ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่ 106 ถ้าพูดอีกจะฆ่าแก

บทที่ 106 ถ้าพูดอีกจะฆ่าแก

บทที่ 106 ถ้าพูดอีกจะฆ่าแก

“แกพูดอะไรอยู่?”ใบหน้าหลินอิ่งไม่มีสีหน้าอะไรและถามเบาๆ

“ฉันพูดว่าอะไร?” อูฉู่เวินยิ้มเยาะด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม “อะไรกัน?ไม่พอใจเหรอ?ฉันบอกว่าพวกแกซื้อวิลล่าแบบนี้ได้เหรอ?”

“ฉันเห็นว่าแม้แต่ประตูพวกแกก็ยังเข้าไม่ได้ ทำได้แค่อยู่ที่นี่และอิจฉาคนอื่นๆ อยากจะซื้อเหรอ?”อูฉู่เวินพูดด้วยท่าทางที่หยิ่ง

ครั้งที่แล้วเธอติดตามคุณชายหวางไปที่หมิงเป่าซวน และไปที่สำนักงานของบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ ไอ้ขยะนั้นทำให้เธอหน้าแตกหลายครั้ง

ได้ยินมาว่าหลินอิ่ง ไอ้ขยะนั้นได้ขุ่นเคืองคุณชายหวังอีก ดังนั้นเธอจึงทำให้เขาอับอายในครั้งนี้ จากนั้นจึงรายงานไปยังหวางจื่อเหวิน เพื่อที่จะได้เอาอกเอาใจเขา!

“พวกเราอยู่ที่นี่จะเกี่ยวกับแกอะไร?”จางฉีโม่กล่าวอย่างโกรธ ไม่สามารถทนที่เห็นหน้าอูฉู่เวินแบบนี้ได้

“มันแน่นอนที่จะเกี่ยวกับฉัน! พวกแกสองคนขวางทางฉัน ทำให้ตาของฉันสกปรกและเสียความสนใจของฉัน! สุนัขสองตัวที่ขวางทาง!”อูฉู่เวินพูดและเยาะเย้ย “วันนี้ฉันมาที่นี่พร้อมกับคู่หมั้นของฉัน มาดูห้องจัดงานแต่งงาน เป็นไง จางฉีโม่ อิจฉาไหม?”

“คนที่แบบอย่างพวกแก ก็มีค่าควรแค่อยู่ในชุมชนระดับล่างเท่านั้น รู้ไหมว่าวิลล่าในวิลล่าหิมะมังกรแพงแค่ไหน”อูฉู่เวินกล่าวด้วยความรู้สึกดีกว่าว่า “ฉันบอกแกได้ว่า วิลล่าที่ฉันอาศัยอยู่ ราคาหนึ่นร้อยยี่สิบล้าน”

“หนึ่งร้อยยี่สิบล้านแพงเหรอ”หลินอิ่งกล่าวอย่างเฉยๆ “เท่าที่ฉันรู้ ราคาเริ่มต้นของวิลล่าในวิลล่าหิมะมังกรคือหนึ่งร้อยล้าน แกอาศัยอยู่ในวิลล่าระดับล่างสุด?”

“แกกล้าพูดด้วยเหรอ ว่าวิลล่าหนึ่งร้อยล้านเป็นระดับที่ต่ำสุด? “ชายที่ใส่ชุดสูทที่อยู่ข้างๆ อูฉู่เวินก้าวออกมาและพูด พร้อมกับมองไปที่หลินอิ่งและจางฉีโม่ด้วยสายตาที่ดูถูก

“ฮ่าๆ ตลกจริงๆ คนอื่นอาศัยอยู่ในวิลล่าที่มีราคาเป็นพันล้าน ยังกล้าที่จะมาเยาะเย้ย ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอย่างไรจริงๆ”อูฉู่เวินหัวเราะพลางปิดปากด้วยสีหน้าเยาะเย้ย “ไม่ไปมองกระจก มองดูว่าตัวเองเป็นไง และยังกล้าละอายใจที่จะบอกว่าวิลล่าหนึ่งร้อยล้านนั้นต่ำสุด?”

“หลินอิ่ง คุณทำไม…” จางฉีโม่ดึงแขนเสื้อของหลินอิ่ง สีหน้าของเธอไม่ค่อยดี

หลินอิ่งนี่ก็ช่างหาเรื่องเนาะ วิลล่าที่ราคาหนึ่งร้อยล้านของคนอื่น คุณไปบอกว่ามันเป็นขยะ มันไม่ได้เป็นการทำให้คนอื่นมาเยาะเย้ยหรือไง?

แม้ว่าเธอจะเพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นรองประธานของกรุ๊ป ในองค์กรเครื่องประดับก็มีชื่อเสียงที่ดัง ก็เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง แต่ก็ไม่สามารถซื้อวิลล่าหนึ่งร้อยล้านได้

คนอื่นเขามีเงินซื้อวิลล่าที่หนึ่งร้อยล้านกว่า จะพูดอะไรได้อีก? ถ้าไปต่อไม่ก็อายตัวเองไม่ใช่เหรอ?

“ชั่งมันเถอะ ฉู่เวิน คุณพูดอะไรกับคนบ้านนอกคอกนาสองคนนี้ทำไม กบก้นบ่อพูดอะไรอยู่?แม้ว่าชาตินี้ของพวกเขาก็ไม่สามารถซื้อห้องน้ำในบ้านของเราได้!”ชายที่ใส่ชุดสูทยิ้มแบบเย็นช้า “อย่าลดค่าตัวเองลง ไปกันเถอะ เข้าไปดูห้องแต่งงานกัน”

“อย่างรีบสิ จะไปไหน” สีหน้าของอูฉู่เวินดูขี้เล่น เหมือนว่าเธอยังเล่นไม่สนุก

“นี่ จางฉีโม่ คุณหวางจื่อเหวินไว้หน้าแกขนาดนั้น ให้โอกาสที่แกจะได้แต่งงานไปกับไฮโซตระกูลหวาง แต่แกไม่เอา แกก็จะคบซ้อนกับไอ้ขยะหลินอิ่งนี้เพื่อทำให้คุณหวางจื่อเหวินหน้าแตก”อูฉู่เวินพูดแบบเย็นช้า “นี่ แกก็คือความต่ำตม ชอบชีวิตที่ต่ำ?”

หลังจากพูดจบอูฉู่เวินก็หัวเราะอย่างมีความสุข คิดว่าเดี๋ยวจะโทรหาวางจื่อเหวินทันที และบอกเขาเรื่องที่เกิดในวันนี้ เธอช่วยให้ไอ้ขยะหลินอิ่งหน้าแตก และต้องได้ประทับใจของเขาอย่างแน่นอน

เอาแค่หวางจื่อเหวินช่วยพูดสักสองสามคำต่อหน้าที่ตระกูลอู ต้องประโยชน์มากมายอย่างให้เธอแน่นอน

อีกสองวันเธอก็จะแต่งงานแล้ว ยังสามารถเชิญหวางจื่อเหวินและพ่อเขาหวางกั๋วคางมาดื่มไวน์แต่งงานได้ นั่นคือไว้หน้าขนาดที่ใหญ่มาก! ในองค์กรเพื่อนก็สามารถอวดว่าคนตระกูลหวังก็มางานแต่งงานของเธอด้วย

“อูฉู่เวิน ระวังเวลาที่แกพูด หลินอิ่งเป็นสามีของฉัน หวางจื่อเหวินเป็นใคร ทำไมฉันต้องให้หน้าเขาด้วย” จางฉีโม่โกรธ คำพูดของอูฉู่เวินคือดูถูกเธอ!

“ว้าว! จางฉีโม่ แกยอมรับสามีขยะของแกมากขนาดนี้เลยเหรอ?”อูฉู่เวินกลับตาลปัตรและเยาะเย้ย “โอ้ แกชอบที่จะต่ำตมใช่มั้ย จุ๊ๆ”

“อืม?แกก็เป็นไอ้ขยะลูกเขยแต่งเข้าบ้านที่รู้จักกันของตระกูลจาง หลินอิ่งเหรอ?”ชายที่ใส่ชุดสูทหัวเราะ “คนที่แบบเช่นเดียวกับแก ฉันไม่รู้จริงๆว่าทำไมแกยังมีหน้าที่จะอยู่ในเมืองชิงหยูนได้ ยังที่จะกล้ามาวิลล่าระดับสู่งที่เช่นกับวิลล่าหิมะมังกร ที่นี่คือสถานที่ที่แกมาได้เหรอ?”

“พวกแก!”จางฉีโม่เหยียบเท้าด้วยความโกรธ อยากจะขึ้นไปเตะพวกเขา

ติ๊ก

ในขนาดนี้ โทรศัพท์มือถือของหลินอิ่งดังขึ้นและเขาก็รับสาย

“ฮัลโหลครับ ท่านหลินครับ ผมคือฉินฝู้กุ้ย คุณไม่ได้ยุ่งอยู่หรือเปล่าครับ” ฉินฝู้กุ้ยถามอย่างระมัดระวังในทางโทรศัพท์

“วุ้ย ฉลาดจริงๆนะเนี่ย รู้ว่าตัวเองอาย เลยแสร้งทำโทรเพื่อหนี?”อูฉู่เวินเย้ยหยัน “กล้าพูดว่าวิลล่าของฉันที่ราคาหนึ่งร้อยล้านเป็นวิลล่าระดับต่ำ วันนี้ฉันก็จะพูดถึงแก ไอ้ขยะนี่ และอีหญิงที่ชอบต่ำตม ทำไมเหรอ? ไม่พอใจใช่ไหม?อีสองคนที่จนทำอะไรได้”

อูฉู่เวินพูดอย่างภูมิใจ คิดว่าหลินอิ่งรู้สึกละอายใจ เขาจึงไม่กล้าพูด วันนี้เธอจะไปดุไอ้หมาจมน้ำอย่างสนุกปาก ถ้าดุให้หลินอิ่งและจางฉีโม่ไม่รู้พ่อแม่ตัวเองคือใครก็จะดีที่สุด! กลับไปต้องเอาใจจากหวางจื่อเหวินให้ดีๆ

“คุณพูด” หลินอิ่งต่อสายและตอบฉินฝู้กุ้ยอย่างเฉยๆ มองไปที่อูฉู่เวินอย่างไม่มีสีหน้าอะไร

“ท่านหลินครับ ฝั่งคุณเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ ต้องการผมไปที่ฝั่งคุณตอนนี้เลยไหมครับ?”ฉินฝู้กุ้ยถามอย่างระมัดระวัง “คืออย่างนี้ ท่านหลินครับ ดูเหมือนว่าซูนเหิงหนี้แล้ว ไม่ให้เงินแล้ว แม้ว่าเมียเขาจางจี้หนิงก็ไม่เอาแล้ว พวกเราจะจัดการผู้หญิงคนนี้อย่างไรดี?”

“วุ้ย จางฉีโม่ฉันลืมที่จะแนะนำ ให้แกรู้จักสามีของฉัน เขาเป็นคนที่แก่นะ หาผู้ชายที่ดีๆ ก็เป็นความสามารถด้านหนึ่งนะ สวยมีประโยชน์อย่างไร?ออกแบบเครื่องประดับได้มีประโยชน์อย่างไร?”อูฉู่เวินพูดด้วยความภูมิใจ รู้สึกตัวเองดีกว่าเธออย่างมาก

ในความคิดของเธอ จางฉีโม่สวยกว่าตัวเองและมีพรสวรรค์ในการออกแบบเครื่องประดับดูเหมือนจะแก่กว่าตัวเอง ดังนั้นต้องแสดงให้เห็นว่าคู่หมั้นของเธอมีความสามารถแก่ขนาดไหน เพื่อเปรียบเทียบกับไอ้ขยะหลินอิ่ง และทำร้ายศักดิ์ศรีของจางฉีโม่อย่างรุนแรง ทำให้ในอนาคตเธอจะซ่อนตัวเมื่อที่เห็นตัวเอง!

อูฉู่เวินกล่าวอย่างภูมิใจ “นี่คือคู่หมั้นของฉัน ฉินอวี่ เขามาจากตระกูลฉินที่ที่หนึ่งในตระกูลระดับชั้นรองของเมืองชิงหยูน ฉินฝู้กุ้ยที่ในเขตเหนือของเมือง พวกแกน่าจะเคยได้ยินคุณเจ้านายฉินใช่ไหม?คนใหญ่คนโตคนนั้นคือพ่อสามีในอนาคตของฉัน!”

“เคยได้ยินชื่อพ่อของฉันฉินฝู้กุ้ยเนาะ”ฉินอวี่พูดและยิ้มแบบเย็นช้า “พวกแกสองคนที่คนบ้านนอกคอกนากล้าล้อเลียนวิลลี่ของฉันระดับต่ำ รีบๆหายไปจากสายตาของฉันทันที ม้วนตัวไปเดี๋ยวนี้! ฉันจะตีพวกแกในเมื่อที่ฉันเห็นพวกแก! ถ้าไม่อย่างนั้น แรงของพ่อฉัน เหยียบให้ตระกูลจางของพวกแกตายก็แค่เป็นเรื่องง่ายๆ และพวกแกต้องคุกเข่าขออภัยกับฉัน!”

ไม่รู้ว่าไอ้คนบ้านนอกคอกนาที่มาจากไหน กล้าเยาะเย้ยวิลล่าที่ราคาหนึ่งร้อยล้าน?ตัวเองไม่มีเงินและยังตอแหล!

“จำไว้ว่าคือให้ม้วนตัวจากหน้าของพวกเรา ไม่ใช่เดินไปไหน”อูฉู่เวินพูดอย่างขี้เล่น “ถ้าไม่ม้วนตัวไปตอนนี้ พวกแกจะต้องเสียใจทีหลังแน่นอน!”

อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ ฉินฝู้กุ้ยตกอยู่ในความเงียบ หลินอิ่งพูดอย่างเฉยๆ “คุณได้ยินทุกอย่างแล้วใช่ไหม?”

ติ๊ก หลินอิ่งวางสายโทรศัพท์

ติ๊กๆ

โทรศัพท์มือถือของฉินอวี่ดังขึ้น เขารับสายด้วยสีหน้างง จากนั้นใบหน้าของเขาก็ตกใจ หน้าผากของเขาเหงื่อออก ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่หลินอิ่ง ร่างกายของเขาทั้งตัวสั่นอย่างบ้าคลั่ง ดูเหมือนว่าขาของเขาไม่มีแรงแล้ว

“ครับพ่อ ผมเข้าใจแล้วครับ”ฉินอวี่วางสายโทรศัพท์อย่างประหม่า และในทันใดก็ยิ้มให้หลินอิ่ง

ฉินอวี่มองไปที่รอยยิ้มที่เหมือนไม่ยิ้มแต่ก็ยิ้มของหลินอิ่ง เขารู้สึกตัวของเขาหนาวมาก!

“มีอะไรเหรอคะ สามี พ่อสามีโทรหาคุณใช่ไหม”อูฉู่เวินพูดด้วยรอยยิ้ม

“หุบปากไป ไอ้ไร้ยางอาย ใครเป็นพ่อสามีแก?” ฉินอวี่เปลี่ยนสีหน้าทันทีและตะโกนใส่อูฉู่เวิน ทำให้อูฉูเวินหน้าซีดด้วยความตกใจ ไม่เข้าใจเกิดอะไรขึ้น

บัง!

ฉินอวี่ตบหน้าอูฉู่เวินอย่างรุนแรง ทำให้เธอล้มลงที่พื้น รอยนิ้วที่อยู่หน้าของเธอแดง

“ถ้าแกกล้าที่จะส่งเสียงอีกครั้ง ฉันจะฆ่าแก!”ฉินอวี่จ้องไปที่อูฉู่เวินอย่างรุนแรง

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท