ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่131 ฉีหยิ่นชื่อดังสนั่นโล

บทที่131 ฉีหยิ่นชื่อดังสนั่นโล

บทที่131 ฉีหยิ่นชื่อดังสนั่นโลก

ตระกูลเหวินกับอำนาจลึกลับนั่น กำลังกลัวอะไรตัวเอง?

หลินอิ่งลืมตาทันที ดวงตาเฉียบคม

มีความเป็นไปได้อย่างเดียว อำนาจที่อยู่เบื้องหลังตระกูลเหวิน จู่ๆก็รู้ตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง รู้ว่าตัวเองคือผู้สืบทอดแก๊งมังกร?

และก็มีแค่แก๊งมังกร ที่สามารถทำให้ตระกูลเหวินรวมถึงอำนาจที่อยู่เบื้องหลังตระกูลเหวิน ตกใจได้เช่นนี้

แปลกมาก เรื่องนี้ไม่ง่ายเลย

เดิมทีหลินอิ่งคิดว่า เบื้องหลังตระกูลเหวินนั้นคืออำนาจที่ซ่อนอยู่จากโลกภายนอกบางส่วน

เดิมทีตัวเองอยากบีบอำนาจที่ซ่อนอยู่ลึกลับนี่ให้ออกมา จากนั้นโจมตีทีละคน ผ่านการจู่โจม เอาไฟเผาตระกูลเหวินให้มอดไหม้ ฟันต่อฟัน เลือดต่อเลือด

แต่ตอนนี้ดูแล้ว ก็ดูถูกตระกูลเหวินไปหน่อย

อดทนครั้งนี้ได้ เป็นเต่าหัวหดในที่มืด จะต้องรู้ว่า งูพิษที่ซ่อนไว้ ก็เพื่อกัดคนต่อไปให้ดีขึ้น

ความคิดของหลินอิ่งแวบขึ้นมา ในใจเริ่มรู้สึกสงสัย

ใครจะไปรู้ว่าตัวเองคือผู้สืบทอดแก๊งมังกร?

ครั้งแรกก่อนที่จะหาคนของตระกูลนิ่ง หลินอิ่งไม่เคยเปิดเผยวิธีการใดๆมาก่อน อยู่ที่ตระกูลจางอย่างซื่อสัตย์ ใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ ก็เพราะไม่อยากไปสร้างคลื่นขึ้นมา ก่อนที่พลังจะประสบความสำเร็จ

ตั้งแต่ตัวเองออกมาจากเขา ก็ไม่เคยมีคนรู้ตัวตนของตัวเองเลย

ตระกูลนิ่งแห่งตี้จิงคิดกับตัวเองเป็นผู้อาวุโส ตอนนั้นอาจารย์กับตระกูลนิ่งสร้างพันธะที่ดีต่อกัน ก็ไม่เคยบอกตระกูลนิ่งว่าเป็นใครมาจากไหน

ต้องรู้ว่า ธรรมเนียมของฆราวาสแก๊งมังกร แต่ไหนแต่ไรมาก็บอกตัวตนที่แท้จริงของตัวเองไม่ได้ นี่คือกฎที่สืบทอดกันมา

งั้น ทำพลาดตรงไหนกันแน่?เปิดเผยตัวตน?ไม่งั้นจะทำให้ตระกูลเหวินตอบสนองแปลกๆเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?

คิดๆดูแล้ว หลินอิ่งตัดสินใจ หาโอกาสไปสัมผัสแก๊งมังกรเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาจำศีลที่สำนักอู่เหมินสิบสิง เข้าใจสถานการณ์วันนี้

ส่วนเหวินเทียนเฟิ่งกับตระกูลเหวิน ก็ไม่เชื่อว่าพวกเขาจะหลบหนีไปทั้งชีวิต ถึงต้องพลิกฟ้าพลิกดิน ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องเอาพวกเขาออกมาให้เจอ!

และก็ไม่สนว่าอำนาจลึกลับที่ซ่อนเร้นอยู่นั้นมีแผนอะไร สนใจว่าเขาคือใคร ไม่ว่าวิธีไหน ก็สามารถรับมือได้เสมอ ฆ่าล้างได้หมด!

แป๊บเดียว เบนท์ลีย์ขับกลับไปที่อาคารเจ๋อเฉิง

คืนนั้น หยูจื๋อเฉิงรวมตัวทีมธุรกิจชั้นสุดยอดทั้งหมดที่อยู่ในมือ เปิดประชุมขนาดใหญ่ เกี่ยวกับเรื่องรับช่วงธุรกิจของตระกูลเหวิน

หยูจื๋อเฉิงเรียกหาแต่คนรับผิดชอบของทีม ยังไงทีมสะสางบัญชีของธุรกิจกว่าเจ็ดถึงแปดสิบคนก็อยู่ในเงื้อมมือ

ธุรกิจทุกอย่างของตระกูลเหวินแห่งตี้จิง บอกกับธุรกิจของตระกูลฉีอีก รวมถึงแต่ละสายอาชีพ แต่ละพื้นที่ สะสางบัญชีก็เป็นเรื่องที่ยุ่งยาก

ดีที่ ตระกูลเหวินต่างเป็นเต่าหัวหด วิธีการดำเนินการธุรกิจก็ธรรมดามาก แค่ผ่านกระบวนการเดียวเท่านั้น

แค่หยวนเดียวก็ไม่ต้องจ่าย อาจจะฟังดูเหลือเชื่อ

แต่ความจริงก็คือ หลินอิ่งแข็งแกร่งเช่นนี้

คนในฆราวาสไม่มีทางเข้าใจ อำนาจในมือสามารถกำหนดได้ทุกอย่าง

ไม่อย่างนั้น คุณมีความสติปัญญาสูงแค่ไหน สร้างธุรกิจได้เจ๋งแค่ไหน ไม่มีอำนาจพอมาปกป้อง หาเงินได้มากแค่ไหน ก็เป็นได้แค่คนส่งผักให้

ตระกูลเหวินออกไปจากตี้จิง เค้กที่เหลือไว้ แน่นอนว่าเป็นของหลินอิ่งทุกอย่าง ไม่มีใครกล้าไปแตะต้องเค้ก

ไปถึงในระดับหนึ่ง เกมที่อยู่จุดสูงสุด จึงเป็นเช่นนี้

ถ้าไม่ใช่ว่าฆ่าล้างทั้งตระกูล ยอมแพ้ทุกอย่าง ถอยอย่างเชื่อฟัง โดยไม่เรียกร้องใดๆ ทิ้งทุกอย่างออกไป

วันถัดมา

แวดวงคนดังในตี้จิงต่างฮือฮา

ช่วงหลายวันก่อน ตระกูลเหวินแห่งตี้จิงที่รุ่งโรจน์ ดูเหมือนว่าจะหายไปในชั่วข้ามคืน คนทุกตำแหน่งในตระกูลเหวิน ต่างหายออกไปในสายตา

บริษัท ธุรกิจที่อยู่ภายใต้ชื่อตระกูลเหวินนับไม่ถ้วน ทั้งหมดต่างอยู่ในสถานะที่ไม่มีเจ้าของ

แป๊บเดียว ข่าวที่ทำให้คนช็อกก็ประกาศออกมา

ถนนทุกเส้นสายในตี้จิง ต่างถกเถียงกันอย่างบ้าคลั่ง

เจ้าถิ่นของเขตจงเทียน หยูจื๋อเฉิง จู่ๆก็เอาธุรกิจทุกอย่างของตระกูลเหวินไป?

แน่นอน เรื่องราวที่อยู่เบื้องหลังก็ยิ่งทำให้ผู้คนตกตะลึง

ไม่ว่าใครก็ตาม ต่างได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นในตี้จิงเมื่อคืน

เหวินเทียนเจียวตายที่ตี้จิง คืนนั้นมีหยูจื๋อเฉิงพาคนจำนวนมากหมอบอยู่ด้านนอก และมีวัยรุ่นคนหนึ่ง เข้ามาที่ตี้จิง ไม่รู้ว่าวัยรุ่นคนนั้นทำอะไรไป ตระกูลเหวินจึงเลือกถอยไปจากตี้จิง ต่างไม่กล้าสู้!

วัยรุ่นคนนั้นถูกแฉตัวตนว่าเป็นใครมาจากไหน ประกาศอยู่ในแวดวงคนมีชื่อเสียงของตี้จิง

เขา ชื่อท่านอิ่ง

ตระกูลผู้ดีกับคนร่ำรวยต่างๆในตี้จิง ทำการสอบสวนต่างๆ จนได้ข้อสรุปอย่างหนึ่งมาว่า

วัยรุ่นลึกลับธรรมดาๆของตระกูลเหวิน นั่นก็คือ ฉีหยิ่น!

ตระกูลฉีแห่งตี้จิงมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง ชื่อเสียงตระกูลฉีก็ถูกกล่าวขานขึ้นมาอีกครั้ง

ฉีหยิ่นคนเดียว เป็นตัวแทนตระกูลฉีแห่งตี้จิง!แม้แต่ท่านฉีเวิ่นติ่ง ก็รู้สึกต่อข่าวนี้ที่ประกาศออกมา ฉีหยิ่น คือหัวหน้าครอบครัวของตระกูลฉี!

เรื่องนี้ ตั้งตัวไม่ทันเลย ทำเอาคนที่มีพลังเล็กน้อยกับครอบครัวตระกูลผู้ดีในตี้จิงต่างตกใจ จนลูกตาแทบถลน

มันพลิกกลับตาลปัตรหมด ตระกูลเหวินที่เพิ่งเจริญรุ่งเรือง แป๊บเดียวก็ถูกโค่น?

ที่ทำให้คนพูดถึงมากที่สุด ก็คือลูกหลานตระกูลฉีคนเดียวที่เหลืออยู่ถูกตระกูลของศัตรู จัดการจนดับสิ้นอย่างโผงผาง

ทุกคนต่างกำลังคาดเดา ฉีหยิ่นใช้วิธีการไหนกันแน่

สรุปคือ ชื่อของฉีหยิ่น ก็สร้างความประหลาดใจให้กับทั่วโลกไปชั่วขณะ!

ตอนบ่าย ที่อาคารเจ๋อเฉิง

ในห้องทำงานของประธาน หลินอิ่งกำลังดื่มชาดำ เสียงดังก๊อกก๊อก หยูจื๋อเฉิงเคาะประตู เข้ามาด้วยใบหน้าแปลกใจ

เขาถือเอกสารสัญญากล่องใหญ่เข้ามาด้วยความเคารพ

“ท่านอิ่ง!อย่างที่ท่านว่าไว้จริงๆ จู่ๆตระกูลเหวินก็ไม่มีใครปรากฏตัวที่ตี้จิงเลยสักคน ผมรับธุรกิจทุกอย่างของตระกูลเหวินมาอย่างราบรื่น”หยูจื๋อเฉิงพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ“ในนี้คือสัญญาโอนย้ายธุรกิจทุกอย่าง ทั้งหมดอยู่ในนามของท่านอิ่ง”

หยูจื๋อเฉิงที่เป็นคนอยู่ในเหตุการณ์ คืนนั้นเขายังอยู่ในที่เกิดเหตุ ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจว่า ท่านอิ่งทำได้อย่างไร?ช่างสง่างามซะยิ่งกว่าเทพที่ลงมาอีก!

คนๆหนึ่งเข้ามาปรากฏตัวที่ตี้จิง ตระกูลเหวินตกใจกลัวจนหนีฝ่อไปหมด กลัวท่านอิ่งจะทำลายล้างตระกูล จึงได้ยอมแพ้แล้วยกเอาธุรกิจและความมั่งคั่งทุกอย่างให้?

หยูจื๋อเฉิงก็รู้ตัวตนที่แท้จริงของท่านอิ่ง ที่แท้ ก็คือฉีหยิ่นแห่งตระกูลฉี!

ไม่น่าล่ะ ท่านอิ่งถึงได้มีความพร้อมฆ่าล้างตระกูลเหวินเช่นนี้

“ธุรกิจของที่นี่รวมกันแล้ว ท่านอิ่ง ผมคิดว่า ประเทศหลุงไม่มีใครรวยไปกว่าท่านแล้ว”หยูจื๋อเฉิงพูดด้วยความตื่นเต้น

หยูจื๋อเฉิงคือคนที่มีมูลค่าสุทธิหลายหมื่นล้าน จึงไม่รู้สึกอะไรกับเงินแล้ว แต่ พอวันนี้ได้สัญญาธุรกิจมามากมายแล้ว ก็ยังตกใจกับเงินจำนวนมากขนาดนี้!

เงินทอง เติมเต็มเสน่ห์ของสัญชาตญาณจริงๆ!

หลินอิ่งมีใบหน้าราบเรียบ นี่คือเรื่องที่เขาคาดการณ์ไว้นานแล้ว

“จับคนที่คุ้มกันตระกูลเหวินไม่กี่คนนั้น แล้วก็คนที่เกี่ยวข้อง มาสอบถามอะไรหรือยัง?”หลินอิ่งถามอย่างจริงจัง หาเบาะแสอำนาจที่อยู่เบื้องหลังตระกูลเหวินได้หรือไม่ นี่เป็นเรื่องที่เขาใส่ใจที่สุด

“เอ่อ ท่านอิ่ง คนพวกนั้น เดิมทีก็ไม่ใช่คนสำคัญของตระกูลเหวิน อะไรก็ไม่รู้เลย แม้แต่ตระกูลเหวินจำศีลครั้งนี้ ไปที่ไหน พวกเขาก็ไม่รู้ ข้อมูลที่ให้มาไม่มีค่าอะไร”หยูจื๋อเฉิงตอบอย่างซีเรียส

หลินอิ่งพยักหน้าหน่อยๆ ดื่มชา ดึงตระกูลเหวินออกมาไม่ได้แค่วันเดียว ก็ยากที่จะสงบจิตใจลง คนที่ซ่อนตัวอยู่นั้น ยากที่จะรับมือซะยิ่งกว่าคนที่อยู่ตรงหน้า

“ใช่สิ ท่านอิ่ง ครั้งนี้ ตระกูลผู้ดีใหญ่ๆในตี้จิงแต่ละแห่งต่างส่งจดหมายเชิญ อยากให้ท่านไปร่วมงานเลี้ยง ต่างยอมรับว่าท่านคือตัวแทนตระกูลฉี ตัวแทนตำแหน่งของตระกูลผู้ดี!”หยูจื๋อเฉิงพูดด้วยความเคารพ ตื่นเต้นยิ่งกว่าหลินอิ่ง

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท