ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่ 214 ทอดแห

บทที่ 214 ทอดแห

บทที่ 214 ทอดแห

“ประทานหลิน ท่านสาม นี่มัน… อย่าทำอะไรซี้ซั้วนะ พวกเราคณะกรรมการยินดีที่จะให้ความร่วมมือ!”

“ใช่ มีเรื่องอะไรค่อยพูดค่อยจากันก็ได้”

คณะกรรมการที่อยู่ตรงนั้นกล่าวด้วยความหวาดผวา สถานการณ์เช่นนี้ทำให้พวกเขาตกใจกลัว

พวกเขาไม่คาดคิดว่าหลินอิ่งที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน จะมีฝีมือร้ายกาจและทรงพลังเช่นนี้ ทั้งยังตรงไปตรงมากว่าวิธีการของลาตินกรุ๊ปเสียอีก

หลินอิ่งกล่าว: “พวกคุณทุกคน ตอนนี้อยู่ที่นี่ดี ๆ ให้ความร่วมมือกับผม หลังจากที่เรื่องราวสำเร็จลง อย่างน้อยอยู่ที่เมืองตุงไห่ผมยังพอจะเหลือข้าวไว้ให้พวกคุณกินบ้าง”

พูดจบ หลินอิ่งมองไปยังเสิ่นซาน แล้วกล่าวอย่างเรียบ ๆ : “ลู่หยวนสุนัขตัวนี้ เอาตัวมันไป จัดการกับทรัพย์สินของมันให้หมด ในเมื่อมันชอบทำงานให้พวกชาวต่างชาติ งั้นก็ส่งมันไปประเทศMซะ”

“หา? ประทานหลิน ท่านหลิน! ผม… ผม…” ลู่หยวนกล่าววิงวอน

ก่อนหน้านี้ยังสงสัยความสามารถของหลินอิ่ง ในตอนนี้เขาไม่กล้าที่จะสงสัยอีกแล้ว

หลินอิ่งบอกว่าจะทำให้เขาล้มละลายอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้เขาเชื่ออย่างสนิทใจแล้ว!

จะให้สิ้นเนื้อประดาตัว ล้มละลายและถูกทิ้งไปยังประเทศM จริง ๆ นั่นหมายความว่าเขาต้องเผชิญหน้ากับชีวิตที่เหมือนกับอยู่ในนรก

ลู่หยวนรู้ดี ที่นั่นเป็นประเทศที่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเงิน แม้แต่ตุลาการยังต้องใช้เงินทุนเพื่อใช้บริการ คนที่ไม่มีเงินอาศัยอยู่ที่นั่น เทียบไม่ได้แม้กระทั่งหมาจรจัด!

เพียะ!! เพียะ!!

ลู่หยวนยังอยากจะพูดต่อ ฝ่ามือของเสิ่นซานตบเข้าไปที่บ้องหูของเขาสองครั้ง ฟาดจนปากของเขาบวมขึ้นมา

ขณะเดียวกันนั้น หลิวจุนก็เดินเข้ามาลากเอาลู่หยวนออกไป

กรรมการที่เหลือนั่งประจำที่ไม่กล้าขยับ และไม่กล้าเอ่ยปากใด ๆ แต่ละคนเหมือนนั่งอยู่บนพรมเข็ม เคร่งเครียดแทบเป็นแทบตาย

เดิมทีพวกเขาคิดว่า หลังจากที่เสิ่นซานถูกลาตินกรุ๊ปมุ่งทำร้าย คงไม่ช่วยเจียงฉีที่นอนอยู่ที่โรงพยาบาลลงมือ ต่อให้ลงมือก็ไม่แน่ว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ วันนี้ดูแล้ว ดูเหมือนว่าเรื่องราวจะไม่ง่ายอย่างที่พวกเขาคิด

ท่าทางแบบนี้ หลินอิ่งที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันคนนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการที่จะช่วยเจียงฉีออกหน้า!

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าคนเศษสวะที่โด่งดังคนนี้ ทำไมถึงได้มีรังสีที่ร้ายแรงเช่นนี้ แม้กระทั่งบุคคลอย่างท่านเสิ่นซาน เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็เป็นได้เพียงแค่คนเสิร์ฟชากาแฟแค่นั้น

“ประทานหลิน เรื่องราวทั้งหมดท่านก็ได้ทราบแล้ว ครั้งนี้เป็นพวกเราที่สอนจระเข้ว่ายน้ำ ตอนนี้พวกเราตัดสินใจที่จะไม่ร่วมมือกับลาตินกรุ๊ป ท่านต้องการจะทำยังไง? ท่านบอกกับพวกเราได้ไหม” กรรมการคนหนึ่งเหงื่อไหลเต็มหน้าฝาก เอ่ยถามอย่างสั่นเทา

พวกเขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้หลินอิ่งต้องการจะทำอะไร ในมือของคนคนนี้กุมข้อมูลทางธุรกิจ และข้อมูลส่วนตัวของพวกเขาอยู่ ทั้งยังมีอิทธิพลที่แข็งแกร่ง หากต้องการจะเล่นพวกเขาให้ตายก็ง่ายเพียงนิดเดียว

หลังจากที่พวกเขาได้มีประสบการณ์ถูกกดขี่ข่มเหงจากอิทธิพลของลาตินกรุ๊ป ตอนนี้พวกเขากลัวจริง ๆ

อำนาจยิ่งใหญ่ความสามารถเหนือชั้นอย่างเช่นหลินอิ่ง ยิ่งไม่อาจที่จะล่วงเกินอย่างเด็ดขาด

“ง่ายนิดเดียว พวกคุณก็แค่ทำตามที่สัญญากับลาตินกรุ๊ปไว้ ตอบกลับคนที่ติดต่อของฝั่งนี้ ว่าพวกคุณได้เลือกให้ลู่หยวนเป็นประธานคนใหม่แล้ว ให้พวกมันเข้ามารับทรัพย์สินที่ไห่หยางกรุ๊ป” หลินอิ่งกล่าวอย่างเรียบ ๆ

ผู้ถือหุ้นที่อยู่ตรงนั้นมีสีหน้าข้องใจ แต่ก็ไม่กล้าถามอะไรมาก รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรติดต่อกับตัวแทนของลาตินกรุ๊ปทันที ทำตามที่หลินอิ่งพูด รายงานไปฝั่งนั้น

อีกด้านหนึ่ง ห้องผู้บริหารของลาตินกรุ๊ป

คริสถือซิการ์อยู่ในมือ พลางดื่มแชมเปญ บนใบหน้ามีแววได้ใจอย่างบอกไม่ถูก

ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูสองครั้ง เซียวจวงผลักประตูเข้ามา บนไปหน้าเต็มไปด้วยความได้ใจ พลางยกแชมเปญขึ้นมาดื่มสองอึก

“คริส คุณนี่มันยอดเยี่ยมจริง ๆ ความรู้ความสามารถแบบนี้มันสุดยอดไปเลย วันนี้ผมไปที่ไห่หยางกรุ๊ปมา พวกชั้นต่ำที่โง่เขลาของประเทศหลุงกลุ่มนั้น บูชาผมยังกับเป็นพ่อของพวกมัน” เซียวจวงดื่มแชมเปญ พลางกล่าวด้วยท่าทางมีชีวิตชีวา “ช่างตลกจริง ๆ พวกเราส่งคนไปข่มขู่แบล็กเมล์พวกมันรอบหนึ่ง พวกมันยังเห็นผมเป็นเหมือนกับปู่ของพวกมัน ฮ่า ๆ”

“นี่ก็คือสัญชาตญาณที่เลวทรามของคนประเทศหลุง” คริสกล่าวพลางหัวเราะเยาะ “ในประเทศหลุงมีพวกโง่เง่าแบบนี้อยู่มากมาย พวกมันชอบทุกอย่างของต่างประเทศ คิดว่าของจากต่างประเทศจะต้องดีอย่างแน่นอน คนพวกนี้ล้วนเป็นสุนัขรับใช้ที่มีประสิทธิภาพ เป็นเครื่องมือหุ่นเชิดที่พวกเราสามารถพัฒนาได้”

“อ้อใช่ มีข่าวดีเรื่องหนึ่ง” คริสพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ ยิ้มกล่าว “เซียวจวง ดูเหมือนว่าวันนี้คุณไปทำมาได้ดีมาก เมื่อกี้กรรมการของไห่หยางกรุ๊ปพวกนั้นโทรมา ทุกอย่างสำเร็จแล้ว พวกเราสามารถไปดำเนินการได้เลย เตรียมเงินทุนลงทุนในไห่หยางกรุ๊ป ดำเนินการสักหน่อย ก็กลายเป็นทรัพย์สินของพวกเราแล้ว”

“อ๋อ? เร็วแบบนี้เชียว?” เซียวจวงกล่าวด้วยท่าทางประหลาดใจและดีใจ “อ้อ ใช่แล้ว คูณรู้ไหม คริส เมื่อกี้ตอนที่ผมออกมาจากไห่หยางกรุ๊ป ผมได้บังเอิญพบกับไอ้เศษสวะหลินอิ่ง และเสิ่นซานด้วย”

“ได้ยินว่า เจียงฉีอยู่ที่โรงพยาบาลมาจัดการเรื่องที่บริษัทไม่ได้ จึงให้คนที่เกาะผู้หญิงกินและชอบเลียแข้งเลียขาอย่างหลินอิ่งมาเป็นประธานในการประชุมของบริษัท? มันช่างตลกเสียจริง ๆ!” เซียวจวงหัวเราะอย่างเหยียดหยาม “ให้เศษสวะแบบนี้ไปดูแลบริษัทใหญ่ขนาดนั้น? นี่มันรนหาที่ตายชัด ๆ ไม่ใช่เหรอ? เศษสวะนั่นแม้แต่ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับธุรกิจมันคงยังไม่รู้ด้วยซ้ำ มิน่ากรรมการพวกนั้นถึงได้เอาอยู่เร็วขนาดนี้”

“เหอะ เจียงฉีหมดประโยชน์แล้ว หลบอยู่โรงพยาบาลไม่กล้าออกหน้า” คริสยิ้มกล่าว “หลินอิ่งเป็นบุคคลไร้ประโยชน์ขนาดไหน? หากไม่ใช่เพราะคุณต้องการจัดการมัน ผมคงยังไม่รู้ว่าที่เมืองชิงหยูนจะมีผู้ชายที่เลี้ยงชีพด้วยการเกาะผู้หญิงกินแบบนี้ มันน่าขยะแขยงมาก เป็นความอัปยศของลูกผู้ชาย”

“หึ ไอ้เศษสวะ ยังเอ็ดตะโรว่าจะโจมตีทำลายล้างฉันให้ย่อยยับ?” เซียวจวงกล่าวพลางหัวเราะเยาะ “มันคงยังไม่รู้ว่า อีกไม่นานไห่หยางกรุ๊ปก็จะล้มละลายแล้ว จะกลายเป็นทรัพย์สินของพวกเราแล้ว พอถึงตอนนั้น มันคงต้องวิ่งมาร้องขอชีวิตต่อหน้าผม ขอให้มันได้มีข้าวกิน”

สีหน้าของเซียวจวงเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ แววตาอิ่มอกอิ่มใจ เขาเริ่มจินตนาการแล้วว่าจะจัดการกับหลินอิ่งเพื่อลบล้างความอัปยศยังไง และจะทำยังไงให้ได้จางฉีโม่และหวางหงหลิงมาไว้ในอ้อมแขน

“หลินอิ่งและเจียงฉีล้วนไม่คู่ควรที่จะพูดถึง แต่เสิ่นซานนั่น พอจะมีฝีมืออยู่บ้าง ต้องจัดการอย่างระมัดระวัง ไห่หย่างกรุ๊ปล้มละลายแล้ว ยังต้องคิดหาวิธีกำจัดเสิ่นซาน สนับสนุนสุนัขรับใช้ที่เชื่อฟังเรา ขึ้นเป็นหัวมังกรของกลุ่มผู้มีอิทธิพลมืดของเมืองตุงไห่” คริสกล่าวอย่างครุ่นคิด

“ถึงยังไง สถานการณ์โดยรวมก็ถูกกำหนดไว้ ไม่ว่าจะเป็นใครมา ไห่หยางกรุ๊ปจะต้องถูกฉันกลืนกินอย่างแน่นอน!” คริสกล่าวด้วยแววตามั่นใจ “เล่ห์เหลี่ยมและวิธีการมากมายขนาดนี้ ตอนนี้ถึงเวลาตรวจรับผลงานแล้ว!”

“ไป พวกเราไปรับช่วงกิจการของไห่หยางกรุ๊ป ในฐานะผู้ชนะกัน” คริสกล่าวอย่างยิ้มแย้ม

“ผมพึ่งจะกลับมา คริส คุณไปเถอะ วันนี้ผมนัดกับนางแบบอัลบั้มภาพเซ็กซี่คนหนึ่งไว้ รอคุณจัดการทรัพย์สินเสร็จ ค่อยส่งรายการทรัพย์สินพวกนั้นมาให้ผมก็พอ” เซียวจวงกล่าวอย่างไม่สนใจไยดี พลางเลียริมฝีปาก แววตาอิ่มอกอิ่มใจ

“ก็ได้ งั้นผมไปแล้วนะ” คริสกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ในแววตาเต็มไปด้วยเหยียดหยาม

จริง ๆ แล้วในใจของเขา เศษสวะที่ได้แต่ดื่มกินเที่ยวเล่นเที่ยวผู้หญิงอย่างเซียวจวงไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลย ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาต้องการตั้งรากฐานที่เมืองตุงไห่ ต้องให้เซียวจวงเป็นประธานจัดการลาตินกรุ๊ป เกรงว่าเซียวจวงคงถูกเจียงฉีและเสิ่นซานปอกเปลือกกลืนกินทั้งเป็นไปนานแล้ว

คิดแล้ว คริสก็ดีดนิ้ว แล้วบอดี้การ์ดที่อยู่ข้าง ๆ ก็เดินลงไปชั้นล่างเพื่อไปเอารถ ไม่นาน รถลินคอล์นสีดำสไตล์ย้อนยุคคันหนึ่งก็ขับออกไปจากอาคารลาติน มุ่งหน้าไปทางไห่หยางกรุ๊ปทางเขตเหนือของเมือง

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท