ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่138 สายโทรศัพท์ที่น่ากลัวสุดๆ

บทที่138 สายโทรศัพท์ที่น่ากลัวสุดๆ

บทที่138 สายโทรศัพท์ที่น่ากลัวสุดๆ

“สวะอย่างคุณพูดอะไรนะ?มือข้างเดียว ก็ฆ่าล้างพวกเราตระกูลหวางได้ราบเรียบ?”ทีแรกหวางเฉิงเต้าตกใจกับคำพูดนี้ของหลินอิ่ง จากนั้นก็เหมือนกับได้ยินเรื่องตลก หัวเราะออกมาเสียงดัง

“น่าตลกจริงๆเลย ไอ้สวะอย่างคุณมาขายขำเหรอ?ดูหนังมากไปใช่ไหม?”

“โม้ขนาดนี้ อายบ้างไหม?”

หวางกั๋วคางกับหวางจื่อเหวินหัวเราะขึ้นมาทันที ใบหน้าไม่พอใจ

คนตระกูลหวางในนี้ก็มีการตอบสนองเหมือนกัน ตกใจกับคำพูดของหลินอิ่งก่อน จากนั้นก็หัวเราะเสียงดัง

ล้อเล่นห่าอะไรเนี่ย นี่เหรอหลินอิ่งลูกเขยที่โด่งดังของเมืองชิงหยูน?แล้วยังกล้าพูดว่าจะฆ่าตระกูลหวางให้หมดอย่างหน้าไม่อาย ทำไมเหมือนคนโง่แบบนี้?

“คุณคงไม่ปัญญาอ่อนหรอกนะ?ไอ้สวะหลินอิ่งอย่างคุณ?นิดเดียวฆ่าคนทั้งบ้านได้ คุณคิดว่าคุณเป็นเทพเจ้าเหรอ?”หวางเฉิงเต้าลูบเครา ท่าทางภูมิใจสุดๆ

หลินอิ่งหัวเราะอย่างเย็นชาไม่พูดอะไร ทันใดนั้นก็พุ่งเข้าไป ร่างเหมือนผี เข้าไปคว้าติงเสินอีที่เอาปืนจี้จางฉีโม่อยู่ จากนั้นตบใส่แรงๆ จนติงเสินอีมึนงง หมุนอยู่สองรอบแล้วล้มลงพื้น

“โอ๊ย!คุณกล้าทำผม?”เขามองหลินอิ่งอย่างไม่อยากจะเชื่อ อยากไปเก็บปืน แต่จู่ๆพลังก็ออกมาจากร่างกายภายในของเขา กระดูกมือแตกค้างไว้ แล้วจึงกระจายไปทั่วร่าง เส้นเลือดที่มือและเท้าต่างแตกทันที กลายเป็นคนพิการ!

ติงเสินอีเจ็บจนร้องเสียงดัง สั่นไปทั้งตัวพร้อมเหงื่อ พูดไม่ออก มองหลินอิ่งตาถลน เหมือนว่าเห็นคนที่เขาพูดถึงกันอย่างไม่น่าเชื่อ

เมื่อก่อนเขาไปมาทั่วสารทิศก็เคยได้ยินวิธีการแบบนี้ นี่คือกำลังภายใน!มันเป็นฝีมือกำลังภายในที่ยอดเยี่ยมที่สุด กลัวว่าจะเป็นคนที่อยู่ระดับปรมาจารย์แล้วด้วยซ้ำ

ทำไมถึงได้มีปรมาจารย์ที่อายุน้อยได้ขนาดนี้?

“ฉีโม่ ไม่เป็นไรนะ ยืนข้างหลังผม”หลินอิ่งพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ จูงมือจางฉีโม่ ให้เธออยู่หลังเขา

จางฉีโม่มองไปที่ร่างกำยำของหลินอิ่งในตอนนี้ แล้วความอบอุ่นก็พลุ่งพล่านในร่างกาย

“นี่มันอะไรกัน!”

คนของตระกูลหวางต่างตกใจ อาจารย์ติงที่พวกเขาจ้างมาเป็นเงินจำนวนมาก ทำไมจู่ๆก็ถูกสวะอย่างหลินอิ่งทำร้ายคนพิการ พูดยังพูดไม่ออก

“คุณกล้าทำร้ายคนที่ตระกูลหวาง?คุณใช้วิธีอะไรกันแน่ที่แอบโจมตีอาจารย์ติง?”หวางเฉิงเต้าถามอย่างโมโห กำหมัดแน่น

ลูกศิษย์ของติงเสินอี เห็นอาจารย์ถูกโจมตีจนล้มลงพื้น ก็จ้องหลินอิ่งด้วยความโกรธ แล้วจึงเอามือยานไปในกระเป๋าเสื้อ อยากเอาขีปนาวุธออกมา!

“คุกเข่า!ลูกเขยสุดระยำไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง แล้วยังกล้ามาช่วยภรรยาคุณอีก?คุณคิดว่าแค่คุณคนเดียวจะจัดการได้เหรอ?”หวางกั๋วคางพูดอย่างโมโห。

หวางจื่อเหวินหัวเราะอย่างเย็นชา สายตาไม่พอใจ จ้องหลินอิ่ง พูด:“หลินอิ่ง คุณไม่เห็นเหรอแม้แต่เสิ่นซานก็ยังไม่กล้าทำตามอำเภอใจที่ตระกูลหวางหรอกเหรอ?สวะอย่างคุณยังจะกล้าหาญเหลือเกินนะ?ผมรู้ ไม่ใช่ว่าคุณจ่ายเงินจ้างเสิ่นซานมาเหรอ?อย่างมากก็แค่หมาตัวหนึ่งที่เป็นเบี้ยล่างของเสิ่นซานเท่านั้นแหละ!”

สำหรับหวางจื่อเหวินแล้ว ก่อนหน้านี้หลินอิ่งเชิญหลิวจุนให้ออกหน้าให้ อาจจะคุกเข่าเลียเสิ่นซาน เป็นหมาให้เสิ่นซาน ถึงได้ให้เขาช่วย

ตอนนี้ แม้แต่เสิ่นซานที่นั่งอยู่ที่ตระกูลหวางก็ยังไม่อยู่สุก ไอ้หมาสวะอย่างหลินอิ่งจะทำอะไร?

เสิ่นซานเหงื่อท่วมหน้าผาก รู้สึกว่าวันนี้น่าจะเกิดเรื่องใหญ่แล้ว จู่ๆตระกูลหวางก็กล้ายั่วยุท่านหลินแบบนี้ ช่างกล้าจริงๆ

ไม่คิดหน่อยเหรอ ทำไมเสิ่นซานไม่พูด?

นั่นเพราะท่านหลินอยู่ในที่เกิดเหตุ เสิ่นซานก็ไม่กล้าเกินขั้นเกินตอน!

“ทำไม?กลัวเหรอ?หลินอิ่งไอ้สวะอย่างคุณ คุณรอดูฉากใหญ่ได้เลย ดูว่าภรรยาคุณถูกบอดี้การ์ดลูกน้องผมต่อแถวกันจัดการอย่างไร!”หวางจื่อเหวินพูดอย่างเย็นชา โบกมือใหญ่ขึ้น แป๊บเดียว ผู้ชายเจ็ดแปดคนก็เข้ามา รับคำสั่งทันที

“หลินอิ่ง ไม่งั้นพวกเราไปกันเถอะ?คุณทักทายกับเสิ่นซานเพื่อนคุณ เขาน่าจะช่วยส่งพวกเรากลับไปใช่ไหม?”จางฉีโม่พูดอย่างเป็นห่วง เรื่องตอนนี้วุ่นวายไปมาก เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของหลินอิ่งมาก

ยังไง จากที่เธอดูแล้ว นี่มันห้องโถงตระกูลหวาง ไม่รู้ว่าตระกูลหวางมีบอดี้การ์ดซ่อนอยู่รอบๆแค่ไหน แต่ละคนต่างถือขีปนาวุธ

“ไป?”หลินอิ่งหัวเราะอย่างเย็นชา“พวกเขากล้ามีความคิดต่อคุณ ผมจะให้พวกเขาตอบแทนเป็นความเจ็บปวด”

“โอ้โห?ใช้คืนเป็นความเจ็บปวด?ขู่ให้ผมตกใจเหรอ?ฮ่าฮ่า!”หวางกั๋วคางหัวเราะอย่างร้ายกาจ ไอ้สวะยังจะกล้ามาเสแสร้ง?

ติ๊ดติ๊ดติ๊ดติ๊ด!

เวลานี้เอง โทรศัพท์ของหวางเฉิงเต้าก็ดังขึ้น

คนของตระกูลหวางเงียบลง

รับสายขึ้นมา มองเบอร์ หวางเฉิงเต้าก็ดูสงสัย เป็นนิ่งจองเป่าโทรมา

“ฮัลโหล สวัสดีน้องนิ่ง ทำไมมีเวลาโทรหาผมล่ะ มีเรื่องอะไร”หวางเฉิงเต้าพูดอย่างเกรงใจมาก

ถึงแม้นิ่งจองเป่าจะไว้หน้าเขา ยกมือขึ้น แต่ เขาไม่มีทางกล้าเอานิ่งจองเป่ามาเป็นคนระดับเดียวกันได้

ยังไงนิ่งจองเป่าก็เป็นหัวหน้าครอบครัวของตระกูลนิ่งแห่งตี้จิง คุณท่านตระกูลนิ่งเป็นบุคคลต้นๆ เป็นคนใหญ่โตที่รวยหลายแสนล้านอยู่ในมือ ถ้าไม่ใช่ว่าตอนนั้นรักษาน้ำใจ ตระกูลหวางเล็กๆอย่างนั้นจะตามไต่ขึ้นมาได้อย่างไร?

“หวางเฉิงเต้า คุณอยากตายเหรอ?”ที่ปลายสาย น้ำเสียงของนิ่งจองเป่าดูซีเรียส

“ไม่ใช่เหรอ?น้องนิ่ง ไม่สิ หัวหน้าครอบครัวนิ่ง ผมได้ทำอะไรขัดใจคุณเหรอ?”หวางเฉิงเต้าถามอย่างระวัง ถูกน้ำเสียงของนิ่งจองเป่าทำให้ตกใจ

ที่ปลายสาย นิ่งจองเป่าทั้งข่มขู่และคุกคามใส่หัวไปโครมๆ แทบอยากจะบินมาจากตี้จิงจัดการหวางเฉิงเต้าให้ตาย

หวางเฉิงเต้ารับสาย สีหน้าซีดขาว เหงื่อไหลที่หน้าผาก ทั้งตัวสั่นไปหมด เหมือนได้ยินเรื่องอะไรที่น่ากลัว

ปัก!

หวางเฉิงเต้ามืออ่อน โทรศัพท์ตกไปที่พื้น กระตุกไปทั้งตัว ไถลลงจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว อ่อนปวกเปียกไปที่พื้น ตาทั้งคู่เหม่อลอย สีหน้าดูแย่เหมือนกับพ่อแม่เสีย

เขามองด้วยสายตาเย็นชาหลินอิ่ง ใจเต้นเร็วผิดปกติ รู้สึกเหมือนฟ้าแทบถล่ม

“หลินอิ่ง……ไม่สิ!ท่านหลิน ท่านหลิน!”หวางเฉิงเต้าคุกเข่าลง ก้มหัวไปที่หลินอิ่งอย่างบ้าคลั่ง ดังปังปัง“ขอร้องล่ะ ท่านหลิน ผมผิดเอง เหลือให้ตระกูลหวางสักคนนะ!อย่าทำลายทั้งตระกูลหวางจนหมด!”

ใบหน้าหวางเฉิงเต้าเต็มไปด้วยความเสียใจ หวาดกลัว และตกใจหมด!

“นี่คือ?”

คนของตระกูลหวางที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตะลึงอยู่ตรงนั้น ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมพอคุณท่านรับสาย ถึงได้กลายเป็นแบบนี้?จู่ๆก็ก้มหัวให้ไอ้สวะหลินอิ่ง?

คนของตระกูลหวาง ต่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

“คุณปู่ เป็นอะไรไป?ทำไมต้องขอร้องไอ้สวะหลินอิ่งด้วย?”หวางจื่อเหวินถามอย่างไม่เข้าใจสุดๆ

“อย่าเรียกผมว่าปู่ คุณมันเป็นสัตว์เดรัจฉาน ทำทุกอย่างพัง คุณคือความอัปยศของตระกูลหวาง คุณไม่ใช่คนของ ตระกูลหวางของเราอีก!”

จู่ๆหวางเฉิงเต้าก็โมโหจัด โกรธจนเต้นเร่าๆ เข้าไปคว้าหวางจื่อเหวิน ตบใส่สองสามที ตบตีจนจมูกหวางจื่อเหวินเลือดไหล สายตาเต็มได้ด้วยความน่ากลัว

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท