างนิ่งสงบอย่างรอคอย พวกมันไม่ได้ว่ายน้ำไปมารอบๆ เหมือนที่เคยชอบทำ
โชคดีที่ฟาร์มปลาแห่งนี้เป็นที่ดินส่วนตัวของเขา ไม่นานจิตสำนึกโพไซดอนก็กระจายตัวออกไปรอบๆ ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นเขาก็เจอกับวาฬหัวทุยชราตัวหนึ่ง มันกำลังว่ายไปทางทิศตะวันออก มันเคลื่อนตัวไปช้าๆ ดูเหมือนว่ามันจะอายุมากกแล้วจริงๆ
หลังจากที่จิตใจสงบลง ฉินสือโอวก็เข้าใจมันเพื่อสำรวจ
ครั้งที่แล้วที่เขาเห็นวาฬชราตัวนี้ เขารับรู้ได้ถึงจิตสำนึกของมัน ดังนั้นเขาจึงรู้สึกตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูก แต่เมื่อมาเจอกันครั้งนี้ วาฬตัวนี้เอาแต่ว่ายน้ำอยู่เงยบๆ เเหมือนกับปลาชราธรรมดาทั่วๆ ไป
หลังจากสังเกตมันอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ส่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนให้ไปอยู่ที่ปลาค็อดตัวหนึ่งที่อยู่ใกล้กับวาฬหัวทุยชรา หลังจากนั้นเขาก็ปล่อยจิตสำนึกของตัวเองพูดกับวาฬชรา “สวัสดี นายเป็นใครกัน?”
วาฬหัวทุยชราไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ มันตั้งหน้าตั้งตาว่ายน้ำไปยังทิศตะวันออก ราวกับว่าที่นี่ไม่มีอะไรดึงดูดความสนใจของมันได้
ฉินสือโอวลองปล่อยจิตสำนึกออกไปอีกครั้ง วาฬหัวทุยชราไม่ตอบรับอะไรเลย หรือว่ามันแกล้งไม่ตอบรับกันนะ ดังนั้นเขาจึงควบคุมปลาค็อดให้ว่ายเข้าไปขวางหน้าวาฬหัวทุยชราไว้ ถ้าหากต้องการที่จะหยุดมัน เขาต้องคิดอย่างรอบคอบ
ปรากฏว่า เรื่องเศร้าก็ได้เกิดขึ้น ปลาค็อดแอตแลนติกที่ว่ายอยู่หน้าวาฬหัวทุยนั้น ทำให้วาฬหัวทุยอ้าปากกว้างและกัดมันคาดเป็นสองท่อนดัง ‘กรวบ’ จากนั้นมันก็กินปลาค็อดแอตแลนติกเข้าไปจนหมด!
แม่งเอ๊ย ฉินสือโอวตกใจกลัวขึ้นมาทันที ยังดีที่จิตสำนึกแห่งโพไซดอนไม่ได้โดนกินเข้าไปด้วย เขาจึงผ่อนคลายลง เพราะเหตุการณ์นี้ เขาจึงทำได้เพียงยึดจิตสำนึกแห่งโพไซดอนกับตัวของวาฬหัวทุยชราตัวนี้
แล้วก็เกิดเรื่อที่ทำให้เขาตกใจอีกครั้ง จิตสำนึกแห่งโพไซดอนนั้นติดอยู่กับปลาทะเลทุกชนิดมาโดยตลอด แต่ปรากฏว่ามันไม่สามารถที่จะติดอยู่กับวาฬหัวทุยชรานี้ได้!
ไม่มีทางเลือก ฉินสือโอวทำได้เพียงเข้าควบคุมวาฬหัวทุยตัวใหญ่ที่เป็นจ่าฝูง แล้วทำให้มันรีบว่ายมาที่นี่อย่างรวดเร็ว
วาฬหัวทุยชราว่ายน้ำไปเรื่อยๆ อย่างไม่รีบร้อน แต่ทิศทางมุ่งไปยังทิศตะวันออกเสมอ แต่ฉินสือโอวไม่เข้าใจว่าที่ตรงนั้นมีอะไร
เพราะเหตุนี้ ฉินสือโอวจึงคิดถึงการไปยังทิศตะวันออก ทันใดนั้นแสงสว่างแห่งปัญญาก็ปรากฏขึ้นในหัวของเขา เขารู้แล้วว่าวาฬหัวทุยชรากำลังหาอะไรอยู่ หลุมน้ำเงิน! แมลงยักษ์สีดำ! พวกมันกำลังว่ายน้ำตามเส้นทางของวาฬหัวทุยชรา!
ยังดีที่วาฬหัวทุยชรานั้นเคลื่อยไหวช้า วาฬหัวทุยที่จะเป็นจ่าฝูงนั้นกำลังว่ายน้ำมาด้วยความเร็วสูง เมื่อบวกเข้ากับจิตสำนึกแห่งโพไซดอนแล้ว ควมเร็วในการว่ายน้ำของมันก็เพิ่มมากขึ้น ในที่สุดหลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมงมันก็มาสกัดวาฬหัวทุยชราไว้ได้
ฉินสือโอวรับประทานอาหารเพื่อเพิ่มพลัง พวกมันทั้งสองยังอยู่ห่างกันมาก เขาบอกได้เพียงว่าเมื่อตอนที่เขาเข้าควบคุมวาฬหัวทุยจ่าฝูง วาฬหัวทุยชชราก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติ ทันใดนั้นมันก็สั่งให้ฝูงวาฬหัวทุยออกไปจากฟาร์มปลา และตัวมันก็วาฬไปยังหลุมน้ำเงินอย่างสบายใจ
เมื่อพาวาฬหัวทุยจ่าฝูงเข้าใกล้ วาฬหัวทุยชราก็รู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่เห็น แต่ว่ามันไม่ได้ปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกมาโดยตรง อีกทั้งมันยังเฝ้าระวังวาฬหัวทุยจ่าฝูง ในขณะที่ลอยตัวอยู่ในน้ำช้าๆ
ฉินสือโอวไม่สามารถอดทนอยู่เงียบๆ ได้อีกต่อไปแล้ว หลังจากที่เขาเข้าไปใกล้วาฬหัวทุยชรา เขาก็พูดผ่านจิตสำนึกแห่งโพไซดอนโดยตรงกับมันว่า ”สวัสดี นายเป็นใครกัน?”
ร่างกายของวาฬหัวทุยชรานั้นแข็งทื่อไปชั่วขณะ เขาสังเกตได้จากการที่ร่างของมันเอียงจมลงไปน้ำช้าๆ
ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรนี้สามารถอธิบายได้ดังนี้ ใต้น้ำทะเลลึกประมาณร้อยยี่สิบเมตรจะเกิดแรงโน้มถ่วงย้อนกลับ นั่นหมายความว่า วัตถุใดก็ตามที่ลอยตัวอยู่ในน้ำลึกนี้ มันจะไม่ลอยตัวขึ้นไปข้างบน แต่จะถูกน้ำทะเลทำให้จมลงแทน
สิ่งนี่ก็เป็นเหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรืออับปาง แม้ว่าจะมีแรงในการลอยตัวสูง แต่หลังจากที่มันจมลงสู่ใต้ท้องทะเลลึก พวกมันจะไม่ลอยตัวขึ้นอีก แต่จะจมลงสู่ใต้ท้องทะเล
หลังจากที่จมลงไปในทะเลมากกว่าสิบเมตร วาฬหัวทุยชราก็มีปฏิกิริยาตอบกลับมา มันแกว่งครีบเพื่อปรับสมดุลอีกครั้ง หลังจากนั้นมันก็ลอยตัวอยู่ในน้ำและมองมายังฉินสือโอวด้วยความระมัดระวัง แต่มันไม่ได้ปล่อยจิตสำนึกออกมา
ฉินสือโอวเชื่อว่ามันเข้าใจความหมายของเขา แต่แววตาอันหวาดระแวงของมันนั้นสดใสมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก มีจิตวิญญาณเหมือกับหู่จือและเป้าจือ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย
“สวัสดี นายเป็นใคร?”
“สวัสดี ทำไมนายไม่พูดอะไรเลยล่ะ?”
“สวัสดี เกิดอะไรขึ้นกับนายงั้นเหรอ?”
เขาค่อยๆ ปล่อยจิตสำนึกอันอ่อนโยนของตัวเองออกมาแล้วถามคำถามทีละคำถาม แต่วาฬหัวทุยชราก็ไม่ตอบอะไรกลับมา มันทำเพียงมองมายังฉินสือโอวอย่างระวัง
เพราะแบบนี้ความอดทนของฉินสือโอวจึงหมดลง เขาพูดออกมาตรงๆ ว่า “หากนายยังไม่พูดอีก ฉันจะจับนายกินแล้วนะ!”
ถือว่าการขู่ยังมีประโยชน์อยู่ หลังจากที่เขาพูดคำนั้นออกมา วาฬหัวทุยชราก็เคลื่อนไหว หลังจากนั้นมันก็ส่งเสียงคลื่นออกมาเป็นเสียง ‘ทาทาทา’ วาฬหัวทุยชรารีบพูดออกมาอย่างอายๆ ว่า “ทาทา นายตีฉันไม่ได้หรอก ฉันเคยปกป้องนาย นายกินฉันไม่ได้หรอก นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด…”
ฉินสือโอวตื่นตระหนกขึ้นมาอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะเตรียมตัวมาแล้ว แต่เขายังถูกจิตสำนึกของวาฬหัวทุยชรานี้ทำให้เขาตกใจ วาฬหัวทุยชราตัวนี้ไม่ได้มีเพียงความคิดของตัวเอง แต่มันยังรู้ว่าอะไรถูกผิด! นี่มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!
จิตสำนึกที่รู้ถูกผิดและจิตสำนึกที่เป็นอิสระนั้นแตกต่างกัน การเป็นอิสระไม่ได้หมายความว่าจะรู้ว่าอะไรถูกผิด เช่นเด็กคนหนึ่งเติบโตขึ้นในป่าอันกว้างใหญ่ เขามีความคิดที่เป็นอิสระ แต่เขาไม่รู้อะไรเป็นเรื่องที่ถูกหรือผิด
แต่วาฬหัวทุยชราตัวนี้รู้ว่าอะไรถูกผิด อย่างน้อยเรื่องนี้ก็ทำให้เขารู้ว่าต้องมีคนสอนมันเกี่ยวกับเรื่องนี้
……………………….