ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่ 213 พวกคุณบูชาผิดคนแล้ว

บทที่ 213 พวกคุณบูชาผิดคนแล้ว

บทที่ 213 พวกคุณบูชาผิดคนแล้ว

“ดูให้ดี ๆ” หลินอิ่งกล่าวอย่างเรียบ ๆ พลางจุดบุหรี่ขึ้นมา

เสิ่นซานมองดูคณะกรรมการที่กำลังตกตะลึงพวกนั้น เขายิ้มเยาะหนึ่งครั้ง โครม! เขาโยนเอกสารในมือลงบนโต๊ะตรงหน้าของเหล่าคณะกรรมการ

“พวกคุณแหกตาดูให้ชัดเจนก่อนค่อยพูด!” เสิ่นซานกล่าวอย่างเย็นชา “จำไว้ เรื่องที่ลาตินกรุ๊ปทำได้ ท่านหลินก็สามารถทำได้เช่นกัน!”

“นี่มัน…” กรรมการผู้หญิงที่เอะอะโวยวายในก่อนหน้านี้ มองหลินอิ่งด้วยสีหน้าหวาดเกรง ในสายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

เอกสารและข้อมูลที่เสิ่นซานนำออกมานั้นเต็มไปด้วยพลังโจมตี ข้อมูลเหล่านี้สำหรับพวกเขาแล้ว ถือเป็นจุดอ่อนที่สามารถเอาชีวิตพวกเขาได้เลย

อีกอย่าง ข้อมูลพวกนี้พวกเขาได้มอบให้ลาตินกรุ๊ปไปแล้วนี่ ทำไมถึงไปตกอยู่ในมือของเสิ่นซานได้?

ในเรื่องราวที่ซับซ้อนนี้แท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

“ของพวกนี้ พวกคุณได้มันมาจากไหนกัน?” กรรมการคนหนึ่งถามด้วยท่าทางสั่นเทา พร้อมกับเหงื่อที่ไหลออกมาบนหน้าฝากของเขา

“คุณคิดว่ายังไงล่ะ?” เสิ่นซานถามกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อย่าคิดว่าผมไม่รู้ว่าพวกคุณกับลาตินกรุ๊ปแอบทำอะไรกัน ลาตินกรุ๊ปสั่งให้คนใช้กำลังบีบบังคับญาติ ๆ ของพวกคุณ พวกคุณไม่คิดหาวิธีต่อต้าน กลับเป็นสุนัขรับใช้พวกมัน? เพื่อผลประโยชน์เพียงน้อยนิด แม้แต่ศักดิ์ก็ไม่ต้องการแล้ว?”

“ข้อมูลพวกนี้ ผมยึดมาจากพวกมีฝีมือของลาตินกรุ๊ป” เสิ่นซานกล่าวอย่างเฉื่อยชา “ผมจะบอกพวกคุณให้นะ แค่พวกลาตินกรุ๊ปนั่น ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผมหรอก พวกคุณบูชาผิดคนแล้ว รู้ไหม?”

ในตอนที่เสิ่นซานพึ่งยึดเอกสารพวกนี้มาจากกลุ่มเฮยยิง และได้รับรู้แผนการปลุกระดมคณะกรรมการไห่หยางกรุ๊ปของพวกมัน เขาก็ตกใจมากเหมือนกัน เมื่อสิ่งของเหล่านี้วางอยู่ตรงหน้ามันช่างทำให้จิตใจสั่นสะเทือนเสียจริง ๆ

คนธรรมดาหลังจากที่ต้องเผชิญหน้ากับวิธีการข่มขู่ที่น่าหวาดกลัวของกลุ่มเฮยยิง จะทนได้ยังไง? ยังมีแรงดึงดูดจากเงินก้อนโตของลาตินกรุ๊ปอีก พวกผู้ถือหุ้นเหล่านี้จะต้องเปลี่ยนพรรคโดยไม่ต้องคิดอย่างแน่นอน

ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อคืนท่านหลินตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่จะกำจัดกลุ่มเฮยยิง ไห่หยางกรุ๊ปจะต้องแย่แน่ ๆ อีกไม่นานก็คงจะถูกกลืนกิน สูญเสียมหาศาล

เมื่อเห็นสถานการณ์ในวันนี้ ภายในใจของเสิ่นซานนับถือกลยุทธ์ของหลินอิ่งเป็นอย่างมาก ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ

ในขณะที่เสิ่นซานชี้แจงออกมา คณะกรรมที่อยู่ตรงนั้นล้นมีสีหน้าที่ทุกข์ระทม ทุกคนล้วนไม่เหลือความมีสง่าราศีเหมือนก่อนหน้านี้ ท่าทางเหมือนกับดอกไม่ที่เหี่ยวเฉา ทุกข์ทรมานจนพูดไม่ออก

“นี่ ท่านสาม ประธานหลิน พวกเรา… พวกเราถูกลาตินกรุ๊ปขู่บังคับ ไม่ได้ตั้งใจจะเป็นปรปักษ์กับพวกท่านทั้งสองจริง ๆ!” กรรมการคนหนี่งทนความกดดันไม่ได้ ขอโทษขอโพยด้วยน้ำเสียงหวาดผวา

ในเอกสารข้อมูลที่อยู่ตรงหน้า มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่สำคัญของเขาอยู่ เพียงแค่ลงมือเล็กน้อย ก็สามารถทำให้เขาล้มละลายโดยสิ้นเชิงได้

ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ยังมีข้อมูลส่วนตัวของเขาอีก ใครจะไปรู้ว่าเสิ่นซานจะเป็นเหมือนกับลาตินกรุ๊ปหรือไม่ ที่ทำเรื่องบ้าคลั่งอย่างลักพาตัวฆ่าปิดปากอะไรแบบนั้น

“ใช่แล้ว ท่านสาม ประธานหลิน พวกเราถูกพวกคนต่างชาติพวกนั้นบังคับขู่เข็ญจริง ๆ ในตอนนี้พวกท่านก็ได้รับรู้ความจริงแล้ว เป็นเพราะไม่มีทางเลือก! ปล่อยฉันไปเถอะ อย่าลงมือกับฉันเลยนะคะ!” กรรมการผู้หญิงคนหนึ่งกล่าวขอร้อง

“เหอะ” เสิ่นซานยิ้มเยาะอย่างเหยียดหยาม “ผมไม่ใช้วิธีสกปรกแบบลาตินกรุ๊ปหรอก เพียงแต่ว่า คนทรยศอย่างพวกคุณ อย่าหวังที่จะได้อยู่ที่ไห่หยางกรุ๊ปอีกต่อไป!”

“หา? นี่… ท่านสาม นี่มันเด็ดขาดเกินไปไหม?”

“ท่านสาม ประธานหลิน พวกเราไม่ได้มีความคิดอื่นเลยนะ เพียงแค่ไม่มีทางเลือกจริง ๆ”

คณะกรรมการที่อยู่ตรงนั้นรีบร้อนขอความเห็นใจ ในตอนนี้ไม่เหลือความมั่นใจเลยแม้แต่น้อย ถูกวิธีการของเสิ่นซานและหลินอิ่งทำให้หวาดผวาอย่างสิ้นเชิง อยู่ต่อหน้าสองคนนี้ พวกเขาไม่เหลือความลับอะไรแล้ว และยิ่งไม่มีความมั่นใจใด ๆ เลย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเอกสารพวกนี้ปรากฏออกมา ทำให้พวกเขาสูญเสียความเชื่อมั่นที่มีต่อลาตินกรุ๊ป

“เหอะ” เสิ่นซานยิ้มเยาะเสียงเย็นชา “เด็ดขาดเกิน? พวกกินข้างในปีนป่ายออกข้างนอก นกสองหัวอย่างพวกคุณ ยังอยากจะมีจุดจบที่ดีอีกเหรอ?”

“ท่านสาม อย่าพึ่งได้ใจเร็วจนเกินไป!” ลู่หยวนพลันกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น สีหน้าจริงจัง “ทุกท่าน อย่าได้ถูกเอกสารข้อมูลพวกนี้ทำให้ตกใจ พวกนี้สามารถพิสูจน์อะไรได้?”

“ท่านสาม ในเมื่อพูดถึงขนาดนี้แล้ว จะฉีกหน้ากัน งั้นผมจะพูดให้ชัดเจนตรงนี้เลย” ลู่หยวนกล่าวอย่างกำเริบเสิบสาน “พวกเราจะขึ้นเรือลำเดียวกันกับลาตินกรุ๊ปจริง ๆ แล้วยังไงเหรอ? พวกคุณขัดขวางลาตินกรุ๊ปได้เหรอ ไห่หยางกรุ๊ปปอยู่ได้อีกไม่กี่วันแล้ว!”

ถึงแม่จะตกใจกับเอกสารที่เสิ่นซานนำออกมา แต่ทว่าลู่หยวนไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย เขาได้เดิมพันทั้งหมดกับลาตินกรุ๊ปไปหมดแล้ว และไม่เชื่อว่าหลินอิ่งที่เสิ่นซานพามาเปลี่ยนแปลงอะไรได้

“ท่านสาม ท่านก็แค่ได้เอกสารข้อมูลพวกนี้มา ถึงได้รู้แผนการของลาตินกรุ๊ป แต่พวกคุณสามารถเปลี่ยนแปลงความจริงได้เหรอ? พลังที่แข็งแกร่งวางอยู่ตรงนั้น ยังไงไห่ยางกรุ๊ปก็สู้ลาตินกรุ๊ปไม่ได้! ทำไมพวกเราต้องเลือกกิจการที่กำลังจะล้มละลาย? แล้วไปปฏิเสธลาตินกรุ๊ปที่กำลังเจริญรุ่งเรือง?” ลู่หยวนกล่าวอย่างเย็นชา

“ทุกท่าน พวกคุณสบายใจได้ อย่าคิดว่าเสิ่นซานจะสามารถทำอะไรได้ ผมจะแจ้งกับนายเซียวจวง จะต้องปกป้องความปลอดภัยของพวกคุณอย่างแน่นอน เสิ่นซานทำอะไรพวกเราไม่ได้หรอก!”

ลู่หยวนหันหน้าไปยังกลุ่มผู้ถือหุ่นที่นั่งอยู่ กล่าวอย่างมั่นใจ

“ช่างกล้ามากจริง ๆ” เสิ่นซานจ้องมองลู่หยวนอย่างเย็นชา เขาโมโหเป็นอย่างมาก

คนคนนี้ตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะเป็นสุนัขรับใช้ให้ชาวต่างชาติพวกนั้น ทั้งยังจะดึงเอาคนอื่นไปช่วยมันชายชีวิต

“ทุกท่าน พูดจนถึงขนาดนี้แล้ว ฉีกหน้าซึ่งกันและกัน ก็ไม่มีอะไรต้องพูดอีกแล้ว” ลู่หยวนสีหน้าท่าทางเปิดเผย จัดเนกไท แล้วลุกขึ้นกล่าว “พวกเราไป กลับไปแล้วลงมือในทันที ขายไห่หยางกรุ๊ปแล้วแบ่งเงินกันก็เรียบร้อยแล้ว ยังต้องพูดอะไรกับพวกเขาอีก?”

ในสายตาของลู่หยวน ไม่จำเป็นที่จะต้องคุยอะไรกับขยะอย่างเสิ่นซานอีกแล้ว เพียงแค่ทำตามขั้นตอนที่เซียวจวงสั่งก็พอแล้ว เปลี่ยนเจ้าของของไห่หยางกรุ๊ป พวกเขาแค่รอรับเงินก็พอ

พลังของลาตินกรุ๊ปแข็งแกร่งแบบนั้น เสิ่นซานเป็นหัวมังกรแห่งเมืองตุงไห่แล้วยังไง? ก็เกือบถูกตีจนตายไม่ใช่เหรอ!

“ไป? แกคิดจะไปไหนเหรอ?” หลินอิ่งดับบุหรี่ จ้องมองลู่หยวนด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก

“ฉันอยากจะไปไหน แกยุ่งอะไรด้วย? เจียงฉีสนับสนุนแก เศษวะอย่างแกก็คิดว่าตัวเองเป็นคนที่มีระดับขึ้นมาแล้วเหรอ?” ลู่หยวนกล่าวอย่างไม่เกรงใจ เหยียดหยามโดยสิ้นเชิง “ฉันจะบอกพวกแกให้นะ ในอนาคตคเมืองตุงไห่จะกลายเป็นดินแดนของลาตินกรุ๊ป ฉันเป็นคนแรกที่เข้าร่วม ไม่ว่าจะเป็นเสิ่นซาน หรือเจียงฉี ฉันก็ไม่กลัวทั้งนั้น!”

หลินอิ่งยิ้มเยอะอย่างเหยียดหยาม เขาลุกขึ้นอย่างช้าๆ

เพียะ!!

หลินอิ่งสะบัดมือเข้าใส่หน้าของลูู่หยวนเต็ม ๆ หวดจนลู่หยวนตีลังกาลงไปกับที่ นอนอยู่บนพื้นโดยมีเลือดออกที่มุมปาก

“แก! แกจะทำอะไร? แกกล้าตีฉัน?” ลู่หยวนคำรามอย่างโมโห

“แกคิดว่าฉันไม่กล้าแตะต้องแกหรือยังไง?” หลินอิ่งแววตาเย็นยะเยือก ทันใดนั้นก็คว้าไปที่คอหอยของลู่หยวน “คริสสามารถให้คนใช้ปืนจ่อหัวแก ให้แกยอมเป็นหมารับใช้ได้ แกคิดว่าฉันทำไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”

“ฉัน…” ลู่หยวนอยากจะพูดอะไรบางอย่างอีก ทันใดนั้นเห็นมือที่ยื่นเข้าไปในกระเป๋าเสื้อด้านข้างของเสิ่นซาน เขารีบหุบปากในทันที สีหน้าหวาดกลัวขึ้นมา “ท่านสาม ประทานหลิน นี่… นี่… พวกคุณเอาจริงเหรอ?”

“คุกเข่า” เสิ่นซานมองดูลู่หยวนอย่างเย็นชา

โครม! ลู่หยวนไม่กล้าพูดอะไรอีก ก้มหน้าคุกเข่าลงในทันที สั่นเทาไปหมดทั้งตัว

หลินอิ่งส่ายหัว ไม่ให้พวกเขาได้สัมผัสจริง ๆ ก็คงไม่รู้ว่าตัวเองแซ่อะไรแล้ว

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท