บทที่ 58หวางหงหลิง
ปัง ปัง ปัง
มีเสียงการต่อสู้ดังออกมาจากในซอย จากนั้นก็เป็นเสียงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด
คึก!
หลินอิ่งหักท่อนเหล็กไปท่อนหนึ่ง ฟาดไปที่ซี่โครงหัวหน้าชายฉกรรจ์ เสียงดังปังทำให้เขากระเด็นไปไกลสิบเมตร ล้มลงไปกองอยู่บนพื้น
เวลาไม่ถึงสามนาที ชายฉกรรจ์ทั้งหกคนก็กองราบอยู่บนพื้น เลือดอาบเต็มปาก มองหลินอิ่งด้วยสายตาไม่น่าเชื่อ
พวกเขายังไม่ได้แตะต้องตัวหลินอิ่งด้วยซ้ำ ก็โดนต่อยจนเลือดอาบปาก กองอยู่บนพื้น
“แกทำไมถึงได้ต่อยเก่งขนาดนี้?” คนที่เป็นหัวหน้ามือจับซี่โครงที่ถูกฟาดจนหัก เจ็บจนพูดไม่ออกถามขึ้น
เขาฝึกมาจากหน่วยรบพิเศษ ยังเคยเข้าร่วมปฏิบัติการจับผู้ก่อการร้าย ฝีมือไม่ธรรมดาแน่ รู้วิธีการต่อสู้ต่าง ๆ แต่ไม่คิดว่าต่อหน้าหลินอิ่งที่ลือกันว่าไม่มีน้ำยา กลับไม่ได้แตะต้องแม้แต่มือ
และสำหรับบอดี้การ์ดที่เขาพามา ก็เคยเป็นทหารอยู่เมืองนอก เข้าสู้พร้อมกันแต่กลับแพ้ไม่ถึงนาที
นี่มันต่อยเก่งเกินไปแล้ว
“กลับไปบอกนายแก ถ้ากล้ามายุ่งกับครอบครัวจางฉีโม่ ฉันจะทำให้มันตายไร้ที่ฝัง” หลินอิ่งพูดขึ้นเสียงเรียบ
ในน้ำเสียงเย็นเรียบนี้ มีความน่าเกรงขามจนน่ากลัว
“นายอย่าคิดว่ามีวิชาการต่อสู้หน่อย แล้วจะไปเป็นอริกับคุณชายหวางได้นะ” หัวหน้าชายฉกรรจ์พูดขึ้น อย่างไม่ยอมแพ้ “สมัยนี้มันไม่ใช่สมัยที่ใช้กำปั้นแก้ปัญหาแล้ว แกก็ไปคุกเข่าขอโทษคุณชายหวางโดยดีเถอะ เผื่อจะรอดไม่ต้องตาย”
หลินอิ่งเดินขึ้นไป เสียงดังปัง เท้าเหยียบไปที่หัวของชายฉกรรจ์ รองเท้าเหยียบหน้าเขาให้แนบไปกับพื้น
“แก แกกล้า” ชายฉกรรจ์สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ พูดข่มขู่ขึ้น “จะบอกแกให้นะ กับแค่กำปั้นแก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตระกูลหวางมีอำนาจใหญ่โตขนาดไหน ยังกล้ารุกราน นายไม่มีจุดจบที่ดีแน่”
เพียะ
มือหลินอิ่งฟาดไปทีหนึ่ง ชายฉกรรจ์ถึงกับเลือดอาบปาก
“แกคิดว่าตระกูลหวางเป็นอะไร?” หลินอิ่งหัวเราะเย็นชา ถีบชายฉกรรจ์กลิ้งไปไกลหลายสิบเมตร เจ็บจนร้องโอดโอย
“ไสหัวไป”
“แกคอยดู แกรอรับอารมณ์โทสะจากคุณชายหวางได้เลย” ชายฉกรรจพูดขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้
พูดไป เหล่าชายฉกรรจ์ก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นเดินขาเป๋ เดินไปที่รถเก๋งสีดำอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
เอี๊ยด
เวลาเดียวกัน ในซอยก็มีรถหรูบูกัตติ เวย์รอน สีแดงขับเข้ามา เสียงดังก้องทั้งซอย
ชายเสื้อดำสองคน สีหน้าเย็นชาเดินลงมาจากรถ วิ่งเข้ามาทั้งหมัดทั้งเข่า ต่อยบอดี้การ์ดชุดสูทที่หวางจื่อเหวินจัดมานอนราบไปกับพื้นอีกรอบ เจ็บปวดจนร้องเสียงดัง
เห็นได้ชัดว่า ชายชุดดำสองคนนี้ ฝีมือดีกว่าบอดีการ์ดกลุ่มนั้นเยอะ
“หนึ่งนาที ออกไปจากซอยนี้เดี๋ยวนี้” ชายชุดดำพูดขึ้นสีหน้าเย็นชา
บอดี้การ์ดชุดสูทกลุ่มนั้นสีหน้าไม่พอใจ ขึ้นรถไปอย่างลุกลี้ลุกลน ขับรถออกจากซอยทันที
“คุณหลิน ไม่ได้ถูกไอ้ขยะพวกนั้นทำร้ายนะครับ?” ชายชุดดำเดินเข้ามาพูดขึ้นอย่างเกรงใจ
หลินอิ่งขมวดคิ้ว มองไปที่รถบูกัตติ เวย์รอน สีแดงราคายี่สิบล้าน เหมือนมีเงาคนนั่งอยู่ในรถ
เขาไม่ได้จัดคนมาในซอยโบราณ
ชายชุดดำสองคนนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่บอดี้การ์ดธรรมดา วิชาต่อสู้ระดับสูง หลินอิ่งดูออก พวกเขาเป็นนักสู้ที่เคยเห็นเลือดมาแล้ว หรือพูดได้ว่า น่าจะเป็นนักฆ่าที่เคยทำงานที่ต่างประเทศมาแล้ว
ชายเสื้อดำสังเกตตัวหลินอิ่ง สีหน้ามีอาการประหลาดใจ พูดขึ้นว่า “คิดว่าถึงว่าคุณหลินยังรู้วิชาการต่อสู้ด้วย บอดี้การ์ดพวกนี้ก็ถือว่าฝีมือดีแล้ว ยังทำร้ายคุณหลินไม่ได้เลย”
อึ้งไปสักครู่ ชายชุดดำยกมือชี้ แล้วพูดขึ้น “คุณหลิน คุณหนูใหญ่เรียนเชิญครับ”
หลินอิ่งถามอย่างสงสัย “พวกนายเป็นคนของใคร?”
“คุณหลินวางใจได้ พวกเราไม่ได้มาร้าย มาเพื่อปกป้องคุณโดยเฉพาะ” ชายชุดดำพูดขึ้นจริงจัง “คุณหนูใหญ่ของเราชื่นชมคุณมาก คุณเข้าไปพบก็รู้เองว่าเป็นใคร”
“ผมไม่สนใจ” หลินอิ่งพูดขึ้นเสียงเรียบ หันหลังเดินจากไป
ชายชุดดำสองคนขมวดคิ้ว สบตากัน แล้วขยับตัวอย่างรวดเร็ว ขวางทางของหลินอิ่งไว้
“คุณหลินกรุณาอย่าให้พวกผมทำงานลำบากเลยนะครับ” ชายชุดดำพูดขึ้น
“ทำไม? คุณหนูของพวกนายให้เชิญแขกแบบนี้เหรอ?” หลินอิ่งถามขึ้น
“คุณหลิน อย่างนั้นก็ต้องขออภัยด้วยครับ”
ชายชุดดำทั้งสองสีหน้าเยือกเย็นขึ้น จ้องหน้าหลินอิ่งอย่างเย็นชา ในสายตาเต็มไปด้วยความบีบบังคับ
“เหอะ” หลินอิ่งหัวเราะเย็นชา ไม่ได้มองชายสองคนด้วยซ้ำ สายตามองไปที่รถบูกัตติ เวย์รอนสีแดงที่จอดอยู่อีกฝั่ง
“ถ้ามือของนายสองคนยังขยับเข้าไปในกระเป๋าอีกนิด” พูดถึงตรงนี้ หลินอิ่งก็มองไปที่ชายสองคนนั้น “กล้าหยิบปืนออกมา ฉันรับประกัน พวกนายมีชีวิตอยู่ไม่เกินสิบวินาทีแน่”
“นี่มัน”
ชายชุดดำทั้งสองสีหน้าตกใจ เหมือนโดนฟ้าผ่า นิ่งอยู่กับที่ รู้สึกวูบที่แผ่นหลัง มือจับปืนที่อยู่ในเสื้อแล้ว แต่ไม่กล้าขยับ
คุณหลินคนนี้ดูแล้วธรรมดา แต่ทำให้พวกเขารู้สึกกดดันอย่างหนัก ถึงจะเป็นคนโหดที่รับจ้างฆ่าคนที่เมืองนอก เวลานี้หัวใจก็เต้นแรง ท้องไส้ปั่นป่วน เหมือนคนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาไม่ใช่คน แต่เป็นสัตว์ดุร้าย
พวกเขาไม่สงสัยแม้แต่น้อย ถ้ากล้าเอาปืนออกมา ต้องมีคนตายทันที
“พวกนายลงไปก่อน ฉันขอคุยกับคุณหลินเอง”
ขณะเดียวกัน เสียงผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้นมา เสียงไพเราะ แต่ในน้ำเสียงที่ไพเราะนี้ก็เต็มไปด้วยความสง่าผ่าเผย
หญิงสาวใส่ชุดกี่เพ้าสีแดง เดินลงมาจาก รถบูกัตติ เวย์รอนคันนั้น เธอรูปร่างสวยงาม เดินมาอย่างช้า ๆ ระหว่างเดินมา ท่าทางสง่า สวยงามอย่างหาที่เปรียบยาก
หลินอิ่งมองดูหญิงสาวที่เดินมาในชุดกี่เพ้า
ปกติแล้ว ชุดกี่เพ้าไม่ใช่ผู้หญิงคนไหนก็ใส่ได้ แต่ผู้หญิงคนนี้ กลับใส่แล้วดูสง่างามสวยหรู
หญิงสาวในชุดกี่เพ้ารูปร่างสูงสง่าสวยหรู ผิวขาวสวยไร้ตำหนิ มีเสน่ห์เย้ายวน
เธอมีหน้าตาที่งดงาม ดวงตาหมวยสวยมีเสน่ห์ ผิวสวย หน้าตายังดีอ่อนเยาว์ เสน่ห์งดงาม แต่มีความน่าเกรงขาม ทำให้คนไม่กล้ามองหน้า เหมือนมีแรงกดดันบางอย่าง
ผู้หญิงที่ไม่ธรรมดา
“คุณหลิน ฉันขอแนะนำตัวหน่อยนะคะ ฉันชื่อหวางหงหลิง” หวางหงหลิงยิ้มหวานพูดขึ้น รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยเสน่ห์
“หวางหงหลิง?” หลินอิ่งเหมือนคิดอะไรออก “ถ้าผมจำไม่ผิด คุณก็เป็นคนของตระกูลหวาง?”
ชื่อของหวางหงหลิงนี้โด่งดังมากในเมืองชิงหยูน ไม่มีใครไม่รู้จัก คุณหนูใหญ่ไข่มุกในฝ่ามือของตระกูลหวาง ได้รับความรักจากคุณปู่ที่สุด
สองปีที่แล้ว หวางหงหลิงก็เหมือนจางฉีโม่ ได้รับยกย่องว่าเป็นสาวงามที่สวยที่สุดในหนึ่งในสามของเมืองชิงหยูน