บทที่ 76 ข่าวการเสียชีวิต
ดวงอาทิตย์ยามเช้ากำลังโผล่ขึ้นจากทิศตะวันออก
หลินอิ่ง ออกมาจากวิลล่าหิมะมังกร และนั่งรถไปยังย่านใจกลางเมือง
ที่เบาะหลังของรถ หลินอิ่งมีสีหน้าที่ปกติ และความเยือกเย็นภายในดวงตา
เมื่อเวลาเช้าตรู่ เขาได้รับข้อความทางโทรศัพท์ว่า: เจอกันที่ฝูหมั่นโล๋ หลี่ผู
เป็นข้อความที่ส่งมาจากหมายเลขที่ไม่รู้จัก ถูกส่งผ่านIPคอมพิวเตอร์ที่ไม่รู้จัก และไม่พบแหล่งที่มา
หลินอิ่งมองผ่านกระจกมองหลังเห็นรถAudiคันสีดำที่ไม่คุ้นตา อยู่ห่างไปเพียงร้อยเมตร และยิ้มที่มุมปาก
รถแท็กซี่ขับไปได้สักพัก เมื่อผ่านซอยเล็กซอยหนึ่ง ก็กลับรถ ขับมาที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆแห่งหนึ่ง และหยุดอยู่หน้ารถ Audiสีดำคันนั้น
ในที่นั่งด้านหน้าของรถAudiสีดำ ชายชุดดำทั้งสองคนสีหน้าแปลกใจ และลดกล้องส่องทางไกลของทหารลง และมองไปที่รถแท็กซี่ที่กำลังใกล้เข้ามาด้วยความไม่อยากเชื่อ
“เป็นไปได้ยังไง หลินอิ่งพบพวกเราได้อย่างไร” ไอ้เจ็ดถามอย่างสงสัย
“เขาให้แท็กซี่เลี้ยวรถกลับมา คงไม่ได้กลับมาจัดการพวกเราหรอกนะ” ไอ้หกอย่างเป็นกังวล
พวกเขาทำตามคำสั่งของหวางหงหลิง ภารกิจประจำวันคือติดตามและเฝ้าสังเกตดูปัจจัยสี่ในการดำรงชีวิตของหลินอิ่ง
คนขับรถแท็กซี่สูงอายุลงมาจากรถ และมองไปที่ไอ้หกกับไอ้เจ็ดที่อยู่ในรถด้วยรอยยิ้ม
“อรุณสวัสดิ์เถ้าแก่ทั้งสองคน เถ้าแก่คนเมื่อกี้ในรถบอกว่า ให้ฉันส่งกระดาษนี่ให้พวกคุณ” คนขับพูดและหัวเราะเบาๆ และส่งกระดาษแผนนั้นให้
“แล้วเขาไปไหนแล้วละ” ไอ้หกถามอย่างสงสัย และรับกระดาษสีขาวแผ่นนั้นมา
“ไม่รู้เหมือนกัน เขาลงจากรถไปแล้ว พวกคุณเป็นเพื่อนเขา ก็โทรไปถามสิ” คนขับรถพูดด้วยรอยยิ้ม และกลับไปที่เบาะคนขับแท็กซี่ เลียนิ้วและนับเงินปึกสีแดงในมือ อย่างมีความสุข
แค่ช่วยเถ้าแก่ส่งจดหมาย ก็ได้เงินตั้งหนึ่งพันหยวน เงินที่ลำบากทำงานมาก็หามาได้แล้ว!
“นี่คือ” ไอ้หกหลิวดูประหลาดใจ นี่หลินอิ่งคลาดสายตาพวกเขาไปแล้วหรือ
การติดตามคนเป็นความสามารถพิเศษของพวกเขา! หลายวันมานี้เขาเฝ้าตามหลินอิ่งอย่างระมัดระวัง แล้วมีข้อบกพร่องตกไหนกันนะ
ไอ้หกเปิดดูกระดาษสีขาว บนกระดาษมีเพียงประโยคเดียว ที่เขียนด้วยหมึกสีดำว่า
“วันนี้พวกคุณสองคนไปพักเถอะ พักผ่อนให้เต็มที่”
ไอ้หกและไอ้เจ็ดหน้าแดง และรู้สึกอาย ที่แท้หลินอิ่งก็รู้ว่าพวกเขากำลังเฝ้าติดตามอยู่หลายวันแล้ว แต่แค่ไม่ได้พูดอะไร….
“พวกเราจะทำยังไงดี หรือจะกลับไปที่อาคารเป่าติ่ง” ไอ้เจ็ดถาม
“กลับไปรายงานคุณหนูก่อนก็แล้วกัน” ไอ้หกพูดด้วยสีหน้านิ่งๆ
ในฐานะนักฆ่ามืออาชีพที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศ แต่กลับทำคนหลุดมือไป สิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในอาชีพของพวกเขามาก แล้วต่อไปจะพูดยังไงต่อหน้าคุณหนูละ
ไอ้หกไอ้เจ็ดทำหน้ามุ่ย สลดใจและขับรถออกไปจากถนนสายนี้……
อีกด้านหนึ่ง หลินอิ่งมาที่ฝูหมั่นโล๋
ฝูหมั่นโล๋เป็นร้านเก่าแก่ที่เปิดมานานกว่าสามสิบปี ในเขตเมืองเก่าชิงหยูน การตกแต่งค่อนข้างทรุดโทรม ไม่มีใครอยู่ในอาคาร และที่ประตูมีป้ายแขวนไว้ว่าปิดกิจการ
หลินอิ่งหยิบกุญแจจากด้านหลังป้าย เปิดประตูขึ้นไปชั้นสาม และเดินไปที่ห้องห้องหนึ่ง
“คุณชาย! คุณมาแล้ว!”
ทันทีที่หลินอิ่งเปิดเข้าไปในห้อง ก็เจอกับชายชราผมสีเทา ใบหน้าซีดเซียวอิดโรย ตะโกนออกมาด้วยสายตาประหลาดใจ
เขาคือหลี่ผู พ่อบ้านเก่าแก่ของตระกูลฉี ซึ่งก่อนหน้าก็เคยมาหาเขาพร้อมกับฉีเหอถู หลี่ผูทำงานให้กับตระกูลฉีด้วยความภักดีมาตลอดชีวิต
“คุณหาฉันมีธุระอะไร” หลินอิ่งถาม
เขาไม่เข้าใจ ว่าทำไมครั้งก่อนหลี่ผูไม่กลับไปที่ตี้จิงพร้อมกับฉีเหอถู แต่ยังอยู่ที่เมืองชิงหยูน และยังใช้วิธีหลบซ่อนติดต่อกับตัวเขาเองเช่นนี้
“คุณชาย พูดแล้วเรื่องมันยาว” หลี่ผูถอนหายใจเบาๆ และพูดอย่างร้อนรน “คุณรีบออกจากประเทศหลุงเถอะ! ผมเตรียมตั๋วเรือไปยุโรปให้คุณแล้ว และมีเงินจำนวนหนึ่งเพียงพอที่จะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในต่างประเทศไปตลอดชีวิต”
“หมายความว่าอะไร” หลินอิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย และมองไปที่หลี่ผู
หลี่ผูหน้าซีด ลมหายใจอ่อนแรง ดูเหมือนตะเกียงไร้น้ำมัน บนตัวมีกลิ่นแปลกๆของยาแผนปัจจุบัน และยังได้กลิ่นเลือดจางๆอีกด้วย
“ไม่มีเวลาอธิบายแล้ว คุณชาย ตราบใดที่คุณยังอยู่ในเมืองชิงหยูน ยังอยู่ในประเทศหลุง คุณอาจถูกลอบสังหารได้ทุกเมื่อ!” หลี่ผูพูดด่วยความร้อนรน “มีมือสังหารจำนวนมากกำลังตามหาที่อยู่ของคุณ และต้องการที่จะกำจัดคุณ”
“แค่กๆ!”
ขณะพูด หลี่ผูก็ไออย่างรุนแรง และอาเจียนออกมาเป็นเลือด
หลินอิ่งหรี่ตาลง เดินไปที่ตรงหน้าหลี่ผู เปิดเสื้อคลุมของเขา เห็นด้านหลังของเขามีผ้าพันแผลเปื้อนเลือด และเต็มไปด้วยบาดแผลที่เป็นหนอง ดูแล้วน่าตกใจมาก
“ยังมีกระสุนอยู่ในร่างของคุณงั้นเหรอ” หลินอิ่งถาม “เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“เฮ้อ….ฉันไม่กล้าไปเอากระสุนออกที่โรงพยาบาล เพราะกลัวว่าคนกลุ่มนั้นจะตามเจอเบาะแส และฉันคงไม่มีโอกาสได้แจ้งข่าวให้คุณชายทราบแน่ๆ!” หลี่ผูพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “คุณอย่าถามมากเลย เรื่องพวกนี้คุณจัดการไม่ได้หรอก”
“ฉันคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่วันแล้ว ของแค่ครั้งนี้คุณชายฟังคำแนะนำของคนรับใช้แก่ๆคนนี้ อย่าอยู่ในประเทศหลุงอีกต่อไปเลย รีบหนีไปต่างประเทศเถอะ!” หลี่ผูพูดอย่างอ้อนวอน
หลินอิ่งเดาอะไรได้บางอย่าง แต่ยังไม่กล้ายืนยัน
“ฉีเหอถูถูกไล่ออกจากตระกูลฉีใช่ไหม” หลินอิ่งถาม
หลี่ผูหน้าตาดูเศร้าหมอง และพูด “ตระกูลฉีของตี้จิงจบสิ้นลงแล้ว ไม่มีอีกแล้ว คนของตระกูลฉีถูกฆ่าตายหมดแล้ว……คุณท่านที่ที่เป็นอัมพาตนอนติดเตียงก็เสียชีวิตไปแล้ว ตระกูลฉีเหลือแค่คุณชายทายาทเพียงคนเดียวเท่านั้นแล้ว!”
“ตระกูลฉีถูกกำจัดหมดแล้วงั้นเหรอ” หลินอิ่งดูตกใจมาก จนดวงตาแข็งทื่อ
คนตระกูลฉีตายไปหมดแล้วจริงเหรอ
หลินอิ่งยังตกใจกับข่าวที่ได้ยินนี้
ตระกูลฉีของตี้จิงเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่มีธุรกิจมากมายของครอบครัว ขยายสาขาไปนับไม่ถ้วน และอำนาจที่ครอบครองอยู่นั้นก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจจินตนาการได้ พูดได้ว่าร่ำรวยเทียบเท่าประเทศเลย!
ยืนอยู่ที่จุดสุดยอดของประเทศหลุงมาหลายร้อยปี ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีในทุกๆราชวงศ์ เป็นตระกูลชนชั้นสูงของสมัยนั้น และเป็นตระกูลที่ร่ำรวยติดอันดับหนึ่งในห้าของประเทศหลุง!
แต่กลับถูกกำจัดตายยกตระกูลเนี่ยนะ
คุณปู่ก็อายุสั้น ฉีเหอถูก็ตายไปแล้ว…..
แม้ว่าเขาจะไม่รู้จักฉีเหอถู แต่เขาก็ทนไม่ได้ที่มีคนฆ่าฉีเหอถู! ยิ่งทนไม่ได้ที่มาตามฆ่าตนด้วย!
ในใจของหลินอิ่งรู้สึกโกรธมากๆ และถามออกมาด้วยความใจเย็น “ใครเป็นคนทำ เกิดอะไรขึ้นกับตระกูลฉีของตี้จิงกันแน่”
หน้าของหลี่ผูดูเศร้าหมอง และพูดอย่างขมขื่น : “ช่วงนี้ผมรับคำสั่งจากนายท่านให้อยู่ที่เมืองชิงหยูน แต่ผมไม่รู้รายละเอียดที่ชัดเจน ก่อที่ผมจะมาเมืองตุงไห่ ความขัดแย้งภายในตระกูลฉีนั้นรุนแรงมาก นายท่านสาม นายท่านห้า และนายท่านหก ทั้งสามแทบรอไม่ไหวที่จะเข้าควบคุมเป็นผู้ดูแลตระกูลฉี ต่อมาก็ฆ่าลุงสามของคุณชายตาย คุณท่านสูญเสียลูกไปในปีต่อมา และโรคชราก็กำเริบ จนหมดสติและนอนเป็นอัมพาตอยู่บนเตียง….”
“แต่ผมก็ไม่คาดคิดว่า ในเวลาชั่วข้ามคืน ครอบครัวใหญ่ของตระกูลฉีและคนในตระกูลย่อยจะถูกกำจัดไปทั้งหมด แม้แต่ไก่หรือสุนัขก็ไม่เหลือไว้ และธุรกิจภายใต้ชื่อตระกูลฉีทั้งหมดก็เปลี่ยนเจ้าของไปหมดแล้ว” หลี่ผูพูดพร้อมกับถอนหายใจ “นายท่านทั้งสามคนนั้นได้ต่อสู้กับนายท่าน ส่งผลให้ลูกหลานของพวกเขาสามชั่วอายุคน ถูกพรากชีวิตไปทั้งหมด สุดท้ายมือที่สามก็ได้รับผลประโยชน์ไป! ”
หลินอิ่งถามอย่างเยือกเย็น : “สุดท้ายแล้วใครจะได้ผลประโยชน์จากเรื่องนี้