ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่127 รายงานประธานหลิน

บทที่127 รายงานประธานหลิน

บทที่127 รายงานประธานหลิน

“อะไร?ท่านหวาง คำขอของคุณนี่มันเกินไปแล้ว?”นิ่งซวนก็ตะลึงกับท่าทางบ้าคลั่งของหวางเฉิงเต้า จู่ๆความแค้นถึงได้ฝังลึกเช่นนี้?

กล้าให้จางฉีโม่คุกเข่าขอโทษพ่อของหวางกั๋วคาง?แล้วยังต้องเป็นสาวใช้ไปทั้งชีวิตของตระกูลหวางอีก?

ท่านหวางอยากตายหรือไง?

หวางเฉิงเต้าหัวเราะอย่างเยือกเย็น ด้วยท่าทางยโสโอหัง พูดอย่างติดตลก:“เกินไป?เหอะเหอะ คุณทำพ่อของหวางกั๋วคางไม่เกินไปเลย?น้องนิ่งจองเป่า คุณดูสิ นิ่งซวนดื้อรั้น เรื่องเล็กๆแบบนี้ยังไม่ยอมทำ?ต้องให้น้องนิ่งตัดสินแล้ว!”

“นิ่งซวน คุณกล้าปฏิเสธ?คุณลองกล้าปฏิเสธให้ผมดูอีกสิ!ไม่เชื่อก็แล้วแต่ ผมจะให้ตี้จิงตระกูลนิ่งไม่มีที่สำหรับคุณ!”ที่ปลายสาย นิ่งจองเป่ากล่าวอย่างเย่อหยิ่ง

เดิมทีนิ่งจองเป่าก็ไม่ค่อยถูกกับนิ่งซวน ได้ยินว่านิ่งซวนรุ่งเรืองอยู่ที่เมืองตุงไห่ ครั้งนี้คุณท่านแห่งตระกูลหวางที่เป็นคนพื้นเพของเมืองตุงไห่มาขอร้องถึงที่ จะให้ของขวัญขนาดใหญ่ เพื่อจะขอให้ช่วย

เรื่องที่ทำไปตามน้ำแบบนี้ยังไม่รีบทำ?รับเงินมา แล้วยังปราบปรามครอบครัวนิ่งซวนได้ ไม่แน่ก็อาจจะได้เด็ดดวงผลของนิ่งซวนที่ดำเนินการมาหลายปีในเมืองตุงไห่ได้อีกด้วย นี่มันเป็นเรื่องดีสองเท่าเลยจริงๆ!

หน้าผากนิ่งซวนมีเหงื่อออก คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะให้นิ่งจองเป่าหาโอกาสทำให้ลำบากใจได้

ความคิดแวบเข้ามาในหัว นิ่งซวนตัดสินใจ เป็นต้องเดิมพันไปที่ผู้อาวุโสประธานหลิน!

“ลุงใหญ่ เรื่องนี้ยากที่จะทำได้!”นิ่งซวนปฏิเสธอย่างเยือกเย็น ท่าทีเด็ดเดี่ยว

“นิ่งซวน แม้แต่ผมคุณยังกล้าฝ่าฝืน?คุณอยากจะกบฏใช่ไหม?”นิ่งจองเป่าต่อว่าด้วยความโกรธ

“คุณจะให้ผมเสียหน้าต่อหน้าท่านหวางใช่ไหม?โอเค!”นิ่งจองเป่าพูดอย่างเย็นชา “นิ่งซวน คุณไม่ทำก็ช่าง ตอนนี้คุณรีบกลับมาที่ตี้จิง ตอนนี้ผมจะให้คนไปจัดการ ระงับทรัพย์สินทุกอย่างของคุณ!”

“ทางที่ดีก่อนเที่ยงคืนวันนี้คุณรีบบินกลับมาที่ตี้จิง เลยเวลา ผมจะประกาศให้ทุกคนรู้ คุณไม่ใช่ลูกหลานตระกูลนิ่งอีกต่อไป!”

พอข่มขู่คุกคามใส่หน้าโครมๆไปชุดหนึ่งเสร็จ ก็มีเสียงดังตู๊ด นิ่งจองเป่าวางสายไป

นิ่งซวนอัดอั้นความโกรธไว้ กำหมัดแน่น

ลุงใหญ่นิ่งจองเป่ามีความสามารถตรงนี้ ลงโทษเขาได้

แต่ เขานิ่งซวนจะยอมให้ทำอะไรโดยไม่สู้หรือไง?

“หึ!”นิ่งซวนทำเสียงฮึดฮัดใส่หวางเฉิงเต้า“ไอ้ท่านหวาง!แล้วคุณจะต้องเสียใจกับเรื่องวันนี้!”

“พวกเราไป”

พูดไป นิ่งซวนพาอูหยางออกไปจากโรงแรมหวางซื่อ

“เดินดีๆล่ะ ไม่ไปส่งนะ”หวางเฉิงเต้าพูดด้วยท่าทางภูมิใจ

“เฉิงเฉียน ถึงพวกเราจะทำอะไรนิ่งซวนไม่ได้ แต่วันนี้นิ่งซวนจะต้องกลับตี้จิงแน่!ถ้าเขากล้าไม่กลับ ก็จะเสียการสนับสนุนของ ตระกูลนิ่ง ไม่มีแรงสนับสนุนของตระกูลนิ่ง พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องกลัวเขา!”หวางเฉิงเต้าพูดกับหวางเฉิงเฉียน ด้วยท่าทางมีเลศนัย

“ตอนนี้คุณส่งคน รีบไปเอาตัวจางฉีโม่ไป มาที่ตระกูลหวางของพวกเรา ผมจะทำให้ผู้หญิงคนนั้นพังทลาย!ต้องให้เธอคุกเข่าขอโทษกั๋วคางกับจื่อเหวินให้ได้!”

สายตาของหวางเฉิงเฉียนซับซ้อน ดูแล้วตกอยู่ในความบ้าคลั่งของหวางเฉิงเต้าอย่างชัดเจน

“พ่อ ทำแบบนี้จะไม่เหมาะสมหรือเปล่า?พวกเราตระกูลหวางอยู่มาเป็นร้อยปี มีธุรกิจครอบครัวใหญ่โต ชื่อเสียงเลื่องลือ ไปรังแกผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง แบบนี้ แบบนี้เผยแพร่ออกไปจะขายขี้หน้านะ”หวางเฉิงเฉียนไม่ค่อยอยากพูด“อีกอย่าง เรื่องนี้กั๋วคางก็ทำไม่ถูกจริงๆ ไม่มีเหตุผลเลย……”

“หึ!”หวางเฉิงเต้าทำเสียงฮึดฮัดใส่“เฉิงเฉียน พ่อรู้ว่าลูกไม่ถูกชะตากั๋วคางน้องชายคนนี้ แต่ เขาก็เป็นน้องชายลูกแท้ๆนะ อีกอย่าง นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก นี่มันคือการตัดรากถอนขนตระกูลหวาง!”

สายตาหวางเฉิงเฉียนสับสน พูดไปว่า:“พ่อ เรื่องนี้ถ้าจะหา ผมว่าควรไปหาเสิ่นซาน ยังไงเสิ่นซานก็ลงมือเองกับมือ แบบนี้ก็จะสมชื่อ ไปทำผู้หญิงของตระกูลจางนั่น น่าละอายจริงๆ แต่ถ้าจะไปจัดการเสิ่นซานเพราะเรื่องนี้จริงๆ ก็ไม่ฉลาดจริงๆ”

“จัดการเสิ่นซาน?ตอนนี้เสิ่นซานจัดการง่ายเหรอ?”หวางเฉิงเต้าทำเสียงฮึดฮัด ท่าทางโกรธจัด“ลูกอย่าพูดปัดอีกเลย!ลูกไม่อยากลงมือก็ช่าง ถึงพ่อจะแก่จนเจ็ดแปดสิบแล้ว แต่ก็ยังมีความรู้สึกอยู่ พ่อจะไปจัดการเอง”

ในใจหวางเฉิงเต้าโกรธมาก ทั้งๆที่ลูกชายตัวเองมีตั้งมากมาย แต่ก็น่าผิดหวังหมด แม้แต่หวางเฉิงเฉียนที่ฝีมือดีซะยิ่งกว่าครู ชื่อเสียงที่เมืองตุงไห่ก็ไม่แย่ แต่ ลูกชายคนนี้ก็ยังคำนึงถึงชื่อเสียงตัวเองสุดๆ ไม่ถูกกับกั๋วคาง หากบังคับให้เขาลงมือ ก็จะสำเร็จโดยไม่ต้องออกแรง

“เสิ่นซานยากที่จะจัดการนะ เห้อ!”หวางเฉิงเต้าพูดด้วยสายตาอาฆาต“ใช่สิ นิ่งซวนกลับไปตี้จิง ก็หาโอกาส จัดการอูหยางนั่นซะ!ถึงจัดการนิ่งซวนไม่ได้ แล้วอูหยางจะเป็นไรไป เพราะว่าเขาทำบ้าอะไรที่จางซื่อกรุ๊ป ทำร้ายกั๋วคางจนเป็นแบบนี้ ต้องเอาเขาตาย!”

หวางเฉิงเต้าไม่อยากจัดการเสิ่นซานโดยตรงหรือ น่าเสียดาย เสิ่นซานคนนี้ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆก็เริ่มมีอิทธิพล แล้วก็กลายเป็นผู้นำคนสำคัญของโลกใต้ดินในเมืองตุงไห่ อย่างไม่มีข้อกังขาใดๆ

ได้แต่ เอาผู้หญิงที่ชื่อจางฉีโม่นั่นมาระบายความโกรธ!

“โทรหาอาจารย์ติง ผมจะเชิญเขาออกจากเขา!”หวางเฉิงเต้ากำชับบอดี้การ์ดข้างกาย

“ท่านจะเชิญอาจารย์ติงออกจากเขา?”สายตาหวางเฉิงเฉียนช็อก อย่างร็ดีว่าอาจารย์ติงศักดิ์สิทธิ์แค่ไหน

ล้อเล่นอะไรกัน อาจารย์ติง เอ่อ นั่นเป็นถึงคนมีชื่อเสียงถึงสามสิบกว่าปี ปรมาจารย์ด้านศิลปะการต่อสู้ที่เจ๋งที่สุดของเมืองตุงไห่ ไปอยู่อย่างสันโดษมานานแล้ว ……คนๆนี้ แทบจะเป็นเทพศิลปะการต่อสู้ในตำนานของเมืองตุงไห่ที่ยังเหลืออยู่ เรียกกันว่าปรมาจารย์ติง

นิ่งซวนกับอูหยางออกจากโรงแรมหวางซื่อ แล้วจึงขึ้นไปนั่งลินคอล์นที่มีบรรยากาศเต็มไปด้วยความเป็นธุรกิจ

อูหยางนั่งตำแหน่งคนขับ นิ่งซวนนั่งอยู่หลังรถ โทรศัพท์ไปด้วยสายตาสับสน

หมดหนทาง คืนนี้โทรต่อไปสามครั้ง ก็ยังไม่มีคนรับ

นิ่งซวนเหงื่อออก กล้ามเนื้อประสาทเกร็งหมด วันนี้จำเป็นต้องกลับตี้จิง ถ้าบอกเรื่องนี้กับประธานหลินไม่ทันเวลา ถ้าจางฉีโม่เกิดเรื่องอะไร ประธานหลินอาละวาดขึ้นมา ตัวเองก็จะเกิดเรื่องใหญ่ด้วย!

นิ่งซวนจ้องโทรศัพท์อย่างร้อนใจอยู่นานสิบนาที เสียงดังปิ๊บๆ โทรศัพท์ดัง ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความแปลกใจ รีบรับสาย

“ฮัลโหล ผู้อาวุโส ท่านยุ่งอยู่ไหมครับ?ผมมีเรื่องสำคัญต้องรายงานท่าน”นิ่งซวนพูดด้วยเสียงเคารพ

“คุณพูดมา”ที่ปลายสาย มีเสียงนิ่งๆของหลินอิ่งเข้ามา

“คือแบบนี้ ท่านผู้อาวุโสใหญ่ ผมต้องรายงานท่าน วันนี้ผมถูกสั่งให้กลับไปตี้จิง คุณท่านตระกูลหวางออกหน้าออกตา เพราะว่าเรื่องของพ่อหวางกั๋วคาง แล้วยังมาลงที่ผม แล้วยังดึงนิ่งจองเป่าลุงใหญ่ของผมเข้ามาเกี่ยวข้องอีก ตอนนี้ คุณท่านของตระกูลหวางอยากจัดการคุณนายของท่านผู้อาวุโส”นิ่งซวนพูดอย่างชัดเจน

“ตระกูลหวางยังหาเรื่องอีก? นิ่งจองเป่าที่คุณพูดคือใคร พูดให้ละเอียดอีกที”หลินอิ่งถามอย่างเยือกเย็น

“ครับ”

นิ่งซวนเอาเรื่องทุกอย่างของวันนี้ที่เกิดที่โรงแรมหวางซื่อ เล่าอย่างละเอียดให้หลินอิ่งฟัง

“ผมรู้แล้ว คุณกลับไปตี้จิงก่อนเถอะ ผมไม่ให้คนที่ทำเรื่องให้ผมเกิดปัญหาแน่”หลินอิ่งพูดนิ่งๆ แล้ววางสายไป

นิ่งซวนถอนหายใจ มีคำพูดนี้ของผู้อาวุโส ความใจสลายในใจของเขาก็ผ่อนคลายลง

ครั้งนี้กลับไปตี้จิงตระกูลนิ่ง ในใจนิ่งซวนชัดเจนดี จะต้องได้รับความกดดันและโดนบีบขนาดหนักแน่นอน นิ่งซื่อกรุ๊ปเมืองตุงไห่ที่ทำงานหนักมาด้วยตัวเองนั้น ต้องโดนนิ่งจองเป่าเอาเปรียบแน่นอน ความยากครั้งนี้ มีแค่ผู้อาวุโสที่ช่วยได้!

อีกด้านหนึ่ง หลินอิ่งนั่งอยู่ในห้องประธานอาคารเจ๋อเฉิง พอวางสาย สายตาก็เยือกเย็นยิ่งขึ้น มีความพร้อมจะฆ่าฟัน

หลินอิ่งส่งข้อความให้เจียงฉีกับเสิ่นซาน กำชับอย่างเคร่งขรึมว่า ต้องปกป้องดูแลฉีโม่ดีๆ รอตัวเองกลับไปเมืองชิงหยูน ก็จะไปจัดการตระกูลหวาง โทรหาหยูจื๋อเฉิงอีกครั้ง

แป๊บเดียว หยูจื๋อเฉิงก็เคาะประตูเข้ามา พูดด้วยสีหน้าปกติ:“ท่านอิ่ง?มีอะไรกำชับ?”

“พาคน ออกเดินทาง”หลินอิ่งพูดด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ลุกขึ้นออกไปจากห้องประธาน

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท