ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่133 ที่แท้คุณก็คือพี่ชายฝั่งแม่

บทที่133 ที่แท้คุณก็คือพี่ชายฝั่งแม่

บทที่133 ที่แท้คุณก็คือพี่ชายฝั่งแม่

กลุ่มสาวๆบ่นอุบอิบถกเถียงกันไม่หยุด พวกบอดี้การ์ดพวกนั้นมองตรงหน้าประตูต่างประหลาดใจ หมายความว่าไง พวกคนรวยพวกนี้ ปกติสูงส่งโอหัง ตามองไปบนฟ้า เห็นใบหน้าท่านอิ่ง ก็กลายเป็นมีคุณธรรมแบบนี้?

เห้อ ถ้าพวกเขาดีเหมือนท่านอิ่งได้ก็คงดี ยังจะกลัวอะไรอีก?คนรวยอันดับหนึ่งที่หนุ่มที่สุด!

สามนาทีกว่าถัดมา

หยูจื๋อเฉิงขับรถไปที่จื่อหลงซาน หลินอิ่งเพิ่งลงจากรถ ก็เห็นสาวสวยอยู่ไกลๆ

“เกิดอะไรขึ้น?ท่านอิ่ง ผู้หญิงพวกนี้คงไม่สะกดรอยตามมาหรอกนะ?”หยูจื๋อเฉิงมึนงง จำได้ว่านี่คือสาวๆลูกเศรษฐีที่อยู่หน้าประตูอาคารเจ๋อเฉิงเมื่อกี๊

หยูจื๋อเฉิงยืนมือไปลูบขมับ ปวดหัวจริงๆ ผู้หญิงบ้าขึ้นมาลำบากจริงๆ ถ้าเป็นกลุ่มผู้ชายล่ะก็ จัดการไปได้เลย แล้วยังกล้าสะกดรอยตามมาอีก ทำซะจนพ่อแม่ยังไม่รู้จัก

แล้วนี่ก็ไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไปอีก ต่างเป็นลูกคนรวยทั้งนั้น อย่างน้อยนั่นก็เป็นครอบครัวชั้นต้นๆของตี้จิง ถึงแม้สถานะของตัวเองจะสูงขึ้นตามเพราะท่านอิ่ง แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไปไล่สาวๆกลุ่มนี้ที่คลั่งไคล้ท่านอิ่ง

“ท่านอิ่ง ท่านคิดว่าไง?หรือว่าให้ผมไปไล่พวกเธอออก แล้วแจ้งความ?”หยูจื๋อเฉิงถามอย่างสงสัย“หรือว่าทักทายพวกเธอ?กินข้าวสักมื้อ?”

หยูจื๋อเฉิงไม่กล้าขยับ แล้วก็มองไม่ออกว่าท่านอิ่งคิดอย่างไร ถ้าท่านอิ่งมองคนใดคนหนึ่งในนี้ แล้วตัวเองดันไปไล่ ไม่ใช่ว่าเป็นการฆ่าตัวเองหรือไง

หลินอิ่งมองด้วยใบหน้าไร้อารมณ์

แล้วจึงพบว่า จู่ๆกงซุนชิวอวี่ก็อยู่ในฝูงคนด้วย?

พวกเธอมาทำอะไรที่จื่อหลงซาน?

คิดๆดูแล้ว ก็ถูก ต่างเป็นลูกสาวคนรวยอันดับต้นๆของตี้จิง ส่วนกงซุนชิวอวี่ก็คือคนของตระกูลกงซุนตระกูลผู้ดีที่ใหญ่โต คุณท่านในบ้าน ส่วนใหญ่มีสิทธิ์เข้าได้อยู่แล้ว

“คุณกลับไปก่อนละกัน แล้วก็จัดเครื่องบินส่วนตัวให้ผมคืนนี้ทันที”หลินอิ่งพูดอย่างซีเรียส

ในธุรกิจของตระกูลฉี มีบริษัทสายการบินแห่งหนึ่ง

“ครับ ท่านอิ่ง!”หยูจื๋อเฉิงพูดอย่างซีเรียส

หลินอิ่งไม่พูดมากอีก เดินไปที่ตัวกั้นเขตด้านนอกของจื่อหลงซาน

เวลานี้ จู่ๆกงซุนชิวอวี่ก็เห็นหลินอิ่ง ดันแว่น พูดติดตลก:“นี่?คุณมาทำอะไรที่นี่?คงไม่มาหาฉันที่นี่โดยเฉพาะหรอกนะ อยากให้ฉันช่วยหางานดีๆให้คุณ ก็โทรมาสิ อายเหรอ อยากเล่นเฉยๆ?”

เธอพูดออกไป เพื่อนสนิทรอบๆตัวก็อ้าปากตาค้าง มองหลินอิ่ง

หลินอิ่งหัวเราะ ไม่พูดอะไร หมุนตัวเข้าไปในจื่อหลงซาน

“คุณ คุณเข้าไปในจื่อหลงซานได้ไง?”กงซุนชิวอวี่มองแผ่นหลังหลินอิ่งอย่างสงสัย เธอไม่เข้าใจ ผู้ชายคนนี้มีคุณสมบัติเข้าจื่อหลงซาน?ปกติเขานั่งรถแท็กซี่นี่ แต่งตัวก็เหมือนนักเรียนมอปลาย

หรือว่า เขาก็เป็นลูกหลานคนรวยสักตระกูลหนึ่ง?แล้วยังกล้าเมินตัวเองอย่างหยิ่งผยอง กลับไปต้องสอบถามสืบสวนสักหน่อย สืบหาความเป็นไปเป็นมาของผู้ชายคนนี้ จากนั้นก็กดดันคนในบ้านเขา มาเป็นครูวัฒนธรรมโบราณอย่างสุจริต

กงซุนชิวอวี่ทำเสียงฮึดฮัดใส่ ไม่พอใจมาก เตรียมเข้าไปจื่อหลงซานเพื่อดูหลินอิ่งเข้าไปที่รักษาตัว

“ชิวอวี่ ถึงนั่นจะเป็นพี่ชายฝั่งแม่คุณ คุณก็พูดกับพี่ชายฝั่งแม่แบบนี้ไม่ได้นะ?”ผู้หญิงสวมกระโปรงฟ้าท่าทางมีมาดพูดอย่างไม่พอใจ

“ใช่สิ ชิวอวี่ ถึงพี่ชายฝั่งแม่ค่อนข้างเอาใจคุณ นั่นก็เพราะนิสัยดี คุณต้องรู้จักตอบแทนบุญคุณ ลองคิดดู พี่ชายฝั่งแม่คุณแค่คืนเดียวก็จัดการตระกูลเหวินราบเรียบ เก่งกาจแค่ไหน แล้วยังให้คุณพูดจาเย่อหยิ่งใส่แบบนี้ ต่อไปก็ระวังหน่อย”ผู้หญิงอีกคนช่วยพูด

พวกเธอต่างเหมือนกับเป็นแฟนที่คลั่งไคล้ของฉีหยิ่นบุคคลในตำนาน ไม่ทันตระหนักว่า หลินอิ่งไม่รู้จักพวกเขา

“พวงกคุณพูดอะไรน่ะ?พี่ชายฝั่งแม่อะไร?”กงซุนชิวอวี่รู้สึกแปลกๆ เพื่อนสนิทกลุ่มนี้ของเธอเป็นอะไรกันไป?ทำไมถึงช่วยคนแปลกหน้าพูด

“ไม่ใช่ว่าพวกคุณชอบผู้ชายคนนั้นหรอกนะ?บ้าขนาดนี้เชียว?”กงซุนชิวอวี่มองเพื่อนสนิทที่หน้าตาสวยงามข้างๆหลายคน มองแผ่นหลังที่สวมเชิ้ตขาว ในใจรู้สึกละอายใจ

“ใช่ ทำไม ชิวอวี่ รีบเอาช่องทางติดต่อเขามาให้ฉันสิ”

“ฉันก็จะเอาเบอร์โทร”

“พวกคุณประสาทหรือเปล่า ฉันไม่มีช่องทางติดต่อของเขา”กงซุนชิวอวี่ทำเสียงฮึดฮัดใส่ รู้สึกโกรธ ดูตลก

“ฉันจะไปดูคุณตาฉันหน่อย แล้วพวกคุณจะให้ฉันเอาเบอร์ของพี่ชายฝั่งแม่อะไรนั่น ฉันไม่รู้จักพี่ชายฝั่งแม่ที่คุณพูดถึงเลยด้วยซ้ำ แล้วก็จะเอาเบอร์ของผู้ชายคนนี้อีก พวกคุณกำลังมีความรักเหรอ?”กงซุนชิวอวี่พูดอย่างไม่พอใจ

“ชิชิ ชิวอวี่คุณนี่จริงๆเลย แค่นี้ก็ไม่ช่วย?”

“ก็แค่ช่วยถามเบอร์ก็ไม่ให้ เกินไปแล้ว เสียดายที่รู้จักมาตั้งนานหลายปี”

“คุณคงไม่ได้ชอบพี่ชายัวเองหรอกใช่ไหม?”ผู้หญิงหลายๆคนกระซิบกระซาบ สายตามองไปที่กงซุนชิวอวี่อย่างริษยา

กงซุนชิวอวี่หมดคำพูด เข้าไปในจื่อหลงซานโดยไม่หันมามอง

เธอไม่เข้าใจจริงๆ ตัวเองเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ทำไมเพื่อนสนิทตอนเด็กที่ตี้จิงกลุ่มนี้ ถึงให้เธอแนะนำแฟนให้?ทำบ้าอะไร แต่ละคนก็ไม่ใช่ว่าไม่สวยหรือจน เป็นลูกเศรษฐีทั้งนั้น อยากได้แฟนสักคนก็ไม่ง่าย คนข้างนอกต่อคิวกันยาวอยู่

กงซุนชิวอวี่เดินไปก็ทำฮึดฮัดใส่ไป ตอนที่พวกเธอกำลังเยาะเย้ยตัวเอง ในใจก็รู้สึกโมโหอยู่เล็กน้อย

ในห้องพักฟื้นของฉีเวิ่นติ่ง

หลินอิ่งกับฉีเวิ่นติ่งนั่งดื่มชา คุยกันอยู่พักหนึ่ง

“อิ่งเอ๋อเรื่องที่คุณจัดการตระกูลเหวินนี้ ผมก็จะไม่ถามมากแล้ว อนาคต วางแผนอย่างไร?”ฉีเวิ่นติ่งพูดด้วยรอยยิ้มที่ใบหน้า ชิมชาดำ

“ผมไม่อยู่ตี้จิง อนาคต ก็จะมาเยี่ยมคุณปู่”หลินอิ่งพูดอย่างจริงจัง

เรื่องของตระกูลเหวินไม่ธรรมดาเลย เขาคงไม่คิดว่า ตระกูลเหวินออกจากตี้จิง ตัวเองก็จะไม่มีเรื่องทุกข์ให้กังวลแล้ว

กลับกัน เขม่าควันปืนที่แท้จริง เพิ่งเริ่มต่างหาก……

“ออกไปจากตี้จิงก็ดี อยู่ข้างนอกก็ดูแลตัวเองดีๆ”ฉีเวิ่นติ่งพยักหน้าหน่อยๆ รู้ว่าหลินอิ่งจะต้องมีความลับมากมายแน่ แต่เรื่องของวัยรุ่น ไม่จำเป็นต้องถามมาก

วัยรุ่น ต่างก็มีทางของตัวเองทั้งนั้น

“อือ งั้นคุณปู่ ผมกลับก่อนครับ บินคืนนี้”หลินอิ่งพูดอย่างซีเรียส

“ไปเถอะ อยู่ข้างนอกก็ดูแลตัวเองดีๆ”ฉีเวิ่นติ่งลุกขึ้นพูด

คนแก่กับคนหนุ่ม ค่อยๆเดินออกไปจากโซนพักฟื้นตัว

หลินอิ่งโบกมือลาฉีเวิ่นติ่ง ออกไปจากโซนฟื้นตัว เวลานี้ กงซุนชิวอวี่เข้ามาพอดี มองหลินอิ่งด้วยใบหน้าสงสัย

หลินอิ่งขมวดคิ้วหน่อยๆ และก็รู้สึกสงสัย ทำไมกงซุนชิวอวี่มาที่โซนวิลล่าของคุณปู่ได้?แต่ ก็ไม่ถามอะไรมาก เดินออกไปจากจื่อหลงซาน

“คุณตา ท่านรู้จักคนนั้นเหรอ?”กงซุนชิวอวี่ไปตรงหน้าฉีเวิ่นติ่ง ถามอย่างสงสัย

ฉีเวิ่นติ่งหัวเราะ พูด:“คุณจำไม่ได้เหรอ?เขาก็คือฉีหยิ่นพี่ชายฝั่งแม่คุณไง”

“ฉีหยิ่นพี่ชายฝั่งแม่?”สายตากงซุนชิวอวี่ตกตะลึง ในหัวรู้สึกมึนงง

เขาคือฉีหยิ่น?ทำไมจำไม่ได้นะ!

กงซุนชิวอวี่สงสัยไปหมด เธอได้ยินว่าฉีหยิ่นกำจัดตระกูลเหวินราบเรียบ เป็นเรื่องช็อกสนั่นของประเทศหลุง ถูกเรียกว่าคนรวยที่หนุ่มที่สุดในประเทศหลุง เป็นวัยรุ่นที่มีความสามารถที่สุด เป็นไอดอลในตี้จิงที่พวกวัยรุ่นนับถือไม่ถ้วน ก็ยิ่งเป็นคนที่สาวๆวัยรุ่นคลั่งไคล้มากเท่านั้น

แต่ ฉีหยิ่นที่เล่าลือกันนั้น ดันเป็นผู้ชายที่ดูเหมือนนักเรียนมัธยมปลาย?

“คิดไม่ถึงสินะ?”ฉีเวิ่นติ่งหัวเราะ

กงซุนชิวอวี่เบะปาก พึมพำ“ที่แท้คุณก็คือพี่ชายฝั่งแม่”

“คุณตา ฉีหยิ่นพี่ชายฝั่งแม่เขาไปไหนคะ?”กงซุนชิวอวี่ถาม เธอต้องตามหาฉีหยิ่นพี่ชายฝั่งแม่แล้วพูดให้ชัดเจน ไม่ว่าเขาไปไหน!

“เขาไปจากตี้จิงแล้ว ไปไหนผมก็ไม่รู้ คุณไปถามหยูจื๋อเฉิงได้ เขาคือตัวแทนอิ่งเอ๋อที่ตี้จิง”ฉีเวิ่นติ่งพูด

……

ตกดึก หลินอิ่งนั่งอยู่บนเครื่องบินส่วนตัวไปเมืองตุงไห่

เขาหลับตาทำสมาธิ คิดออกแล้ว กงซุนชิวอวี่เหมือนจะเป็นหลานสาวของคุณท่าน

ตอนตัวเองเป็นเด็ก เคยเล่นกับเธอจริงๆ แต่แค่ ตอนอยู่ที่ตระกูลฉี ก็ลืมแทบหมดแล้ว ตอนนั้นก็จำชื่อนี้ไม่ออก

ตี้จิงจบแล้ว แต่ เรื่องเริ่มซับซ้อนขึ้นแล้ว ……

หลินอิ่งมองไปที่ดินแดนอันกว้างใหญ่ภายใต้เครื่องบิน สายตาค่อยๆลึกซึ้ง

เวลานี้ เมืองชิงหยูน ที่วิลล่าหิมะมังกร

จางฉีโม่พักรักษาตัวอยู่ที่วิลล่าอยู่หลายวัน กำลังออกไปจากวิลล่า เตรียมไปพูดคุย

แต่จู่ๆ รถหลายสิบคันก็ล้อมรอบเข้ามา บอดี้การ์ดสวมสูทสิบกว่าคนก็ลงมา ไม่พูดอะไร ก็พุ่งเข้ามาเอาตัวไปเล

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท