Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – บทที่ 1339 : ประมือกันครั้งแรก!

บทที่ 1339 : ประมือกันครั้งแรก!

  กล้าประมือกับข้าหรือไม่!

  หลิงหยุนฟังแล้วก็ได้แต่อึ้งไปเล็กน้อยและนึกขันผู้ที่กล้าเอ่ยถามตนเช่นนี้!

  คำพูดที่หลุดจากปากหลงเทียนฟางเมื่อครู่นั้นต้องเรียกว่าบ้าดีเดือดจึงจะถูกต้อง! เพราะในหุบเขาหลงเฟิงแห่งนี้ ยอดฝีมือมากกว่าหกร้อยคนเพิ่งจะถูกหลิงหยุนสังหารตายไปเกือบหมด เหลือไม่ถึงสองร้อยคนที่มีโอกาสรอดชีวิตกลับลงเขาไปได้!

  แต่ทันทีที่หลงเทียนฟางมาถึงกลับร้องตะโกนถามหลิงหยุนอย่างยะโสโอหังเช่นนั้น!

  สำหรับผู้ที่โง่เขลาเช่นนี้หลิงหยุนคร้านที่จะเสียเวลาตอบคำถาม แต่ได้เพ่งจิตหยั่งรู้ของตนจับจ้องที่ร่างของหลงเทียนฟางที่อยู่ห่างไปราวแปดร้อยเมตร และพินิจดูอย่างละเอียด

  หลงเทียนฟางเร่งเหาะเข้ามาหาหลิงหยุนด้วยความเร็วสูงสุดและความเร็วในการเหาะของเขานั้นก็อยู่ในอัตราห้าร้อยเมตรต่อวินาที ซึ่งนับว่าเป็นความเร็วที่เร็วกว่ากระสุนปืนเสียอีก!

  และเมื่อมาถึงหลงเทียนฟางก็ลดความเร็วลง แต่เริ่มปลดปล่อยปราณมังกรที่แข็งแกร่งออกมา เพื่อแสดงถึงความพร้อมที่จะประมือกับหลิงหยุนอย่างเต็มที่ เวลานี้แสงสีทองเรืองรองเปล่งประกายออกมาจากร่างของหลงเทียนฟางจนสว่างไปทั่วทั้งท้องนภา

  คำตอบของหลิงหยุนเองก็ไม่จำเป็นกับหลงเทียนฟางแต่อย่างใดเพราะยังไม่ทันสิ้นเสียงพูดของตนเอง ร่างของหลงเทียนฟางก็เหาะมาด้วยความเร็วสูง และเข้าใกล้บริเวณที่หลิงหยุนยืนอยู่อย่างมากแล้ว ส่วนหลิงหยุนเองก็ไม่ได้รับรู้เสียงของหลงเทียนฟางจากหูของตน แต่รับรู้ได้ด้วยจิตหยั่งรู้อันทรงพลังแทน ทำให้เขาได้ยินคำพูดของหลงเทียนฟางตั้งแต่ก่อนที่จะเหาะมาใกล้แล้ว

  และนี่คือความพิเศษของขั้นพลังชี่– กลั่นปราณบ่มเพาะจิตวิญญาณ ผู้บ่มเพาะพลังที่ฝึกมาถึงขั้นนี้นั้น จะมีประสาทสัมผัสทั้งห้าเหนือกว่ามนุษย์ธรรมดาทั่วไป เพาะหากไม่มีจิตหยั่งรู้ที่แข็งแกร่งสามารถรับรู้ได้ในระยะไกลเช่นนี้ คนผู้นั้นอาจถูกสังหารตายก่อนที่จะได้ยินคำพูดประโยคนั้นก็ได้

  หลงเทียนฟางตั้งใจโอ้อวดความแข็งแกร่งของตนเพื่อข่มขวัญศัตรูเพราะในขณะที่เขาร้องตะโกนออกไปนั้นร่างของเขายังอยู่ห่างจากหลิงหยุนไปเกือบสี่กิโลเมตร แต่กลับใช้เวลาเพียงแค่แปดวินาทีก็สามารถเหาะมาใกล้กับบริเวณที่หลิงหยุนยืนอยู่มากแล้ว!

  แปดวินาที..เจ็ดวินาที.. หกวินาที.. ห้าวินาที..

  หลิงหยุนแอบคำนวนเวลาอยู่ในใจเงียบๆและในวินาทีที่ห้าหลิงหยุนก็ทำการเผาเสินหยวนอีก 360 หยดทันที!

  หลิงหยุนผ่านการต่อสู้ที่ต้องเสี่ยงตายมามากมายหลายต่อหลายครั้งเพียงแค่เห็นเช่นนี้เขาก็สามารถคาดการณ์ได้ว่าหลงเทียนฟางจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากศัตรู! เขาจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมอย่างเต็มที่ เพราะหลงเทียนฟางนั้นดูเหมือนจะยะโสโอหังไม่ต่างจากตัวของเขาเองนัก!

  ด้วยเหตุนี้หลิงหยุนจึงไม่กล้าที่จะประมาทแม้แต่น้อย!

  สำหรับหลิงหยุนแล้วเขาให้ความสำคัญกับการไม่ประมาทศัตรูและการต่อสู้อย่างมีชั้นเชิงมากกว่าสิ่งใด ที่ผ่านมาแม้แต่ศัตรูตัวเล็กตัวน้อยที่ไม่อาจทำอันตรายต่อเขาได้ หากไม่สังหารทิ้ง หลิงหยุนก็จะจัดการจนทำให้อีกฝ่ายไม่สามารถเป็นพิษเป็นภัยต่อตนได้อีก แล้วนับประสาอะไรกับหลงเทียนฟางเล่า

  หลังจากที่จัดการเผาเสินหยวนไปอีกสามร้อยหกสิบหยดหลิงหยุนก็สามารถเข้าสู่ขั้นลิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-6) ได้อีกครั้ง..

  และด้วยอานุภาพของจิตหยั่งรู้ที่แข็งแกร่งในขั้นลิ่วเฉิงชี่นี้ทำให้หลิงหยุนสามารถเห็นหลงเทียนฟางได้อย่างชัดเจน และเห็นแม้กระทั่งรายละเอียดของแสงสีทองรอบตัวเขาด้วย!

   หมอนี่ช่างบ้าโดยแท้.. 

  หลิงหยุนเห็นหลงเทียนฟางที่สวมเสื้อแขนกุดและเหาะมาด้วยเท้าเปล่าเพื่อต่อสู้กับตนเช่นนั้น ก็อดที่จะพึมพำออกมาด้วยความรู้สึกทึ่งไม่ได้ แต่ในใจก็นึกชอบความบ้าบอของอีกฝ่ายขึ้นมาบ้างเล็กน้อย..

  และนี่คือความรู้สึกประทับใจแรกที่หลิงหยุนมีต่อหลงเทียนฟาง!

  หลิงหยุนเห็นหลงเทียนฟางเหาะเข้ามาใกล้ด้วยความเร็วสูงสุดแต่ไม่มีทีท่าว่าจะชะลอความเร็วลงเลยแม้แต่น้อย เขาจึงได้แต่ยิ้มออกมา และเรียกกระบี่โลหิตแดนใต้ขึ้นมาถือไว้ในมือทันที

  พรึบ!

  หลังจากนั้นหลิงหยุนก็ทำการโคจรดาราคุ้มกายขั้นสุดเป็นเกราะคุ้มกันร่างกายและยกปลายกระบี่ขึ้นเหนือศรีษะ พร้อมกับคิดในใจว่า

  ‘หากเจ้าพุ่งเข้ามาใกล้ข้าเมื่อใดเจ้าต้องตายด้วยกระบี่ในมือข้าแน่!’

  หลงเทียนฟางเหาะเข้าหาหลิงหยุนด้วยความเร็วห้าร้อยเมตรต่อวินาทีเช่นนี้หลิงหยุนแทบไม่ต้องออกแรงอะไร เพียงแค่ถือกระบี่วิเศษนี้ไว้ในมือ หากหลงเทียนฟางไม่ชะลอความเร็ว และตั้งใจพุ่งเข้าใส่หลิงหยุน เขาย่อมต้องโดนคมกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือของหลิงหยุนจนบาดเจ็บแน่!

  ไม่เพียงเท่านั้นหลิงหยุนยังกวัดแกว่งกระบี่ในมือไปมาอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าหากหลงเทียนฟางพุ่งเข้ามาจริง ก็คงยากที่จะหลบคมกระบี่ในมือของหลิงหยุนพ้น!

  หลิงหยุนเองก็อยากจะรู้ว่าหลงเทียนฟางจะบ้าดีเดือดถึงขั้นเหาะตรงเข้าปะทะกับกระบี่วิเศษในมือของตนหรือไม่

  แล้วหลงเทียนฟางจะกล้าหรือไม่แน่นอนว่าหลงเทียนฟางย่อมก็ไม่กล้า!   ฟิ้ว!

  ทันทีที่หลงเทียนฟางเหาะเข้าใกล้หลิงหยุนในระยะหนึ่งร้อยเมตรเขาก็ได้เหาะเบี่ยงไปทางด้านซ้ายของหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะไปหยุดอยู่ห่างจากร่างของหลิงหยุนราวสามร้อยเมตรได้

  หลงเทียนฟางกัดฟันกรอดสายตาของเขาจ้องมองหลิงหยุนด้วยความไม่พอใจพร้อมกับร้องตะโกนออกไปว่า

   หลิงหยุน!เจ้าไม่เห็นรึว่าข้ามามือเปล่า เหตุใดยังชักกระบี่ออกมาอีก 

  หลิงหยุนหันไปมองหลงเทียนฟางด้วยสีหน้าสงบนิ่งพร้อมตอบกลับไปยิ้มๆ จริงอยู่ที่เจ้าเหาะมามือเปล่า แต่ด้วยความเร็วห้าร้อยเมตรต่อวินาทีเช่นนั้น เจ้าคิดว่าข้าจะโง่ยืนนิ่งๆรอรับการจู่โจมของเจ้างั้นรึ ต่อให้เจ้ามามือเปล่า แต่เจ้าก็สามารถใช้หมัดจู่โจมข้าได้นี่! 

   ฮ่าๆๆๆ 

  หลงเทียนฟางได้ยินคำตอบของหลิงหยุนก็ถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดังเพราะหลิงหยุนสามารถคาดเดาได้อย่างถูกต้อง

   เจ้าคงจะเป็นหลงเทียนฟางสินะ 

  หลิงหยุนจ้องมองหลงเทียนฟางที่อยู่ห่างไกลออกไปและได้แต่แอบตกใจ! เพราะเพียงแค่หลงเทียนฟางยืนนิ่งๆอยู่เช่นนี้ เขาก็ยังดูน่าเกรงขามราวกับสัตว์อสูรที่ดุร้าย และดูจากพลังปราณที่พวยพุ่งออกจากร่างของหลงเทียนฟางแล้ว เขาน่าจะสามารถเอาชนะยอดฝีมือขั้นพลังเหนือธรรมชาติระดับหกได้ไม่ยาก

  ชายหนุ่มผู้นี้จะมีพลังปราณที่แข็งแกร่งยิ่งนักหลิงหยุนเชื่อว่าหากหลงเทียนฟางประมือกับหลวงจีนจื้อเหนิง เขาจะสามารถเอาชนะหลวงจีนจื้อเหนิงได้ภายในเวลาเพียงแค่สองสามนาทีเท่านั้น!

  หลิงหยุนประเมินความแข็งแกร่งและความสามารถของหลงเทียนฟางอยู่ในใจเงียบๆและได้แต่คิดว่าด้วยความแข็งแกร่งของหลงเทียนฟางเวลานี้ เขาคนเดียวก็สามารถเอาชนะจางคุนหลุนและหลี่คุนหลุนพร้อมกันได้อย่างง่ายดาย!

  หลงเทียนฟางนับเป็นศัตรูที่น่ากลัวไม่น้อยทีเดียว..

  แต่ถึงกระนั้นใบหน้าของหลิงหยุนก็ยังคงเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มในขณะที่ตอบกลับไปว่า ข้ารอเจ้าอยู่นานแล้ว! 

  หลงเทียนฟางพยักหน้ารับรู้พร้อมถามหลิงหยุนกลับไปว่า เจ้าเองก็คงจะเป็นหลิงหยุนสินะ! เจ้ากล้าฉกฉวยของของตระกูลหลงไป ข้าเองก็รอที่จะจัดการกับเจ้านานแล้วเช่นกัน! 

  หลิงหยุนพยักหน้ายิ้มๆเขารู้ว่าอีกฝ่ายนั้นกำลังพูดถึงปราณมังกรอายุกว่าหกร้อยปีที่อยู่ภายในพระราชวังต้องห้าม เขาจึงคร้านที่จะปะทะฝีปากด้วย แต่กลับเหลือบมองไปทางชายอีกสองคนที่เหาะตามมาห่างๆ

   สองคนที่ตามมานั้นคือผู้ใดกัน 

  ลุงของหลงเทียนฟางและหลงเทียนซินที่เพิ่งตามมาถึงแต่ทั้งคู่กลับยังคงไม่เข้าใกล้บริเวณที่หลิงหยุนยืนอยู่ พวกเขาทั้งสองหยุดอยู่ห่างจากกลุ่มของหลิงหยุนไปราวหนึ่งพันเมตร และกำลังจับตาดูเหตุการณ์ด้านล่างอยู่ห่างๆ

  ความจริงแล้วหลังจากที่ได้เห็นคนทั้งคู่หลิงหยุนก็ได้นึกคาดเดาอยู่ในใจเงียบๆอยู่แล้ว แต่ที่ถามออกไปเพื่อให้มั่นใจว่าตนคาดเดาได้ถูกต้องหรือไม่

   คนที่มีอายุนั่นเป็นลุงของข้าเองนามว่าหลงฮ่าวเฉียน ส่วนอีกคนเป็นพี่ชายของข้า.. หลงเทียนซิน! 

  หลงเทียนฟางตอบกลับหลิงหยุนด้วยสีหน้าท่าทางที่สงบนิ่งจากนั้นจึงยิ้มกว้างพร้อมกับเอ่ยต่อ

   แต่เจ้าไม่ต้องกังวลใจไปเพราะข้าจะเป็นผู้ประมือกับเจ้าเอง! 

   เรื่องนั้นหาใช่ปัญหาสำหรับข้าไม่ในเมื่อพวกเราต่างก็เป็นศัตรู จะประลองกับใครผลย่อมออกมาเหมือนกัน!  หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ

  ครั้งนี้นับเป็นการประลองที่อันตรายมากอย่างยิ่งเพียงแค่หลงเทียนฟางก็แข็งแกร่งมากแล้ว ส่วนหลงเทียนซินนั้นเขาก็ไม่สามารถเอาชนะได้ภายในเวลาอันรวดเร็วแน่ อีกทั้งหลงฮ่าวเฉียนที่มีแสงสีฟ้าเปล่งประกายรอบตัว เขาเองก็ไม่สามารถมองเห็นขั้นพลังของอีกฝ่ายได้ เห็นได้ชัดว่าย่อมต้องเป็นยอดฝีมือที่สูงส่งมากคนหนึ่ง

  หลิงหยุนยังจำได้ว่าเขาเองได้เคยพบลุงของหลงเทียนฟางผู้นี้มาก่อนแล้ว เขาก็คือยอดฝีมือที่หลิงหยุนกับโม่วู๋เตาไปพบเข้าโดยบังเอิญที่มหาวิทยาลัยหนานจิง ครั้งนั้นเขานำหลิวเทวะวิญญาณเข้าไปดูดซับพลังหยิน จนเป็นเหตุให้ค่ายกลกักมังกรหยินทำงานจนสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งบริเวณ และยอดฝีมือสูงส่งผู้นี้ก็ได้ปรากฏตัว!

  เวลานี้ฐานะของยอดฝีมือในคืนนั้นก็ได้ถูกเปิดเผยออกมาแล้วว่าแท้ที่จริงเขาก็คือลุงหลงเทียนซินกับหลงเทียนฟาง และเป็นพี่ชายของหลงฮ่าวหลานซึ่งเป็นผู้นำตระกูลหลงคนปัจจุบันนั่นเอง!

  ในครั้งนั้นหลิงหยุนยังอยู่ในระดับสูงสุดขั้นเอ้อเฉิงชี่(ขั้นพลังชี่-2) เขาจึงไม่สามารถมองเห็นขั้นพลังของหลงฮ่าวเฉียนได้ แต่เวลานี้หลิงหยุนอยู่ในระดับสูงสุดขั้นซานฉางชี่ (ขั้นพลังชี่-3) และหลังจากเผาหยดเสินหยวนก็ได้เข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นลิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-6) แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถเห็นขั้นพลังของหลงฮ่าวเฉียนอยู่ดี!

  และหากหลงฮ่าวเฉียนลงมือหลิงหยุนก็คงยากที่จะรับมือได้!

  แต่หากเขาลงมือจริงๆหลิงหยุนก็คงไม่อาจหลีกเลี่ยงที่จะใช้วิชาพลังมังกรจัดการกับหลงฮ่าวเฉียนเช่นกัน!

   เช่นนั้นก็ลงมือเลย! 

  หลงเทียนฟางคร้านที่จะพูดจาไร้สาระอีกเขาพุ่งร่างเข้าหาหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว และเพียงแค่พริบตาเดียวก็มาปรากฏตัวตรงหน้าหลิงหยุนแล้ว!   ตูม!

  หลงเทียนฟางจู่โจมหลิงหยุนด้วยหมัด!

  หลิงหยุนได้ทำการเก็บกระบี่โลหิตแดนใต้เข้าไปแล้วเขาต้องการประลองกับหลงเทียนฟางอย่างยุติธรรม และได้ใช้กำปั้นของตนชกเข้าใส่หลงเทียนฟางเช่นกัน!

  พลังรุนแรงจากการปะทะกันระหว่างหมัดของหลิงหยุนและหมัดของหลงเทียนฟางดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งบริเวณ

  วินาทีต่อมาร่างของคนทั้งสองก็กระเด็นออกไปคนละทิศคนละทาง และเกิดแรงสั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหวขึ้น

  ร่างของหลงเทียนฟางลอยกระเด็นออกไปไกลราวหนึ่งร้อยเมตรได้แต่ร่างของหลิงหยุนกลับกระเด็นออกไปไกลมากกว่าสองร้อยเมตรทีเดียว!

  ‘หมอนี่แข็งแกร่งกว่าที่ข้าคิดไว้มาก..’

  ทันทีที่ทรงตัวยืนได้มั่นคงหลิงหยุนก็สัมผัสได้ว่าโลหิตภายในร่างของตนนั้นหมุนเวียนด้วยความรวดเร็ว และแทบพวยพุ่งออกจากร่าง

  และนี่เป็นครั้งแรกของการประลองที่หลิงหยุนตกอยู่ในอาการเช่นนี้!

   มาประลองต่อ! 

  หลงเทียนฟางไม่เสียเวลาเขากำหมัดพุ่งเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนต่อทันที แต่ครั้งนี้หลิงหยุนได้ใช้หมัดปีศาจเถียนกังที่มีพลังรุนแรงเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า แต่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้

  ปัง!

  เสียงพลังปราณจากหมัดของคนทั้งคู่ปะทะกันจนดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งบริเวณอีกครั้งแล้วทั้งสองร่างก็กระเด็นแยกออกจากกัน แต่ครั้งนี้เป็นระยะทางเท่าๆกัน

  ��

 

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท