ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่125 นิ่งซวนคุณข้ามมามากแล้วรู้ไหม

บทที่125 นิ่งซวนคุณข้ามมามากแล้วรู้ไหม

บทที่125 นิ่งซวนคุณข้ามมามากแล้วรู้ไหม

“ท่านอิ่ง ทั้งสี่คนนี้เป็นคนดูแลอย่างลับๆ ของตระกูลเหวิน หัวหน้าทีมของพวกเขาคือเหวินจิ่ว มีเพียงเหวินจิ่วที่รู้อะไรมากมาย” หยูจื๋อเฉิงพูดจริงจัง “เหวินจิ่วเป็นคนดูแลลับๆ คนสำคัญของตระกูลเหวิน ตามที่เขาพูด ครั้งนี้เป็นการสั่งจากเหวินเทียนเจียวโดยตรง”

“ที่มาที่ไปมันง่ายมาก ฉันให้คนไปสืบคนของเหวินเทียนเฟิ่ง แค่นี้ก็ไม่น่าจะจับได้แล้ว ถ้าเกิดหาฉันได้ เหวินเทียนเจียวก็จะให้ทีมนี้ออกควบคุมฉัน เพื่อให้ท่านอิ่งออกมาแทน” หยูจื๋อเฉิงอธิบายอย่างแจ่มแจ้ง “เหวินเทียนเจียวไม่ได้เห็นว่าเรื่องนี้มันสำคัญ ตามที่ฉันได้ยินมาจากคนที่รับคำสั่งเพื่อตรวจสอบในตี้จิง พวกเขาแค่อยากจะหาข้อมูลเชิงลึก”

หลินอิ่งพยักหน้าเบาๆ เป็นสถานการณ์ที่เหมือนกับเมื่อก่อนเลย

“เหวินจิ่วบอกเรื่องสำคัญเกี่ยวกับตระกูลเหวินแล้ว” หลินอิ่งถามขึ้น

หยูจื๋อเฉิงชะงัก แล้วพูดว่า: “เหวินจิ่วบอกว่าตระกูลเหวินมีคนมีอำนาจอยู่เบื้องหลัง แต่เขาไม่รู้เหมือนกับว่าเป็นใคร แต่เคยสัมผัสอยู่ครั้งหนึ่ง คนนั้นชนะเขาได้ด้วยมือเดียว”

“อีกอยาง พูดถึงสิ่งสำคัญ ที่ที่เหวินเทียนเฟิ่งกับเหวินเทียนเจียวมักจะไป” พูดถึงตรงนี้ หยูจื๋อเฉิงก็หนักใจ “เหวินจิ่วกลับไปบอกเหวินเทียนเจียวกับเหวินเทียนเฟิ่งสถานที่กับเวลา พรุ่งนี้สองทุ่ม ที่ผับตี้อู่เฉิงห้องพิเศษเบอร์888”

“ดีมาก” หลินอิ่งพยักหน้า ด้วยความซื่อตรง “พรุ่งนี้กอนสองทุ่ม คุณอย่าโผล่ออกมา ให้ลูกน้องของคุณอยู่ที่อาคารเจ๋อเฉิงให้หมด ไม่ต้องออกมาเลย เข้าใจไหม?”

“เข้าใจแล้ว” หยูจื๋อเฉิงพยักหน้าเบาๆ เขาเข้าใจความหมายของท่านอิ่งดี เขาอยากจะจับเหวินเทียนเฟิ่งกับเหวินเทียนเจียวพ้รอมกัน

ในวันนี้เหวินจิ่วจัดคนอยู่ที่อาคารเจ๋อเฉิง ไม่มีข่าวแพร่ออกไป เหวินเทียนเจียวไม่มีทางรู้เรื่องอยู่แล้ว

“ถามหน่อย ท่านอิ่ง อยากให้ฉันทำอะไรไหม เรื่องนี้ ฉันก็อยากจะออกแรงด้วย” หยูจื๋อเฉิงพูดขอ

หยูจื๋อเฉิงอยากแก้แค้น ถูกเหวินจิ่วทำไว้แสบ ครั้งนี้จะได้แก้แค้นตระกูลเหวิน ก็อยากจะทำกับท่านอิ่งก้าวข้ามตระกูลเหวินไป ถ้าไม่อย่างนั้นปัญหาไม่จบ ก็ต้องหนีไปต่างประเทศ

หลินอิ่งเอานิ้ววางที่โต๊ะไม้เบาๆ พลางมีแววตาคมลึก

“โอเค ฉันให้คุณเป็นคนจัดการ” หลินอิ่งพูดอย่างจริงจัง “คุณเตรียมตัวดีๆ และดูแลอุตสาหกรรมหลักของตี้จิงให้ดี”

หยูจื๋อเฉิงแววตาเปล่งประกาย พลางมองหลินอิ่งด้วยความไม่อยากจะเชื่อ และตื่นเต้นมาก

เขาได้ยินแล้ว ว่าท่านอิ่งอยากจะทำให้ถึงที่สุด เพื่อสยบตระกูลเหวิน!

“ฉันจะทำตามคำสั่งของท่านอิ่ง” หยูจื๋อเฉิงพูดด้วยความเคารพ

หลินอิ่งพยักหน้าเบาๆ

เขามีแผนในใจ ว่าจะสยบตระกูลเหวินในตี้จิงลงด้วยเวลาอันสั้นได้อย่างไร!

ไม่ใช่แค่อยากจะลบล้างตระกูลเหวิน แต่จะเอาหยูจื๋อเฉิงกลับคืนมาในตี้จิงด้วย

ตระกูลเหวินไม่ได้ง่ายเหมือนที่เห็น

สำหรับหลินอิ่ง ตระกูลเหวินมีอำนาจซ่อนอยู่มาก ภายนอกเป็นเพียงแค่หุ่นเชิดเบาๆ เท่านั้นเอง

เหมือนกับหยูจื๋อเฉิงเป็นลูกน้องของตัวเอง เจียงฉี เสิ่นซานแบบนั้น แต่เอามาตั้งรับเท่านั้นเอง

ด้านหลังนั้นซ่อนอะไรไว้อีกมากมาย โดยที่จินตนาการไม่ได้เลยล่ะ

จากนั้น หลินอิ่งกำชับกับหยูจื๋อเฉิงอีก

หยูจื๋อเฉิงเลือดร้อน เดินออกจากห้องทำงาน จากนั้นก็จัดการคน ให้เตรียมตัวทำการ!เตรียมจะไปกับท่านอิ่ง พรุ่งนี้ต้องทำเรื่องที่ทำให้ตี้จิงต้องสั่นสะเทือน!

……

เมืองตุงไห่ เมืองชิงหยูน

โรงแรมหวางซื่อ ห้องรับรองที่ชั้นยี่สิบห้า

ที่ห้องรับรองใหญ่ มีคนนั่งลงตรงโต๊ะรับรองเพียงโต๊ะเดียว

อูหยางยืนเคารพอยู่ข้างๆ ชายหนุ่ม

นี่ เป็นหางเสือของนิ่งซื่อกรุ๊ปในเมืองตุงไห่ ชื่อนิ่งซวน

ต่อหน้านิ่งซวน มีชายวัยกลางคนที่มีความสง่างามและสง่างาม สวมสูทที่เหมาะสมดูดี พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าของเขานั่งอยู่

“หวางเฉิงเฉียน ประธานหวาง เรื่องของบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ ฉันมาหาหวางกั๋วคาง ไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงช่วยเขาออกหน้าแทน” นิ่งซวนพูดอย่างสงบ “หวางกั๋วคางกล้ามาฮุบอุตสาหกรรมของตระกูลนิ่ง เรื่องนี้ ฉันปล่อยไปไม่ได้จริงๆ ไม่ดีต่อภาพลักษณ์ตระกูลหวาง”

นิ่งซวนมาที่นี่ ก็เพื่อจัดการเรื่องที่พ่อหวางกั๋วคางเตะอูหยาง ถึงอย่างไร นี่ก็เป็นเรื่องที่หัวหน้าสั่งมา ไม่สนใจไม่ได้!

“ประธานนิ่ง ถ้าเป้นเรื่องเล็กขนาดนี้ ฉันหวางเฉิงเฉียนจะนัดประธานนิ่งมาที่นี่เอง” หวางเฉิงเฉียนยิ้ม ก่อนจะพูดต่อ “แต่ว่า ประธานนิ่ง คุณทำโหดร้ายเกิดไปหรือเปล่า?”

หวางเฉิงเฉียนไม่อยากสนใจความเป็นตายของพ่อหวางกั๋วคาง แต่คุณท่านพูดแล้ว จะไม่สนใจไม่ได้

คิดๆ ไปก็แปลกใจ พ่อหวางกั๋วคางไม่มีศีลธรรม ไม่รู้จักกลัวตาย เขาไม่ชอบเลย แต่ว่า นิ่งซวนลงมือครั้งนี้โหดเกินไป แทบจะฆ่าพ่อหวางกั๋วคางเลย จนไม่มีสติแล้ว

ตอนที่เห็นท่าทีเจ็บปวดของพ่อหวางกั๋วคางเป็นครั้งแรก ก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก จนทนมองไม่ไหว มันน่าเกลียดเกินไป

เขาปิดข่าวทั้งหมดแล้ว เลยไม่มีข่าวแย่ๆ ของพ่อหวางกั๋วคางในอาคารเป่าติ่ง

“ฉันลงมือหนักเกินไปเหรอ?” นิ่งซวนยิ้มขึ้นด้วยความเย็นชา รู้สึกประหลาดใจ “ประธานหวาง ฉันจะบอกพวกคุณให้ ว่าฉันเบามือมากแล้ว!เรื่องนี้มันเป็นเพราะพวกคุณตระกูลหวางทำก่อนนะ”

เล่นตลกอะไร คิดว่าตระกูลนิ่งในเมืองตุงไห่ไม่รู้หรือไง?

“ฉันเตือนพวกคุณตระกูลหวางนะ ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง เอาหุ้นของบริษัทเครื่องประดับจางซื่อออกให้หมด” นิ่งซวนพูดเสียงต่ำ “ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันจะปิดกั้นพวกคุณตระกูลหวางออกจากแวดวงธุรกิจ ไม่ว่าจะใช้เงินเท่าไหร่ ฉันก็จะไม่ลังเลเลย!”

หวางเฉิงเฉียนขมวดคิ้วเบาๆ ไม่รู้ว่านิ่งซวนกินอะไรเข้าไป ทำให้พ่อหวางกั๋วคางย่ำแย่ขนาดนี้ แถมยังกัดไม่ปล่อย วันนี้นัดนิ่งซวนมา เพื่ออะไรกันแน่นะ?

“นิ่งซื่อกรุ๊ปเมืองตุงไห่ เป็นคนที่มีอิทธิพลมากจริงๆ !”

ในตอนนั้นเอง มีเสียงที่เก่าแก่และโอ่อ่าดังขึ้น

เห็นเพียงแค่ ชายแก่นั่งบนรถเข็น ก่อนจะถูกบอดี้การ์ดใส่สูทเข็นเข้ามา

“ท่านหวาง?คุณมาได้อย่างไร?” นิ่งซวนถามด้วยความสงสัย เขาเกรงใจคุณท่านหวาง แต่ก็สงสัย เรื่องเล็กๆ ทำไมต้องให้คุณท่านหวางออกหน้าด้วย?

คุณท่านหวาง หวางเฉิงเต้า ไม่ได้คุยกันตั้งนาน ก่อนจะมีประเทศหลุง หวางเฉิงเต้าลงจากตำแหน่งในเมืองตุงไห่แล้ว พวกคนรวยๆ ในตี้จิง และคนใหญ่คนโตของตระกูลนิ่ง ก็มีความสัมพันธ์กันอย่างแน่นหนา

ดังนั้น ถึงนิ่งซวนจะเป็นคนสนิทของตระกูลนิ่ง ต่อหน้าหวางเฉิงเต้า ก็ยังต้องเคารพหน่อย

“ฉันมาได้อย่างไรเหรอ?เหอะๆ” หวางเฉิงเต้ายิ้มขึ้นด้วยความเย็นชา “ถ้าฉันไม่ออกหน้ามา คุณจะทำลายตระกูลหวางของฉันใช่ไหม?ห๊ะ?คนกระจอกๆ แบบนี้เก่งจังเลยนะ!ตอนที่พ่อคุณยังเด็กก็เป็นลูกน้องฉันทั้งนั้น ไม่กล้ามาหือแบบคุณหรอก!”

“ท่านหวาง ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงอะไร” นิ่งซวนพูด

“นิ่งซวน คุณมากเกินไปแล้วนะ คุณรู้ไหม!” หวางเฉิงเต้าตวาด พลางจ้องนิ่งซวนด้วยความกลัว เหมือนจะโกรธเป็นอย่างมาก

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท