ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่113 เมื่อหลินอิ่งกลับมาก็ให้เขาไสหัวไป

บทที่113 เมื่อหลินอิ่งกลับมาก็ให้เขาไสหัวไป

บทที่113 เมื่อหลินอิ่งกลับมาก็ให้เขาไสหัวไป

หลังจากนั้นห้านาที

หลินอิ่งกับหยูจื๋อเฉิงมาที่ห้องลับใต้ดินของเจ๋อเฉิงกรุ๊ปแล้ว

ติ๊ง!

หยูจื๋อเฉิงเลื่อนฟันเฟืองที่มีรหัสล็อกเอาไว้ ก่อนจะเปิดประตูเหล็กบานใหญ่ขึ้น ในห้องนั้นดูมีเทคโนโลยีล้ำสมัย แถมยังมีการติดตั้งเซนเซอร์สีแดงเพื่อสแกนตรวจจับเอาไว้ด้วย

บนที่แขวนเหล็กในห้องนั้น มีกล่องเหล็กยาวๆ แขวนอยู่

หลินอิ่งเดินไป ก่อนจะหยิบกล่องเหล็กขึ้นมา พลางเปิดกล่องนั้นออก ก็เผยใบหน้าอาฆาตออกมา อย่างสมบูรณ์ และในแววตานั้นก็มีประกายของความแค้นอยู่ไม่น้อยเลย

มุมปากของหยูจื๋อเฉิงกระตุกเล็กน้อย กล่องเหล็กที่ดูมีคุณภาพ แล้วก็มีปืนไรเฟิลกับกระสุนเฉพาะทาง ที่น้ำหนักน่าจะประมาณห้าสิบกิโลได้ ตัวเองต้องใช้สองมือในการหยิบขึ้นมา แต่ว่าท่านอิ่ง กลับใช้มือเดียว ก็สามารถหยิบขึ้นมาได้ ก่อนจะปลดล็อกออกได้อีกด้วย!

“ท่านอิ่ง ในกล่องมีกระสุนพิเศษขนาดสิบสองมิลลิเมตร” หยูจื๋อเฉิงพูดอย่างแน่วแน่ “ฉันไปรับมาจากตลาดมืดของต่างประเทศ ใช้เวลาเพียงหนึ่งวันก็ได้แล้ว”

“กระสุนแพ็คเดียวก็พอแล้ว” หลินอิ่งพูดอย่างสงบ ก่อนจะจับเครื่องมือในการฆ่านี้อย่างเบามือ

จากนั้น ก็ใส่กลับลงไปในกล่อง ก่อนจะปิดฝากล่องลง

“หลังจากนี้สามวัน ฉันจะไปหาคุณ จัดการเรื่องต่างๆ ที่ฉันมอบหมายให้เรียบร้อย อย่าทำให้ฉันผิดหวังนะ” หลินอิ่งพูดเสียงเย็นชา

“ได้เลย!ท่านอิ่ง!” หยูจื๋อเฉิงก้มหน้าลงพยักหน้า ด้วยความเคารพอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เขาไม่กล้าจะถามเรื่องอะไรกับหลินอิ่งอีก เพราะกลัวว่ามันจะมากเกินไป!

ถึงแม้ว่าไม่แน่ใจว่าเป้าหมายของท่านอิ่งคือใคร แต่ว่าเขาก็พอจะเดาได้ ว่าท่านอิ่งน่าจะลงมือกับตระกูลเหวินในตี้จิง!

นี่เป็นความสงบชั่วข้ามคืนของตระกูลฉีในตี้จิง ที่จะแทนที่ตระกูลเหวินของตระกูลฉีเลยนะ!มาในวันนี้ตระกูลเหวินเลยสามารถร่ำรวยโอ่อ่าในตี้จิงได้ และมีอำนาจใหญ่ระดับโลก

หยูจื๋อเฉิงมีบริษัทมูลค่าร้อยล้าน เป็นอันดับต้นๆ ของเขตจงเทียน มีอำนาจมากพอแล้วหรือเปล่า?แต่ยังคงไม่กล้ามีเรื่องกับตระกูลเหวินที่ร่ำรวยอยู่ในระดับสูง ถ้าเกิดว่าตระกูลเหวินลงมือกับเขา เป็นไปได้ว่าจะถูกจัดการอย่างราบคาบภายในคืนเดียว และธุรกิจต่างๆ คงจะหายไปในพริบตา

หลินอิ่งจุดบุหรี่ขึ้นมา ก่อนจะออกจากห้องใต้ดินไป

หยูจื๋อเฉิงเดินไปส่งอย่างเคารพ พลางมองเงาที่หลินอิ่งออกไป

เขาหายใจเข้ายาวๆ ในที่สุดก็ความเครียดก็หมดไป

คนธรรมดาอาจจะไม่ทันสังเกต ในฐานะที่ตัวเองเคยฝึกหมัดมวยโบราณ เลยรับรู้ได้ถึงความโหดเหี้ยมของท่านอิ่ง เหมือนกับว่าถูกมีดคมกริบเล่มหนึ่งนั้นทิ่มแทงอยู่ที่หัว เกรงกลัวสั่นเทา

“ตี้จิงกำลังจะแสดงพลังออกมาแล้วสินะ” หยูจื๋อเฉิงพูดพลางถอนหายใจ

พอออกไปจากเจ๋อเฉิงกรุ๊ป หลินอิ่งเรียกแท็กซี่คันหนึ่ง ไปที่สถานรักษาใกล้ๆ ตี้จิงจื่อหลงซาน

นั่นคือสถานรักษาที่ดีที่สุดของประเทศหลุง สามารถเข้าไปได้นั้น ถือว่าเป็นคนระดับสูงที่น่าเคารพของประเทศทั้งนั้น!

หลินอิ่งคิดว่าจะไปเยี่ยมคุณปู่สักหน่อย เพราะผ่านมาเป็นสิบกว่าปีแล้ว!

มาในวันนี้ บนโลกใบนี้ ตัวเองเป็นเพียงญาติแท้ๆ คนเดียวแล้ว……

หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง แท็กซี่ก็จอดอยู่ที่เขตด้านนอกขอบเขตกักกันที่จื่อหลงซาน ที่นี่เป็นี่เฉพาะทหาร ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้า

หลังจากที่ลงรถ หลินอิ่งก็เดินไปที่ชายเขตกักกัน

มีทหารรักษาการณ์สองคนที่ถือปืนกระบอกหนึ่งอยู่ พลางหยิบขึ้นเล็ง ก่อนจะรีบเดินตรงเข้ามา แล้วมองหลินอิ่งด้วยสายตาจริงจัง

“คุณครับ ที่นี่เป็นที่เฉพาะทหารเท่านั้น ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้ามา” มีทหารหนุ่มที่เป็นหัวหน้าทีม พูดขึ้นด้วยความจริงจัง

“ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าเหรอ” หลินอิ่งยิ้มขึ้นมาที่ริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะหยิบบัตรเงินที่มีลายมังกรออกมาจากกระเป๋า

ทหารรักษาการณ์หนุ่มคนนั้นมองด้วยความไม่อยากจะเชื่อพลางมีท่านตาหดลง และมองไปที่บัตรรับรองด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

“หัวหน้า!เชิญเข้ามา!”

“ทำความเคารพ!”

ทหารเฝ้ารักษาการณ์หนุ่มตะเบ๊ะตัวตรง ก่อนจะทำความเคารพอย่างถูกตามหลัก ส่วนทหารตรงนั้นก็เคารพไปตามๆ กัน

หลินอิ่งมีสีหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ ก่อนจะเดินเข้าไปในที่สำคัญของทหารในจื่อหลงซาน

เมื่อหลินอิ่งเดินออกไป ทหารหนุ่มคนหนึ่งก็มีท่าทีสงสัยและไม่เข้าใจ พลางพูดเสียงเบาๆ ว่า: “หัวหน้าทีม เขาคือจื่อหลงซานนะ!เด็กหนุ่มเมื่อครู่นั้น เป็นใครกัน?ทำไมถึงปล่อยเขาเข้าไปง่ายแบบนั้น?ไม่ตรวจหน่อยเหรอ?”

“หัวหน้าทีม?เมื่อครู่เด็กหนุ่มคนนั้นเขาเป็นใครเหรอ?คุณถึงได้กลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?” ทหารรักษาการณ์พูดด้วยความไม่เข้าใจ

เมื่อพูดเล่นแบบนี้ ทั้งทั่วฟ้านั้น ทหารเฝ้าหน้าประตูนั้น เป็นยศที่สูงส่งเป็นอย่างมากเลยล่ะ!

ในสถานการณ์แบบนี้ พวกเขาเป็นพนักงานพิเศษของกรมอนามัยและความปลอดภัย แต่ก็แบกรับภาระการดูแลคนใหญ่คนที่เกษียณไปแล้วด้วย!

“พวกคุณไม่ต้องถามแล้ว!นี่ไม่ใช่เรื่องที่พวกคุณจะมาถามได้นะ!” หัวหน้าทีมบอกให้หยุดอย่างเยือกเย็น “คิดเสียว่าไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาก่อนเลย เข้าใจไหม?”

คนของกรมอนามัยและความปลอดภัย ทั้งหมดเงียบลง มีเรื่องราวมากมาย ที่คนในตำแหน่งพิเศษนั้นไม่ควรถามให้มาก

หัวหน้าทีมมีสีหน้าแววตาสับสน พลางมองเงาหลังของหลินอิ่งที่เดินห่างออกไป

ได้เห็นคนใหญ่คนโตมาจนชินแล้ว ในใจของเขาก็รู้สึกหวั่นไหวไม่น้อย!ชายหนุ่มใส่ชุดขาวนี้ มีตัวตนที่สูงส่งและแข็งแกร่งเกินไป……

……

ในขณะเดียวกัน

เมืองตุงไห่ เมืองชิงหยูน

วิลล่าหิมะมังกร มีรถรับย้ายบ้านคันหนึ่ง กำลังย้ายบ้าน

ตรงจุดกึ่งกลางนั้น ในบ้านพักตากอากาศของหลินอิ่ง มีพนักงานย้ายบ้านอยู่ในนั้น กำลังขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ไปมา

“เอาของพังๆ ทิ้งไปให้หมด นี่มันยุคไหนแล้ว ยังจะเอาซากสิ่งของมาวางในบ้านอีก หลังจากนั้นเชิญแขกมาดื่มที่บ้าน ไม่ขายขี้หน้าตายเลยเหรอ?” ลู่หย่าฮุ่ยพูดเสียงดัง พลางชี้ไปที่พนักงานย้ายบ้านที่กำลังทิ้งเฟอร์นิเจอร์โต๊ะและโต๊ะเก้าอี้โบราณที่ทำจากจีนชิงชัน ไม้จันทน์แดงและไม้มะฮอกกานีอายุกว่าศตวรรษ

“นี่!คุณลู่ นี่เป็นที่ของประธานหลินนะ คุณทำแบบนี้ เดี๋ยวประธานหลินกลับมาคงจะไม่ดีเท่าไหร่มั้ง?” หลี่ผูไม่มองต่อไปไม่ได้แล้ว เลยพูดออกมาเพราะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว

จริงๆ แล้วคุณชายแค่สั่งให้เขา ทำหน้าที่ดูแลบ้านให้ดีๆ ก็พอแล้ว

แต่ว่า แม่ตาของคุณชาย เป็นคนโง่จริงๆ ไม่มีแววเลย!ถึงได้เอาเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากจีนชิงชัน และจากไม้แพงๆ ออกแบบโดยนักออกแบบมีชื่อเสียงมากมาย ที่ประมูลมาหลายสิบล้านแบบนี้!ทิ้งไปทั้งหมด ทำเหมือนมันเป็นขยะไร้ค่าขนาดนี้

เป็นพวกมีตาหามีแววไม่จริงๆ เลย!

“เป็นอะไรไป?นี่มันของของบ้านฉันนะ ฉันอยากจะทำอะไร มันไปเกี่ยวอะไรกับคุณงั้นเหรอ?คนดูแลบ้านเก่าอย่างคุณนี่มันพูดมากขนาดนี้เลยเหรอ?” ลู่หย่าฮุ่ยพูดด้วยความโกรธ “ประธานหลินดีขนาดนั้นเลยเหรอ?คนจนๆ อย่างเขาย่ะ ให้เงินเดือนคุณเดือนละเท่าไหร่กันเชียว?ถึงได้ช่วยเขาพูดขนาดนั้น?”

“ยังมาเรียกฉันว่าคุณลู่อีกเหรอ?หฃังจากนี้เรียกฉันว่าประธานลู่?เข้าใจไหม?” ลู่หย่าฮุ่ยพูดด้วยความเย่อหยิ่ง

“มีเพียงแค่คนจนเท่านั้นแหละ ถึงจะได้ไม่มีสไตล์ขนาดนั้น ดันเลือกเฟอร์นิเจอร์ผุๆ เข้าบ้าน เหมือนกับพวกบ้านนอก ขายขี้หน้าแบบนี้” ลู่หย่าฮุ่ยพูดเสียงเย็นชา พลางชี้ไปที่พนักงานที่กำลังทำการย้ายบ้าน “ใช่ ใช่แล้ว!ทิ้งไปให้หมด เอาเฟอร์นิเจอร์สไตล์ตะวันตกที่ฉันซื้อ เปลี่ยนเข้ามาให้หมดเลย”

“เคยเห็นหรือเปล่า นี่สิถึงเรียกว่าทันสมัยมีสไตล์!” ลู่หย่าฮุ่ยพูดด้วยความทระนง พลางชี้ไปที่โซฟากับเฟอร์นิเจอร์หลายชิ้น “ชุดนี้มันเป็นเฟอร์นิเจอร์ของยุโรป ฉันใช้เงินไปตั้งสิบกว่าล้านเชียวนะ!คนจนๆ อย่างหลินอิ่งขี้เหนียวจริงๆ ได้มาอยู่บ้านพักตากอากาศดีๆ แบบนี้ก็เพราะฉีโม่ แต่ยังซื้อข้าวของผุพังแบบนี้เข้าบ้านอีก ขยะแขยงจริงๆ !”

“นี่ประธานหลินจ่ายเงินไปมากมายเพื่อซื้อเฟอร์นิเจอร์นี้เลยนะ คุณเอามันไปทิ้งแบบนี้มันไม่ดีเลยจริงๆ !” หลี่ผูพยายามโน้มน้าวด้วยความลำบากใจ

“ถุย!” ลู่หย่าฮุ่ยถุยน้ำลายออกมา พลางมีท่าทีไม่แยแส “เงินถุงเงินถังเหรอ?ในสายตาของเขา เงินเพียงไม่กี่ร้อย เฟอร์นิเจอร์ไม่กี่พัน ก็เรียกว่าเงินมากมายแล้วเหรอ?”

หลี่ผูยิ้มมุมปากขึ้น ก่อนจะมองเฟอร์นิเจอร์ระดับกลางๆ ไปจนถึงล่างที่กำลังย้ายอยู่ ก็รู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมา

ไม่มีแววขนาดนั้นเลยเหรอ?สมองก็ไม่น่าจะมีด้วยล่ะมั้ง?ซื้อเฟอร์นิเจอร์ห่วยๆ พวกนี้ เอาราคามารวมๆ กัน ยังเทียบกับเก้าอี้ตัวเดียวในห้องสมุดของคุณชายไม่ได้เลย!ยังกล้ามาหวงและรักของพวกนี้อีก!

ยังจะทิ้งเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดของคุณชายอีกเหรอ?

เห้อ หลี่ผูถอนหายใจในใจ แต่กลับไม่ได้พูดอะไรมากแล้ว ไม่ว่าตัวเองจะพูดอย่างไร เกรงว่าถ้าบอกลู่หย่าฮุ่ยเรื่องราคาของเฟอร์นิเจอร์พวกนี้ไป แม้แต่คนโง่อย่างผู้หญิงคนนี้ ก็คงจะไม่ฟัง แล้วก็ไม่เชื่อด้วย

ให้ทั้งสองคนนี้ย้ายเข้ามาในบ้าน ให้ตายเถอะ!มันลดระดับของคุณชายลงชัดๆ เลย!

“จริงด้วย เปิดชั้นสามด้วย แล้วเอาเฟอร์นิเจอร์ข้างในออกมาทิ้งให้หมด เปลี่ยนใหม่เลย” ลู่หย่าฮุ่ยชี้ขึ้นมาอีกครั้ง

“คุณลู่!ไม่ได้นะ!ชั้นสามเป็นชั้นส่วนตัวของประธานหลิน ปิดประตูไปแล้ว เขาไม่อยากให้ใครมารบกวน!” หลี่ผูรีบพูด

“โอ๊ะ?เป็นที่ส่วนตัวของประธานหลินงั้นเหรอ?คนจนๆ อย่างเขามีสิทธิ์อะไรมามีที่ส่วนตัวทั้งชั้นเหรอ?เขานี่กล้าจริงๆ เลย!” ลู่หย่าฮุ่ยพูดอย่างไม่แยแส พลางมีน้ำเสียงเย็นชา “นี่เป็นบ้านพักตากอากาศที่บริษัทให้กับลูกสาวของฉัน ให้หลินอิ่งใช้ห้องเดียว ก็ถือว่ามากแล้ว ยังมีหน้ามาเอาไปทั้งชั้นสามอีกเหรอ?ตลกเกินไปแล้ว”

“อีกอย่าง ฉันจะบอกคุณให้ หลังจากนี้คุณเรียกฉันว่าประธานลู่?ได้ยินไหม!ถ้ายังจะพูดอะไรบ้าๆ อีก ฉันจะต่อยปากให้!” ลู่หย่าฮุ่ยพูดเสียงเย็นชา ก่อนจะชี้ไป

“จริงสิ ซิ่วเฟิง เดี๋ยวฉันจะโทรหาญาติฝั่งแม่นะ ห้องใหญ่ๆ แบบนี้ ต้องใช้ให้ดีๆ” ลู่หย่าฮุ่ยพูดอย่างมีความสุข “ฉันจะให้พี่น้องญาติๆ ฝั่งแม่พากันมาพักที่นี่ หลายปีมาแล้ว มันสามารถฉายแววของฉันได้ดีเลยล่ะ!อ๋อ จริงสิ บ้านพักตากอากาศที่ใหญ่ขนาดนี้ ให้คนเป็นร้อยๆ คนเข้ามาอยู่ก็ได้ใช่ไหม?ฉันว่าเปลี่ยนห้องด้านหลังสักหน่อย ปล่อยเช่าไป ก็น่าจะทำเงินได้ไม่น้อยเลยล่ะ!”

“ไม่ได้นะ!ประธานหลินเคยบอก ว่าจะปล่อยให้คนนอกเข้ามาไม่ได้!” หลี่ผูพูดด้วยความรีบร้อน

“ประธานหลินเคยพูดงั้นเหรอ?ต้องทำตามที่เขาพูดด้วยเหรอ?” ลู่หย่าฮุ่ยมีสีหน้าไม่แยแส และทระนงตัว “เดี๋ยวรอให้หลินอิ่งกลับมาก็ไล่เขาออกไป!เขาอยู่ดีกินดีได้ก็เพราะลูกสาวของฉัน ไอคนจนชั้นต่ำนั้น มันมีสิทธิ์อะไรมาอยู่บ้านพักตากอากาศแพงๆ งั้นเหรอ?

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท