ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่ 202 รับรู้แค่เรื่องเงิน

บทที่ 202 รับรู้แค่เรื่องเงิน

บทที่ 202 รับรู้แค่เรื่องเงิน

“สองสาวเซียวซวนได้นำคำพูดของคุณชายใหญ่เซียวมาบอกแล้ว ให้ครอบครัวของเราสองล้าน ให้คุณออกห่างจากหวางหงหลิงไกลๆหน่อย” ลู่หย่าฮุ่ยกล่าวอย่างเคร่งขรึม “นอกจากนี้ ฉันรู้สึกว่า คุณก็ควรออกห่างจากฉีโม่ด้วย มิฉะนั้นคุณอาจจะทำให้บริษัทล้มละลายได้ คนอื่นพูดว่า ขอแค่คุณหย่ากับฉีโม่ ก็จะไม่ถูกบริษัทเครื่องประดับจางซื่อบีบออก”

จางซิ่วเฟิงกล่าวด้วยท่าทางจริงจัง “ถูกต้อง หลินอิ่ง เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ฉีโม่ต้องทำงานหนักเพื่อได้นั่งตำแหน่งประธานกรรมการ จะให้คุณทำร้ายเขาไม่ได้ และคุณก็หน้าไม่อายจริงๆ เป็นผู้ชายแท้ๆแต่กลับอยากกินข้าวนิ่ม จนมีคนมาหาถึงบ้าน ช่างน่าอายจริงๆ”

หลินอิ่งมองลู่หย่าฮุ่ยคู่สามีภรรยา ไม่รู้จะตอบอะไร

ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ลู่หย่าฮุ่ยคู่สามีภรรยาก็ไม่เคยปฏิบัติต่อเขาในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัว คนนอกพูดอะไรก็เชื่อว่าเป็นเช่นนั้น แน่นอน นอกจากนี้ยังเห็นแก่เงินที่คนอื่นให้

ต้องบอกว่า เซียวจวงเก่งจริงๆใช้เงินมาซื้อใจคน

สองล้านสำหรับตัวเองถือว่าไม่มาก แต่สำหรับลู่หย่าฮุ่ยคู่สามีภรรยา ยิ่งเอาเงินสดมาวางตรงหน้า มันมีแรงกระตุ้นมากกว่าตัวเลขที่อยู่ในบัญชี มากกว่าเยอะ

“หลินอิ่ง ฉันรู้ว่าคุณต้องไม่ยินดีออกห่างฉีโม่ อย่างไรก็ตามพวกเราได้ประกาศให้คนนอกรู้แล้วว่า คุณไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับครอบครัวของเรา” ลู่หย่าฮุ่ยกล่าวอย่างเด็ดขาด

ก่อนที่เซียวซวนมา ลู่หย่าฮุ่ยกับจางซิ่วเฟิงก็มีการพูดคุยกันแล้ว ได้มีการตัดสินใจแล้ว

หลินอิ่งหายนะนี้จะต้องถูกขับออกไป สร้างแต่ปัญหา กล้ามีปัญหากับคนระดับคุณชายใหญ่เซียว นั่นคือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของลาตินกรุ๊ปเชียวนะ

พวกเขารู้ว่าก่อนหน้านี้ลูกสาวได้รับความช่วยเหลือจากการลงทุนของเจียงฉีไห่หยางกรุ๊ป ถึงได้นั่งตำแหน่งประธานกรรมการ ครั้งนี้บริษัทถูกคุณชายใหญ่เซียวกดขี่ คนเขาอุส่าห์ส่งเงินมาถึงหน้าบ้านด้วยตัวเอง และพูดจาดีๆทันที เพียงแค่รอฉีโม่ไปสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณชายใหญ่เซียว

“นอกจากนี้ หลินอิ่ง คุณอย่ามาแนะนำเพื่อนเลวข้างนอกให้กับฉีโม่รู้จักอีกเลย เหมือนเจียงฉีคนนั้น

นั่นคือล้วนเป็นเพื่อนที่คุณได้จากการเกาะผู้หญิงกิน ฉันรู้สึกอับอายมาก” ลู่หย่าฮุ่ยกล่าวด้วยความรังเกียจ “ลูกรัก วันนี้ฉันได้คุยกับเซียวซวนก็คุยกันได้ดี ต่อไปติดต่อกับเซียวซวนและเซียวจวงมากๆหน่อยนะ เพื่อนเช่นนี้ถึงจะพึ่งพาได้”

คำบอกเล่า หลินอิ่งขมวดคิ้ว ถามว่า “ฉันแนะนำเจียงฉีให้ฉีโม่ได้รู้จัก ก็ไม่ใช่การลงทุนให้ฉีโม่เหรอ คุณว่าเพื่อนเป็นเพื่อนเลว”

เจียงฉีตอนนี้ถูกยิงนอนอยู่ที่โรงพยาบาล ตอนนี้ลู่หย่าฮุ่ยคู่สามีภรรยากลับหน้าไม่รู้จักเขาแล้ว เมื่อก่อนยังเรียกประธานเจียง คำพูดดังกล่าวฟังดูรุนแรงจริงๆ

“เช่นนี้ไม่ใช่เพื่อนเลวหรือ ลงทุนมีประโยชน์อะไร อีกไม่นานบริษัทของเขาก็จะล้มละลายแล้ว นั่นก็เป็นเพราะเจียงฉี ทำให้บริษัทของลูกสาวฉันก็เกือบจะล้มละลายไปด้วย” ลู่หย่าฮุ่ยกล่าวอย่า

ไม่เกรงใจ “ทุกอย่างเป็นความผิดของคุณหลินอิ่ง กาเข้าฝูงกา หงส์เข้าฝูงหงส์นั่นเอง รู้จักแต่พวกคนที่เชื่อถือไม่ได้ และนี่ยังเป็นความสัมพันธ์ที่คุณได้รับเพราะหวางหงหลิง เชื่อถือได้ที่ไหน ความหายนะ” หลินอิ่งส่ายหน้าซ้ำๆ รับรู้เงินเท่านั้นจริงๆ

จะบอกว่าลู่หย่าฮุ่ยคู่สามีภรรยาโง่เหรอ แต่ก็ฉลาดมาก ความเฉลียวฉลาดในเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งมีเยอะ บริษัทฉีโม่เกิดเรื่อง เซียวซวนมา พวกเขาคู่สามีภรรยาก็คิดได้ว่าจะต้องรีบกอดขาของเซียวจวงลาตินกรุ๊ปไว้ทันที จะต้องไปสานสัมพันธ์ แต่ว่าเห็นแค่ประโยชน์เพียงเล็กน้อยที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น

“เอาล่ะ คุณพ่อคุณแม่ เรื่องของบริษัทพวกคุณไม่ต้องสนใจ ฉันกับหลินอิ่งจะคิดหาวิธีเอง” จางฉีโม่กล่าวอย่างเบื่อหน่าย

“พวกเราไม่สนใจ แล้วใครจะกล้ามาสนใจ คุณยังจะฟังหลินอิ่งอีก เขาจะมีวิธีอะไรได้ ก็แค่รู้จักไม่กี่คนจากการเกาะผู้หญิงกิน” ลู่หย่าฮุ่ยกล่าวด้วยความรังเกียจ “คุณต้องฟังฉัน ฉันได้ไปถามเบอร์โทรของคุณชายใหญ่เซียวจวงมาให้คุณแล้ว พรุ่งนี้เชิญเขาออกมาทานข้าว และนอกจากนี้ยังมี คุณไม่ต้องพูดถึงเซียวจวงที่มาหาคุณวันนี้ คุณสมบัติประจำตัวไม่ดี สิ่งที่คุณชายใหญ่เซียวพูดไม่มีอะไรผิดปกติ เป็นเพราะคุณคิดมากไปเอง”

จางฉีโม่กลั้นจนหน้าแดง อยากจะหักล้างแต่ก็ไม่มีแรง

เธอถูกพ่อแม่เตือนทันทีที่กลับถึงบ้าน รับเงินของคนอื่นมาแล้ว พูดตลอดว่าคุณชายใหญ่เซียวจวงดีอย่างไร บอกพวกเขาแล้วว่าวันนี้เซียวจวงทำตัวเกลียดแค่ไหน ยังจะเข้าข้างเขาอีก พูดกันไม่รู้เรื่องเลย

“หลินอิ่ง ขึ้นไปชั้นบนสิ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” จางฉีโม่กล่าวอย่างจริงจัง

“ลูกรัก พูดกับหลินอิ่งให้เข้าใจ ครั้งนี้เรื่องของบริษัทไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ ต้องคิดถึงอนาคตของคุณด้วย” ลู่หย่าฮุ่ยว่ากล่าวสั่งสอน และนับเงินอย่างมีความสุข

หลินอิ่งมองดูลู่หย่าฮุ่ยคู่สามีภรรยานับเงินอย่างมีความสุข ส่ายหน้าซ้ำๆ ไม่ได้สนใจลู่หย่าฮุ่ยคู่สามีภรรยาอีก หันหลังแล้วขึ้นไปชั้นสาม จางฉีโม่ก็ตามหลังไปด้วย

เมื่อถึงระเบียงชั้นสาม หลินอิ่งกับจางฉีโม่นั่งตรงโต๊ะน้ำชา หลี่ผูรินชาสองถ้วยอย่างเงียบ ๆ

“หลินอิ่ง ฉันคุยกับคุณพ่อคุณแม่แล้ว พวกเขาไม่ฟังเหตุผลเลย……” จางฉีโม่พูดด้วยสีหน้าที่เบื่อหน่าย “สิ่งที่พวกเขาพูด ไม่ใช่ความหมายของฉัน คุณก็อย่าเอามาใส่ใจเลย พวกเขามักจะให้ความสำคัญกับวัตถุ……..”

หลินอิ่งพยักหน้าเล็กน้อย กล่าวอย่างจริงจังว่า “ฉันเข้าใจ ฉันไม่สนใจสิ่งที่พวกเขาพูด แต่ฉีโม่ คุณอย่าไปฟังคำพูดเหล่านั้น อย่าไปติดต่อกับเซียวจวง คนคนนั้นเป็นคนสติฟั่นเฟือน ฉันจะจัดการกับเขาเอง”

“ฉันรู้แล้ว” จางฉีโม่พยักหน้า ถามอย่างเป็นห่วง “วันนี้คุณไม่เจอเรื่องอะไรใช่ไหม เซียวจวงบอกว่าจะทำร้ายคุณ ได้ลงมือกับคุณแล้วใช่หรือไม่”

“ไม่มีอะไร เขาทำอะไรฉันไม่ได้” หลินอิ่งพูดเบาๆ “นอกจากนี้ ที่ฉันมาในวันนี้ก็เพื่อบอกเรื่องของบริษัทกับคุณ เมื่อเร็วๆนี้ ให้คุณอยู่แต่ในวิลล่าหิมะมังกรไม่ต้องออกไปไหน รอให้ฉันจัดการกับสถานการณ์ให้เรียบร้อย”

“คุณมั่นใจไหม ฉันได้ยินมาว่าไห่หยางกรุ๊ปเกิดเรื่องแล้ว…….” จางฉีโม่ถาม

แม้จะรู้ว่าหลินอิ่งมีความสามารถมาก แต่เธอก็ยังเป็นกังวล แม้แต่มหาเศรษฐีตุงไห่เจียงฉี ได้ยินมาว่านอนอยู่ในโรงพยาบาลแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้วนะ

หลินอิ่งยิ้ม แล้วกล่าวว่า “ไม่ต้องกังวล คุณกังวลนี่ กังวลนั่น แต่ไม่กังวลจางซื่อกรุ๊ป นั่นคือทรัพย์สินของคุณนะ”

“ไม่เห็นมีอะไรต้องกังวลเลย อย่างมากก็แค่บริษัทล้มละลาย” จางฉีโม่กล่าว “ไม่มีบริษัท ใช่ว่าจะใช้ชีวิตต่อไปไม่ได้”

หลินอิ่งพยักหน้า ลุกขึ้นแล้วกล่าว “จำคำพูดของฉันไว้ ช่วงนี้ไม่ต้องไปบริษัทแล้ว ให้อยู่ในวิลล่าหิมะมังกรเท่านั้น”

พูดจบ หลินอิ่งเรียกหลี่ผูมา “เหล่าลี่ ทุกวันต่อจากนี้ให้คุณอยู่กับฉีโม่ตลอดเวลา ถ้ามีอะไร ก็โทรหาฉันทันที เข้าใจไหม”

“ตกลง คุณชาย ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะดูแลความปลอดภัยของนายหญิงให้ดีที่สุด” หลี่ผูกล่าวด้วยความเคารพ สีหน้าจริงจัง

อยู่ที่ตี้จิงมาหลายปี เหตุการณ์ใหญ่แค่ไหนก็เจอมาแล้ว เขารู้ดีว่าสภาพของเมืองชิงหยูนในตอนนี้ รู้ว่าคุณชายกำลังประสบกับปัญหา

ครั้งนี้ เขาไม่กังวลเหมือนเมื่อก่อน แม้แต่ตี้จิงที่มีอันตรายมากคุณชายก็ผ่านมาแล้ว แค่สมาคมต่างประเทศ จะทำอะไรได้

หลินอิ่งพยักหน้า หลังจากทักทายฉีโม่แล้ว ก็ลงไปชั้นล่าง

ฝีมือของหลี่ผูไม่ธรรมดา มีเขาอยู่ข้างๆฉีโม่ ตัวเองก็สามารถไปทำงานได้อย่างสบายใจ

หลินอิ่งยังเดินไม่ถึงหน้าประตู ลู่หย่าฮุ่ยพูดขึ้นกะทันหัน พูดอย่างรังเกียจว่า “หลินอิ่ง คุณออกไปครั้งนี้ ต่อไปก็อย่าได้กลับมาอีก อย่ามายุ่งกับลูกสาวของฉันอีก เข้าใจไหม”

หลินอิ่งยิ้มอย่างเย็นชา เดินออกจากวิลล่าหิมะมังกร

โรลส์-รอยซ์ แฟนเธอมของเสิ่นซานยังจอดรออยู่ข้างทาง ยังมีรถที่คุ้นเคยหนึ่งคันอยู่ไม่ไกล

บูกัตติ เวย์รอน

หวางหงหลิงสวมเสื้อโค้ท พิงประตูรถด้านข้าง มองตัวเองในแนวนี้ ตามมาด้วยชายชุดดำไอ้หกกับไอ้เจ็ด

“ฉันรอคุณมานานมาก” หวางหงหลิงกล่าว

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท