ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่ 24 แสดงความสามารถออกมาให้เห็น

บทที่ 24 แสดงความสามารถออกมาให้เห็น

บทที่ 24 แสดงความสามารถออกมาให้เห็น

“เอาของคืนมา แล้วฉันจะไว้ชีวิตคุณ!”

ปืนหันหน้าไปทางเซควน หลินอิ่งยังคงไม่แสดงสีหน้าเหมือนเดิม สีหน้าสุดทนอย่างไม่มีอะไรเทียบได้

“ฮ่าฮ่า! ไว้ชีวิตฉัน?” เซควนเหมือนได้ยินเรื่องตลก หัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังขึ้นมา “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! พวกเรา ไอ้ลูกเขยไร้ประโยชน์นี่ พูดว่าจะไว้ชีวิตฉัน?”

“ท่านควนเขตตะวันออก เดิมทีไอ้ไร้ประโยชน์นี่ก็คือคนโง่คนหนึ่ง อย่ายอมแพ้นะ”

“ท่านควนเขตตะวันออก ฉันเห็นว่าไอ้คนขี้ขลาดตาขาวนี่เดิมทียังไม่ตื่นนอน โยนลงแม่น้ำชิงหยูนให้เขาตื่นแล้วค่อยพูดอีกทีเถอะ”

ลูกน้องทั้งสองคนของเซควน แล้วล้วนหัวเราะเยาะเย้ยออกมา

“ก็นับว่าคุณค่อนข้างใจกล้า ยังกล้ามาหาฉันถึงหน้าบ้าน” เซควนพูดเย้ยหยัน “คุณคิดว่าคุณประจบประแจงเสิ่นซาน ก็สามารถกำเริบเสิบสานต่อหน้าฉันได้หรอ?”

“ก็ไม่ได้กลัวที่จะบอกมึงตามความเป็นจริง ก็คือกูจัดการลู่ทางของมึง! กูเป็นคนที่ส่งคนไปเอาของมา ตอนนี้ก็อยู่ในมือกูแล้ว คุณจะทำอะไรได้?” เซควนมองหลินอิ่งอย่างเหยียดหยาม “คุณมันแค่คนไร้ประโยชน์ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งในเมืองชิงหยูน เอาอะไรมาตั้งตัวเป็นศัตรูกับฉันล่ะ?”

“เซควน ฉันจะแนะนำให้คุณเอาของคืนมาให้ฉันจะดีที่สุด มิเช่นนั้นจะรับไม่ไหว” เสิ่นซานพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม กล้าแข็งกร้าวมากยิ่งขึ้น ติดตามอยู่ข้างกายหลินอิ่ง

เขาเชื่อว่าหลินอิ่งจะสามารถจัดการกับเซควนได้ อีกทั้งไม่ดีก็สามารถถอยออกมา……

เซควนลุกขึ้นอย่างช้าๆ สีหน้าท่าทางยโสโอหังอย่างยิ่ง สายตาเย็นชากวาดมองไปที่หลินอิ่งกับเสิ่นซาน

“อยู่เขตตะวันออกกับสู้เซควนอย่างฉัน เสิ่นซาน คุณมีศักยภาพอันนี้หรอ?”

“กูให้ศักดิ์ศรีตำแหน่งเมืองหนานเฉิงกับมึงพอแล้ว มึงแม่งโคตรไร้ยางอาย คิดว่าที่นี่เป็นเมืองหนานเฉิงหรอ?”

“ฉันจะให้พวกคุณทั้งสองคุกเข่าลงคำนับ ไม่อย่างนั้นฉันจะระเบิดหัวพวกคุณซะ!” เซควนกล่าวด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม

เขาเพิ่งจะพูดจบ เหล่าอันธพาลรูปร่างสูงใหญ่ในโรงงานหลายสิบคน ล้วนถืออาวุธมีดออกมา ค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ๆ ชัดเจนนี่เป็นลักษณะเฉพาะของกลุ่มคนนิโกร สีหน้าแต่ละคนไร้ความรู้มองดูเหมือนพวกเดนตาย

“เซควน นี่คุณคิดจะต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายเลยหรอ?” เห็นเซควนเช่นนี้ สีหน้าของเสิ่นซานก็ยิ่งสุดจะทน

เขาก็รู้ว่า มีกลุ่มทหารรับจ้างที่มีฝีมือเป็นลูกน้องของเซควน ทั้งหมดมีความสามารถในการต่อสู้หนึ่งต่อสิบ ก็คือชาวต่างชาติหลายสิบคนที่อยู่ตรงหน้าฉัน

ต้องลงมือจริงๆ ตนกับหลินอิ่งสองคน เกรงว่าจะออกไปจากโรงไม่ได้!

“สู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย? ฮ่าฮ่า ไม่ผิด วันนี้คุณจะต้องตายเท่านั้น ฉันรรอด!ฉันจะนับถึงสาม หลินอิ่ง เสิ่นซาน คุกเข่าลงคำนับพวกกูซะ!”

หลินอิ่งมองเซควนด้วยสีหน้าปกติ ยิ้มมุมปากเล็กน้อย ท่วงท่าที่ถากถางอยู่นิดๆ

ตึ๊ง!

เวลานี้ คาดไม่ถึงว่าโทรศัพท์ของหลินอิ่งจะดังขึ้นมา สิ่งที่ทำให้คนแปลกใจก็คือว่า หลินอิ่งรับโทรศัพท์ด้วยสีหน้าสงบ

“ครับท่าน รบกวนท่านเลย วันนี้ได้ฟังที่อูหยางพูด ทางด้านนั้นมีเรื่องยุ่งยากกับท่านเล็กน้อย มีเรื่องอะไรให้ใช้ลูกน้องไหม?” สายทางนั้น น้ำเสียงของนิ่งซวนทอดออกมา

เซควนมองไปที่ท่าทางของหลินอิ่ง ก็โมโหขึ้นมาอย่างไม่มีอะไรเปรียบ แววตาเยือกเย็นจนถึงขีดสุด

ท่าทางของหลินอิ่งอันนี้ ชัดเจนว่าไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตา ปืนจ่ออยู่ตรงหน้ายังมีกะจิตกะใจรับโทรศัพท์อีกหรอ?

“ไอ้ไร้ประโยชน์อย่างมึงยังกล้าไม่คุกเข่าอีกหรอ? จริงๆคิดจะยั่วโมโหกูใช่ไหม?”

เซควนด่าอย่างโมโห เหนี่ยวไกด้วยอารมณ์ดุร้าย เหนี่ยวไกตรงไปยังขาของหลินอิ่ง!

ปัง!

อากาศสั่นเล็กน้อย กระสุนระเบิดออกทันที

ฉับพลันก็เกิดประกายไฟบนพื้น เสียงดังขึ้น ปลอกกระสุนร่วงลงบนพื้น

ปืนเปล่า?

เซควนรู้สึกชะงักงัน เห็นฉากแปลกประหลาดนี้ เหงื่อเย็นไหลออกมาจากด้านหลัง

ก็ไม่รู้ว่าหลินอิ่งหายตัวไปนั่งอยู่บนเก้าอี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ คนถอยห่างออกไปสิบเมตรกว่า ในมือยังถือโทรศัพท์

ดูเหมือนว่า ด้านหน้าของหลินอิ่ง ปืนไม่อะไรกับเศษเหล็ก

ภายในโรงงาน ตกอยู่ในความเงียบสงัด

ทุกๆคนตอนนี้ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผาก ไม่อยากเชื่อสายตาของตนเองสักนิด

เขาคาดไม่ถึง ถึงการหลบกระสุน!

“ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย เอาของคืนมา” หลินอิ่งพูดนิ่งๆ

เซควนหายใจเข้าลึกๆ อารมณ์ก็เปลี่ยนเป็นดุร้ายอย่างไม่มีอะไรเปรียบ

“ฉันไม่เชื่อว่าคุณคนเดียวจะพลิกฟ้าได้!” เซควนพูดจาโหดเหี้ยม “ฉันจะจัดการคุณ!”

พูดจบ เซควนก็ตวัดมือ ดวงตาของเขาอำมหิตถึงขีดสุด

ชั่วพริบตาเดียว ทหารรับจ้างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่อยู่ข้างหลังเซควน ก็ดึงอาวุธมีดออกมา ขณะเดียวกันเริ่มเคลื่นไหว รูปร่างแข็งแกร่งอย่างมาก ทั้งหมดพุ่งเข้าหาหลินอิ่ง

“ฉันอยากเห็นว่าคุณเก่งแค่ไหน!” เซควนพูดจาเย้ยหยัน

คนเหล่านี้เป็นลูกน้องของตน แต่ล้วนเป็นอัจฉริยะในอัจฉริยะ ในฐานะทหารรับจ้าง เคยได้รับการฝึกทางทหาร ทุกๆคนล้วนมีฝีมือต่อสู้สิบต่อหนึ่ง!

ถึงแม้ว่าหลินอิ่งจะเก่งมากขึ้นอีก ก็ต้องล้มลงอยู่ที่นี่!

นักฆ่าต่างชาติฝีมือดีหลายสิบคนเดินเข้าตรงหน้า หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย เผยให้เห็นสีหน้าที่โหดร้ายเล็กน้อย

“ในเมื่อพวกคุณรนหาที่นาย งั้นก็จะช่วยให้พวกคุณสมหวัง!”

ฉับพลันเงาของร่างกายหลินอิ่งที่ประหนึ่งปีศาจร้ายก็พุ่งเข้าใส่

ตุบตุบตุบ!

ฉับพลันเสียงเตะต่อยที่กระทบกับเนื้อก็ดังออกมา

และในช่วงเวลาถัดมา ลูกสมุนหลายสิบคนพร้อมอาวุธมีด คาดไม่ถึงว่าอยู่ต่อหน้าวิชามวยของหลินอิ่งกลับอ่อนแอเหมือนกระดาษเปียก ทั้งหมดลอยออกไปไกลกว่าสิบเมตร ล้มลงอยู่บนพื้น เอ็นฉีกกระดูกหัก กลิ้งไปมาด้วยความเจ็บปวด

กระบวนการทั้งหมดทั้งสิ้น ในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที

หลินอิ่งก็จัดการปัญหาได้แล้ว

“เป็นไปได้อย่างไร!”

สีหน้าของเซควนเปลี่ยนไปเป็นหวาดกลัวอย่างไม่มีอะไรเปรียบ นี่เพิ่งจะรู้สึกถึง ความน่ากลัวของหลินอิ่งไอ้คนไร้ประโยชน์ตรงหน้านี่!

ไพ่ที่จะทำให้ชนะในมือของตน บุคคลอัจฉริยะหลายสิบคน แต่ว่าอยู่นอกประเทศล้วนโหดเหี้ยมมีอำนาจมาก จะถูกหลินอิ่งจัดการได้สบายๆอย่างนี้เลยหรอ?

แท้ที่จริงแล้วนี่เป็นตัวประหลาดอะไรกัน?

“นี่นี่นี่……” เซควนสีหน้าหมองคล้ำ พูดจาติดอ่างขึ้นมา เห็นหลินอิ่งเหมือนกับเห็นปีศาจ

หลินอิ่งสีหน้าปกติ เดินไปทางเซควนทีละก้าวๆ

“คุณอย่าเข้ามา! อย่าเข้ามา! พวกเรา ขวางมันไว้ให้ฉัน!” เซควนตะโกนเสียงดัง สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว สูญเสียอำนาจความโหดเหี้ยมที่มีก่อนหน้าไปอย่างสิ้นเชิง

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน