บทที่124 คุณมาส่งอาหารใช่ไหม
หลังจากที่เสียงเสียดหูดังขึ้น
มีเสียงดังขึ้น มีแสงวาบเหมือนพลุอยู่กลางถนนเป็นรอยยาว
ปลอกกระสุนสิบสองมิลลิเมตร อยู่บนพื้น
หลินอิ่งสีหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ มุมปากยิ้มขึ้นด้วยความเย็นชา พลางมองดาดฟ้าของอาคารเจ๋อเฉิง
เหวินเอ้อสืออยู่บนดาดฟ้า มองสีหน้าเย็นชาของหลินอิ่งได้อย่างชัดเจน เป็นสายตาที่คมชัด
เขาเหงื่อออก เต็มหน้าผาก
“ฉัน หรือว่าฉันยิงพลาดงั้นเหรอ?ไม่มีทาง!ทำไมเขาไม่ตาย!”
เหวินเอ้อสือไม่อยากจะเชื่อ แววตาไร้แวว มือทั้งสองข้างอ่อนลง ปืนไรเฟิลหนักเองก็ตกลงกับพื้น
นี่มันน่ากลัวเกินไปหรือเปล่า?ชายหนุ่มเสื้อเชิ้ตขาวทำได้อย่างไร?
เหวินเอ้อสือมั่นใจเป็นอย่างมาก ว่าตัวเองเล็งไปที่หัวแล้ว แต่ผลที่ออกมา มันกลับไม่โดนงั้นเหรอ?
คิดไม่ออกเลยจริงๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“เหวินเอ้อสือ เกิดอะไรขึ้นกับคุณ?” เหวินจิ่วขมวดคิ้วถามขึ้น
“พี่จิ่ว ฉัน ฉันไม่รู้ เขาไม่ตาย เขาเดินเข้ามาในเจ๋อเฉิงกรุ๊ป” เหวินเอ้อสือพูดด้วยสีหน้าหนักใจ “แต่พี่จิ่ว ฉันมั่นใจนะ ว่าฉันต้องยิงโดนเขาแน่!ไม่ ฉันเล็งไปที่เขาแล้ว ไม่รู้ว่าเขาหลบหรือเปล่า”
ไม่ว่าเหวินเอ้อสือจะอธิบายอย่างไร เขารู้ความโหดร้ายของตระกูลเหวินเป็นอย่างดี การดูแลเกดความตกต่ำขึ้นมา ต้องโดยพี่จิ่วฆ่าตายแน่นอน!
ยังดีที่ตอนนี้ตระกูลเหวินยิ่งใหญ่แล้ว ถ้าเกิดก่อนหน้านี้ตระกูลฉีพังไปแล้วเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ตัวเองและลูกกับภรรยาคงต้องถูกฆ่าตายแน่นอน ต้องถูกคิดว่าถูกขายไปแน่ๆ !
“หุบปากไปซะไอคนไร้ค่า!ไม่ต้องมาอธิบายแล้ว!จะไปหลบปืนไรเฟิลหนักได้อย่างไรกัน?” เหวินจิ่วด่าเสียงเย็นชา “เหวินเอ้อสือ ถ้าไม่เห็นแก่ว่าคุณเป็นลิ่วล้อของฉัน ตอนนี้ฉันจะฆ่าคุณ!คุณใช้ปืนได้ห่วยขนาดนั้น ยังจะมาบอกว่าเป็นคนดูแลความปลอดภัยลับๆ ของตระกูลเหวินได้อีกเหรอ?”
“ได้ยินว่าช่วงนี้คุณชอบไปเที่ยวผู้หญิงที่ผับตี้อู่เฉิงเหรอ?” เหวินจิ่วมองเหวินเอ้อสือ “ทำแต่อะไรแบบนั้น จนมือไม้อ่อน ใช้ปืนไม่แม่นแล้ว!พอกลับไป คุณกักตัวแล้วสำนึกผิดซะ ไม่ต้องมาร่วมงานอะไรกันอีก!”
“โอเค!ฟังพี่จิ่วก็ได้” เหวินเอ้อสือเช็ดเหงื่อ พลางพูดด้วยความเคารพ แต่ก็คิดว่าถ้าให้มาทำเอง ก็ไม่มีวันฆ่าได้เหมือนกันนั่นแหละ!
“พี่จิ่ว กล้องมันบอกว่า เด็กหนุ่มคนนั้นมันเข้าบันไดมาแล้ว กำลังมาหาพวกเรา” ชายชุดดำอีกคนหนึ่งพูด ก่อนจะหยิบคอมที่ดูไฮเทค และพูดด้วยความเคารพ
“ดีมาก เตรียมเล่นงานมัน ขึ้นมาอย่าเพิ่งฆ่าเขานะ จับเป็นก่อน ต้องสอบก่อนว่าเขาเป็นคนส่งข่าวของใคร” เหวินจิ่วพูดเบาๆ ด้วยท่าทีเฉลียว
“รับทราบ!พี่จิ่ว!”
ชายชุดดำอีกสามคนนั้น รีบหยิบกล่องสีดำขึ้นมา ก่อนจะหยิบอาวุธของพวกเขา แล้วลูบคม
ทางอีกฝั่งนั้น หลินอิ่งรีบขึ้นมาบนบันไดของเจ๋อเฉิงกรุ๊ป
สามนาที
หลินอิ่งก็มาถึงชั่นหกสิบ ก่อนจะเตะประตูเหล็กออกมา พลางมองชายกำยำทั้งสี่ด้วยสีหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ แล้วมองหยูจื๋อเฉิงที่ถูกแขวนหายใจรวยริน
“เห้อ มีความสามารถเล็กน้อยเนี่ย สามารถเตะประตูปลิวได้เลยงั้นสิ?” เหวินจิ่วพูดแกมหยอก ก่อนจะลูบมัด แล้วหักนิ้วกร๊อบ
“มาคนเดียว?ฉันว่าคุณมาส่งอาหารหรือเปล่าเนี่ย?”
เมื่อพูดจบ เหวินจิ่วก็หยิบปืนขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ก่อนจะยิงออกไป มือไวเหมือนสายฟ้า ดูเป็นคนเก่งคนหนึ่งเลย
เขาคิดว่าจะยิงออกไป เพื่อให้ขาหลินอิ่งพิการก่อน
แก๊ง!
กระสุนยิงถูกประตูเหล็ก แต่กลับไม่เห็นเงาของหลินอิ่งแล้ว เหมือนกับหายปต่อหน้าพวกเขาเลย
“นี่มัน?” เหวินจิ่วขมวดคิ้วเบาๆ ด้วยความตกใจ
ปัง!
มีแรงที่น่ากลัวดังขึ้นมา เงาของหลินอิ่งโผล่ขึ้น ก่อนจะเตะเหวินจิ่วไปไกลสิบเมตร และล้มลงกับพื้น ไอออกมาเป็นเลือด
ชายชุดดำอีกสามคนที่เหลือตกใจเป็นอย่างมาก ก่อนจะดึงสติกลับมาได้ แล้วจะยิง
หลินอิ่งจะให้โอกาสเขาได้อย่างไรกัน ความเร็วเหมือนสายฟ้า เลยเตะมือของทุกคน จนปืนในมือตกลงที่พื้น
หลังจากนั้น ก็เตะต่อยจนทุกคนมึนไป
หลินอิ่งหันกลับมา เพื่อเข้าหาเหวินจิ่ว
ในตอนนั้นเองมีลมพัดมาอย่างแรง มีดปลายแหลมแทงเข้าที่ลำคอ
เหวินจิ่วเป็นคนที่เก่งกาจที่สุด!จนชนะคนเก่งของหยูจื๋อเฉิงได้!
หลินอิ่งยิ้มขึ้นด้วยความเย็นชา ไวเหมือนกับลม เขายกมือขึ้นแล้วคีบกริชด้วยสองนิ้ว ก่อนจะเอามันลง
“นี่?” เหวินจิ่วเหงื่อแตก พลางจ้องชายหนุ่มตรงหน้าตาค้าง
ต้องรู้ด้วยว่า ความเร็วของเขานั้นมันเร็วมาก กริชเล่มเดียวนั้น เพียงแค่สิบห้าก้าว ไม่ว่าจะเป็นคนที่ถือปืนสั้นหรือปืนกล ก็คงได้ตายก่อนจะลั่นไกแล้ว!
นี่เป็นการกระทำที่น่ากลัวมาก แต่กลับถูกชายหนุ่มคนนี้ทำได้อย่างง่ายๆ แถมยังใช้นิ้วคีบมีดที่ตัวเองต้องใช้แรงมากอีกด้วย?
ปัง!
หลินอิ่งถีบออกไป จนมีเสียงดังขึ้น เหวินจิ่วก็ต้องลอยอีกครั้ง
แต่กลางอากาศนั้น จู่ๆ เหวินจิ่วก็ออกหมัด เขาออกหมัดกลางอากาศใส่หัวของหลินอิ่ง
การทำแบบนี้ มันไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
หลินอิ่งรับหมัดของเหวินจิ่วเอาไว้ ทั้งสองคนแทบจะปลิวไปตามลม ภายในเวลาสิบวินาที อย่างน้อยก็ต่อยกันไปได้เจ็ดแปดสิบหมัดแล้ว
ปังๆ
หลังจากเตะต่อยกัน เหวินจิ่วก็หยุดอยู่ที่พื้นใบหน้าซีดเซียว จู่ๆ ก็คุกเข่าอยู่กับพื้น จากนั้นก็มีเสียงไปทั้งตัว พลางมองหลินอิ่งด้วยความตกใจกลัว
เหวินจิ่วถูกหักกระดูกไปมาก จนกระดูกแทบจะยึดเนื้อไว้ไม่ได้แล้ว!
“นี่?นี่เป็นคนเก่งขนาดไหนกันแน่เนี่ย?” เหวินจิ่วพูดด้วยใบหน้าขมขื่น
เขาคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งมากแล้ว เป็นคนเก่งกาจที่ไม่กลัวปืนด้วยซ้ำ แรงต่อยมากมาย แต่ว่า กลับไม่สามารถชนะเด็กหนุ่มนี่ได้เลยแม้แต่น้อย
“เหอะ” หลินอิ่งยิ้มขึ้นด้วยความเย็นชา “รับหมัดของฉันได้กว่าสิบวิ คุณก็ถือว่าเก่งแล้ว”
เมื่อพูดจบ หลินอิ่งก็ไม่ได้สนใจเหวินจิ่วที่กระดูกหักอีก ก่อนจะหันตัวกลับไป ตัดเหล็ก และพยุงหยูจื๋อเฉิงลงมา
“ท่านอิ่ง ฉันรู้อยู่แล้ว ว่าคุณจะต้องมาช่วยฉัน ท่านอิ่งมีบุญคุณ จะไม่ลืมเลย” หยูจื๋อเฉิงพูดพลางหายใจรวยริน
“คนพวกนี้ส่งต่อให้คุณ ต้องให้ฉันได้ตรวจสอบความเป็นมาก่อน” หลินอิ่งพูดอย่างสงบ
“ฉันต้องแหกปากพวกเขาออกมาให้ได้!” หยูจื๋อเฉิงพูดด้วยเลือดกบปาก แววตาเต็มไปด้วยความโกรธ โดยที่มีความแค้นเป็นอย่างมาก!
เพียงไม่นาน หยูจื๋อเฉิงก็สงบทุกอย่างได้ เลยลากผู้รักษาลับๆ ของตระกูลเหวินทั้งสี่ลงห้องใต้ดินของเจ๋อเฉิงกรุ๊ป หยูจื๋อเฉิงทำแผล จากนั้นก็ลงไปทรมานเอง
จากนั้นชั่วโมงกว่า
หลินอิ่งนั่งอยู่บนห้องของประธาน เขามีสีหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ พลางชงชาแดง
มีเสียงดังขึ้น หยูจื๋อเฉิงเคาะประตูเข้ามา
“ท่านอิ่ง ฉันใช้เก้าอี้ไฟฟ้าแล้ว พวกเขาทั้งสี่ก็ยอมบอกแล้ว บอกความลับของตระกูลเหวินมาไม่น้อย” หยูจื๋อเฉิงเปลี่ยนชุด พลางพูดด้วยความเคารพ
หลินอิ่งวางถ้วยชาลง “คุณรับช่วงต่อเลย”