คำอธิบายของวาฬหัวทุยชรานั้นไม่ชัดเจน แต่เมื่อฉินสือโอวนึกถึงข่าวสารและลักษณะที่เออร์บักแนะนำแล้ว สถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้ก็ชัดเจนยิ่งขึ้น
ตามการคาดเดาและจากเหตุผลของเขา คุณปู่รองของเขาเป็นคนที่ทำตัวสงบสเงียมมาก และเป็นคนระวังตัวเป็นอย่างมาก เขาอาจจะมีปัญหาทางสภาพจิตใจบางอย่าง นั่นก็คือโรคจิตหลงผิดพวกนั้น
หลังจากที่เขาได้รับหัวใจโพไซดอน เขาก็รีบออกจากบ้านและย้ายมาแคนาดาที่อยู่อีกฝากหนึ่งของโลกทันที อีกทั้งหลังจากที่มาถึงแคนาดาแล้ว เขาก็ไม่ได้ติดต่อครอบครัวและญาติพี่น้องอีกเลยจนกระทั่งเขาเสียชีวิต และเขาก็ไม่ได้แต่งงานกับผู้หญิงคนไหนและไม่มีลูกหลานเลยสักคนเดียว!
ในตอนที่เขามาแคนาดา เขาได้ช่วยกองทัพพันธมิตรในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เขาคงจะมีส่วนในการช่วยเหลือค่อนข้างมาก ทำให้เขาไม่ได้เข้ารับราชการทหารหรือเข้าร่วมกองทัพเพื่อพัฒนาความสามารถต่อไป แต่เขากลับหาที่อยู่นเกาะที่ห่างไกลในต่างแดนทันทีเพื่อที่จะปกปิดชื่อของตัวเอง
คุณปู่รองของเขาเปลี่ยนชื่อเพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จริง บางทีในตอนนั้นฟาร์มปลาต้าฉินคงจะพัฒนาไปมาก แต่เมื่อเทียบกับตอนนี้แล้วก็ยังเทียบไม่ได้ เมื่อฟาร์มปลามาอยู่ในมือของฉินสือโอว เพียงห้าปี ฟาร์มปลาต้าฉินก็เข้าครอบครองตลาดอาหาระดับสูงทั่วทั้งอเมริกาเหนือ รวมถึงสร้างผลประโยชน์และมีชื่อเสียงในการกำจัดผู้ก่อร้ายมากมาย
แต่เมื่อตอนที่อยู่ในมือของคุณปู่รอง ฟาร์มปลาที่ก่อตั้งมาสิบกว่าปีไม่มีชื่อเสียงอะไรเลย ต้องบอกก่อนว่าสิบกว่าปีนี้ ความสามารถในการใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนของคุณปู่รองนั้นมากกว่าเขาหลายเท่าตัวแน่นอน
เรื่องนี้เขาไม่ได้คาดเดาไปเอง แต่เป็นวาฬหัวทุยชราที่บอกเขา วาฬหัวทุยชราบอกว่าคุณปู่รองอยู่ที่หนแห่ง ไม่ต้องเข้ามาอยู่ในร่างของวาฬหัวทุยแบบเขาก็สามารถสื่อวารกับมันได้โดยตรง แค่นี้ก็เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่าคุณปู่รองเก่งกาจมากไม่ใช่เหรอ?
เพราะเหตุนี้ คุณปู่รองจึงไม่ได้ใช้หัวใจโพไซดอนในการสร้างธุรกิจการค้าหรือทำธุรกิจใหญ่ๆ แต่เขาใชมันในการจัดการดูแลฟาร์มปลาด้วยความละเอียดอ่อนและระมัดระวัง
ฉินสือโอวเชื่อว่า ถ้าเขาและคุณปู่รองสลับอายุกัน เขาได้รับหัวใจโพไซดอนมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เกรงว่าเขาคงจะเข้าผนึกพรหมแดนเข้าด้วยกันและก่อตั้งประเทศของตัวเองขึ้นมาแล้ว!
แน่นอนว่า เขาอาจจะถูกฆ่าและหั่นออกเป็นชิ้นๆ ก็ได้ สุดท้ายแล้วมนุษย์เราในแต่ละช่วงสมัยก็ได้จะรับสิ่งของในแต่ละช่วงนั้นต่างกันออกไป
ในปัจจุบันกุ้งและปลาที่มีคุณภาพสูงเหล่านี้ที่เกิดจากพลังโพไซดอนถูกผู้คนคิดว่าสาเหตุมาจากน้ำทะเลที่ใสสะอาดอันเป็นผลจากปรับปรุทางวิทยาศาสตร์ของฟาร์มปลาต้าฉิน ที่ถูกพัฒนามาตั้งแต่หกเจ็ดปีก่อน บางทีผู้คนอาจจะรู้สึกทำใจยากที่จะต้องยอมรับ ที่พวกเขาจะมองว่าคุณปู่รองเป็นร่างอวตารของสัตว์ประหลาดแห่งท้องทะเล
อย่างไรก็ตาม ในเศษเสี้ยวหนึ่ง พวกเขาก็ถือว่าเป็นสัตว์ประหลาดแห่งท้องทะเลจริงๆ
เมื่อมาคิดดูแล้ว ฉินสือโอวเข้าใจความคิดและการกระทำของคุณปู่รอง พูดกันตามตรงว่ามาจนถึงตอนนี้แล้วแม้ว่าเขาจะตายด้วยโรคชราตามธรรมชาติ แต่แมลงอายุยืนมันสามารถยืดอายุได้จริงเหรอ? เขาจะสามารถแก่ไปได้จนถึงอายุเก้าสิบปี หนึ่งร้อยปี หนึ่งร้อยสิบปี หรืออาจจะร้อยยี่สิบปี หรือว่าร้อยห้าปีสิบกันนะ?
ไม่ เขาไม่กล้า อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังไม่กล้า แต่เมื่อเขาอายุหกสิบเจ็ดสิบปีอาจจะลองดูก็ได้ ใครจะรู้ว่าตอนนี้ขีดจำกัดในการอายุยืนจะอยู่ที่เท่าไร?
วาฬหัวทุยชรามองดูเขาด้วยความอาย ในขณะที่ฉินสือโอวกำลังเงียบ มันก็ก้มหัวลงทะเลเหมือนกับจะขุดลงไปข้างล่าง
ฉินสือโอวยิ้มออกมา วาฬตัวนี้ไม่รู้ว่าเขาเก่งกาจแค่ไหน เขารีบสกัดกั้นวาฬหัวทุยชราทันที และพูดคุยกับอีกสักพัก
เขาอยากรู้ว่าวาฬหัวทุยชรานี้มีจิตสำนึกที่เป็นอิสระได้อย่างไร และเขาก็อยากรู้วิธีที่จะทำให้สัตว์อื่นๆ มีจิตสำนึกที่เป็นอิสระเหมือนกัน หากว่าเป็นวาฬเบลูก้า หรือคราเคนที่สามารถสื่อสารกับเขาได้ แบบนั้นคงจะยอดเยี่ยมแน่ๆ
แต่ทาไม่รู้ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร มันบอกว่าจู่ๆ วันหนึ่งมันก็มีสติจิตสำนึกแบบตอนนี้ คุณปู่ฉินตั้งชื่อให้มันว่าทา เพราะว่าวาฬหัวทุยมักจะส่งเสียงคลื่นในน้ำออกมาเป็น ทาทาทา…
ทาก็เป็นชื่อของวาฬหัวทุยตัวอื่นด้วยเหมือนกัน เช่น วาฬหัวทุยหัวหน้าฝูงชื่อทาทา และก็ยังมีทาทาทา ทุกชื่อนั้นชื่อทาหมด เพียงแค่จะมีกี่ทาเท่านั้นที่ต่างกัน
โลกนี้กว้างใหญ่นัก เรื่องนี้จึงไม่ได้เป็นเรื่องน่าแปลกใจเท่าไร ครั้งนี้ฉินสือโอวได้รับรู้แล้ว ชีวิตที่มีจิตสำนึกอิสระนั้นเกิดขึ้นในท้องทะเล ถ้าหากว่าลูกหลานของวาฬตัวนี้มีจิตสำนึกอิสระ งั้นต่อไปจะมีสัตว์สายพันธุ์ใหม่ที่เป็นอัจฉริยะเกิดขึ้นในท้องทะเลหรือเปล่านะ?
ในขณะที่กำลังครุ่นคิดอย่างหนัก ฉินสือโอวก็ตามวาฬหัวทุยชราไปยังหลุมน้ำเงิน ที่นั่นเป็นพื้นที่ของเขา เขาสั่งให้ฝูงงูเหลือมทะเลปกป้องที่นี่ไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ประหลาดทะเลฆ่าแมลงยักษ์สีดำ ดังนั้นหากเขาไม่มาด้วย ทาก็ไม่สามารถเข้าถึงตัวแมลงยักษ์สีดำได้
เขาถามทาว่าต้องการเท่าไร ทาบอกว่าต้องการทานแค่เปลือกอันเดียวเท่านั้น ทุกครั้งที่มันกินปลือกเข้าไปหนึ่งมันก็จะอายุยืนยาวไปอีกนาน นานแค่ไหนไม่มีใครรู้ มันก็ไม่รู้ เพราะว่ามันไม่ได้มีความคิดที่ต้องคำนวณเรื่องเวลา…
แต่ว่า ทุกครั้งที่กินเปลือกแมลงไป ในระหว่างการย่อยสลาย มันยังคงสลายบางอย่างไม่ได้ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือร่างกายของมันสังเคราะห์สารใหม่ขึ้นในร่างกาย สำหรับฉินสือโอว มันก็คืออำพันทะเลของแท้
ในหลุมน้ำเงินมีซากเปลือกของแมลงยักษ์สีดำที่ตายแล้วอยู่ข้างใน ฉินสือโอวหยิบมาหนึ่งอันส่งให้ทา แต่ของพวกนี้มีราคา มันจะต้องอาศัยอยู่ที่ฟาร์มปลา
ทาถามขึ้นด้วยความเกรงกลัวว่าจะมีคนมาฆ่ามันหรือเปล่า ฉินสือโอวรับปากว่าไม่มีใครมาฆ่าแน่นอน แต่ว่าวาฬตัวนี้ขี้กลัวเป็นอย่างมาก มันบอกว่ามันจะลงไปหลบในทะเลลึก
ในที่สุดฉินสือโอวก็บอกว่าเขาสามารถป้อนพลังโพไซดอนให้มันได้ เพราะเหตุนี้จึงลังเลอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงตัดสินใจอยู่ต่อ เนื่องจากมันอาศัยกินเปลือกของแมลงยักษ์สีดำ แม้ว่ามันจะมีอายุที่ยืนยาว แต่มันก็ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก แต่พลังโพไซดอนสามารถทำให้มันมีพลังมากพอ เมื่อพลังโพไซดอนและเปลือกแมลงผสมเข้าด้วยกันทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแก่มัน
ฉินสือโอวป้อนพลังโพไซดอนเข้าไปเล็กน้อย ผิวของมันค่อยๆ กระชับขึ้น และเริ่มมันวาว
หลังจากวันนั้น สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดก็คือสถานการณ์ของทา ในขณะเดียวกันเขาก็สั่งให้สโนว์บอล ไอซ์สเกต และบีนไปดูแลทาด้วยเช่นกัน แน่นอนว่า สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือการป้อนพลังโพไซดอนเข้าไปในน้ำทะเล
ชีวิตที่มีจิตสำนึกอิสระนั้นมีอำนาจเหนือกว่าสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีจิตสำนึก ไม่รู้ว่าทาคุยกับพวกมันทั้งสามารถตัวอย่างไร แต่หลังจากที่พวกมันอยู่ด้วยกัน เจ้าตัวเล็กทั้งสามก็ชอบมันเป็นอย่างมาก และก็ติดมันมากด้วย
แต่เมื่อมาคิดดูแล้ว เด็กน้อยทั้งสามตัวเป็นเด็กที่โชคดีมาก แม่ของสโนว์บอลนั้นถูกเรือล่าวาฬญี่ปุ่นฆ่า ไอซ์สเกตถูกแม่ทิ้ง ส่วนบีนนั้นถูกฝูงทิ้ง ทาจึงเปรียบเสมือนผู้อาวุโสในหมู่พวกมัน
ผ่านไปสองเดือนกว่า ก็มาถึงวันปีใหม่ทางจันทรคติ ทามอบของขวัญวันปีใหม่ให้แก่ฉินสือโอว มันคายของสีดำเทาที่ขนาดเท่าลูกบาสเกตบอลออกมา สิ่งนี้ไม่เหมือนกับอำพันทะเล เมื่อตอนที่มันออกมา ของสิ่งนี้ค่อนข้างอ่อนนุ่ม รูปร่างทรงกลมของมันเกิดจากการกลิ้งไปมาในน้ำ
อำพันทะเลอื่นๆ สร้างความรู้สึกเดียวกันให้กับฉินสือโอว เมื่อเขามองไปที่ของสิ่งนั้น สัญชาตญาณของเขาสั่งให้เขากลืนมัน หลังจากที่กลืนมันเข้าไป เขาก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมา และสัมผัสได้ถึงการทำงานของหัวใจโพไซดอนที่แข็งแกร่งขึ้น!
ก่อนหน้านี้ฉินสือโอวสามารถแยกจิตสำนึกออกได้แปดสาย อีกทั้งยังยืมพลังของสิ่งมีชีวิตได้ ทำให้จิตสำนึกโพไซดอนเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว
ครั้งนี้ หลังจากที่เขาสำรวจเสร็จเขาก็รู้สึกถึงพลังงานที่เพิ่มมากขึ้น ในตอนที่เขาป้อนพลังโพไซดอนให้กับสิ่งมีชีวิต ซึ่งพลังโพไซดอนนี้เร่งการเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิตได้มากขึ้นอย่างรวดเร็ว
แต่ว่า ยิ่งสิ่งมีชีวิตมีอายุมากเท่าไร ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะน้อยลง ซึ่งจำเป็นที่จะต้องใช้พลังโพไซดอนมากขึ้น
ตัวอย่างเช่นใช้จิตแห่งสำนึกโพไซดอนเหมือนกัน แต่เมื่อใส่เข้าไปในสาหร่ายทะเล มันก็สาารถเติบโตกลายเป็นสาหร่ายขนาดใหญ่หลายสิบเมตรภายในเวลาหนึ่งนาที ถ้าหากว่าให้พลังไปในปลาแฮร์ริ่ง ลูกปลาจะสามารถเปลี่ยนเป็นปลาตัวเต็มวัยที่ขนาดสิบเซนติเมตรได้ และถ้าใช้กับปลาทูน่าครีบน้ำเงิน จะทำให้มันมีขนาดตัวที่เพิ่มขึ้นเพียงสองเซนติเมตรเท่านั้น…
แน่นอนว่านี่คือผลจากพลังโพไซดอนเพียงแค่หน่วยเดียว ถ้าหากว่าฉินสือโอวยังคงป้อนให้อย่างต่อเนื่อง และพวกมันสามารถทนได้ พวกมันก็จะโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แต่ว่าในแต่ละสายพันธุ์มีขีดจำกัดในการเติบโตเสมอ เช่น สาหร่ายสีน้ำตาลสามารถยาวได้ถึงหนึ่งร้อยเมตร เมื่อถึงขีดจำกัดของมัน ไม่ว่าจะใส่พลังโพไซดอนเข้าไปมากแค่ไหนก็ตาม พวกมันจะหยุดโต แต่จะทำให้พวกมันปล่อยสปอร์ออกมาก่อนเวลาแทน
…………………..