ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่ 225 คนตระกูลจางตาร้อนแล้ว

บทที่ 225 คนตระกูลจางตาร้อนแล้ว

บทที่ 225 คนตระกูลจางตาร้อนแล้ว

ในเวลานี้ ภายในอาคารจางซื่อ ห้องทำงานท่านประธานชั้น16

จางหงจูนกับจางหงซวนยืนนอบน้อมอยู่หน้าโต๊ะทำงาน มีชายสวมชุดคลุมจงซานผู้หนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้เจ้านาย ถือถ้วยน้ำชาวางมาดเต็มที่

“ประธานกงซุน พวกเราเชิญหลินอิ่งกับครอบครัวมาแล้ว วันนี้ภรรยาของหลินอิ่งกับพ่อตาแม่ยายมาถึงงานแล้ว” จางหงซวนเลิกคิ้วขึ้นพูด

“ถูกต้องแล้วครับ ประธานกงซุน ทุกอย่างทำตามที่คุณสั่ง ไม่ทราบว่าต่อไป จะให้พวกผมสองคนทำอะไร?” จางหงจูนพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

พวกเขาสองคนนับถือประธานกงซุนที่ชวนให้คนสะพรึงอยู่ตรงหน้า ดั่งเทพเจ้าทีเดียว

ประธานกงซุนท่านนี้ เดิมนามว่ากงซุนเฟยเจี้ยน อาจจะไม่ได้โด่งดังในเมืองตุงไห่แต่อย่างใด แต่ที่เมืองเกาหยางข้างๆ แค่ขยับขานิดหน่อย ก็สะท้านไปทั่วเมืองทีเดียว!

มหาเศรษฐีในตี้จิง บุคคลผู้มีอำนาจในตระกูลกงซุน รัฐบุรุษผู้ก่อตั้งประเทศ กงซุนฉงหลง บุตรชายแท้ๆ ของบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ที่รู้จักกันดีในประเทศหลุง!

การได้ทำงานร่วมกับผู้มีอำนาจสูงสุดในตี้จิงเช่นนี้ จางหงจูนทั้งสองคนก็รู้สึกเหมือนเป็นลางดี เป็นเรื่องที่ไม่กล้าแม้แต่จะคิด

ก่อนหน้านี้ จางหงจูนกับจางหงซวนอยู่ๆ ก็ถูกมือปืนปริศนาพาตัวไป ทำพวกเขาสองคนตกใจจนปอดแหก นึกว่าล่วงเกินจอมโหดที่ไหนเข้า ปรากฏนึกไม่ถึงว่าจะมีโชควาสนาหล่นมาจากฟ้า ได้ไต่เต้าความสัมพันธ์กับกงซุนเฟยเจี้ยน

ต้องบอกว่า บุคคลระดับนี้ ได้เกี่ยวพันด้วยนิดหน่อย ก็ได้ประโยชน์คณานับแล้ว แค่น้ำมันรั่วจากปลายนิ้วมือลงมา ก็ทำให้พวกเขาอิ่มท้องไปชั่วชีวิตได้!

“หลินอิ่งไม่มาเหรอ?” กงซุนเฟยเจี้ยนถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เผยออร่าที่สูงส่งให้เห็น

“หลินอิ่ง……” จางหงซวนพูดด้วยความระมัดระวัง “หลินอิ่งหมู่นี้ก่อความขัดแย้งกับพ่อตาแม่ยายของเขา จะไล่เขาหนี เลยไม่ได้มาร่วมพิธีเปิดด้วย”

“ประธานกงซุน วางใจได้ การหาตัวหลินอิ่งเป็นเรื่องเล็ก ผมหาเขาพบได้ทุกเมื่อ!” จางหงจูนตบหน้าอกพูด กลัวทำงานไม่เรียบร้อยแล้วล่วงเกินองค์พระที่อยู่ตรงหน้า

“ไม่ต้องไปหาเขา พวกคุณทำตัวตามธรรมชาติก็พอ” กงซุนเฟยเจี้ยนกล่าว

จางหงซวนคิดภายในใจ จนเดี๋ยวนี้เขาก็ไม่ชัดเจนว่าบุคคลระดับสูงอย่างกงซุนเฟยเจี้ยน ทำไมต้องตรงดิ่งมาหาเรื่องหลินอิ่งยังเมืองตุงไห่ ทั้งที่ไม่ใช่คนระดับสูงอะไร

อีกอย่าง กงซุนเฟยเจี้ยนยังเตือนพวกเขาทั้งสองอย่างเข้มงวดว่า ห้ามให้ข่าวของกงซุนเฟยเจี้ยนรั่วไหล ทำซะจนลึกลับ

ว่าตามหลักการ จากศักยภาพของกงซุนเฟยเจี้ยน จะบี้หลินอิ่งให้ตายยังง่ายกว่าบี้มดตัวหนึ่งเสียอีก

“ประธานกงซุน ทำไมท่านถึงได้สนใจหลินอิ่งเศษสวะคนนี้นัก เขาล่วงเกินท่านเหรอ?” จางหงซวนถามอย่างระมัดระวัง “ผมได้ยินข่าวซุบซิบว่า หลินอิ่งเคยคิดจะประจบสอพลอคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลกงซุน ใช่เพราะเรื่องนี้หรือไม่ขอรับ?”

“อ้อ? คุณก็ได้ยินแล้วเหรอ?” กงซุนเฟยเจี้ยนเหลียวมองจางหงซวนด้วยความสนใจ

“ใช่ครับ ประธานกงซุน หลินอิ่งคนผู้นี้ขึ้นชื่อว่าเป็นเศษสวะแห่งเมืองชิงหยูน นอกจากเกาะผู้หยิงกินแล้ว ก็ไม่มีความสามารถอะไร คราวก่อนผมได้ยินคนตระกูลโจบอกว่า หลินอิ่งคางคกอยากกินเนื้อห่านฟ้า คิดจะประจบคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลกงซุน” จากหงซวนเลิกคิ้วขึ้นพูด

คุณทายถูกต้อง ฉันมาเพราะเรื่องนี้” กงซุนเฟยเจี้ยนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่อธิบายอะไรมาก

กงซุนเฟยเจี้ยนเคยเห็นชั้นเชิงอานุภาพของหลินอิ่งด้วยตาตัวเอง แน่นอนต้องไม่เห็นหลินอิ่งเป็นบุคคลพื้นๆ

การจงใจมาเมืองตุงไห่ครั้งนี้ ก็เพื่อช่วยระบายความแค้นให้พี่สองกงซุนเฟยเทียน หาโอกาสจัดการหลินอิ่ง!

“ประธานกงซุน พวกเราสนับสนุนการปฏิบัติการของท่าน อย่างคนหน้าไม่อายอย่างหลินอิ่ง ถือเป็นความอัปยศของพวกเราตระกูลจาง ผมก็ดูถูกเขา” จางหงซวนประจบประแจง

เขาคิดในใจว่า คราวนี้หลินอิ่งรอดยากแน่ มีภรรยาเป็นตัวเป็นตนแล้ว ยังคิดจะสีคุณหนูตระกูลกงซุนอย่างไม่กลัวตาย?อยู่นานจนเบื่อชีวิตแล้วสินะ ช่างไม่รู้สถานะตัวเองเอาซะเลย!

ก็ดี คราวนี้มีกงซุนเฟยเจี้ยนองค์พระองค์นี้มาโปรด ได้พลิกตัวเป็นใหญ่สักที ช่วยงานแค่เล็กน้อย ไม่เพียงแย่งชิงเครื่องประดับจางซื่อกรุ๊ปกลับมาได้ แล้วยังไต่สัมพันธ์กับตระกูลกงซุนได้อีกด้วย ช่างสวยสดงดงามเสียเหลือเกิน

“เอาล่ะ พวกคุณออกไปเถอะ ไม่ใช่เรื่องที่พวกคุณต้องรู้ ก็อย่าถามให้มาก แล้วก็อย่าพูดให้มาก” กงซุนเฟยเจี้ยนโบกมือขึ้น พูดอย่างเกรงขาม

“ครับๆๆ ได้ครับ ประธานกงซุน ท่านมีอะไรจะสั่งเชิญบอกพวกเรามาได้” จางหงจูนพูดอย่างอ่อนน้อม

จากนั้น ทั้งสองคนก็ค่อยๆ ถอยตัวออกมาจากห้องทำงานประธาน

รอจนสองคนนี้จากไป ชายวัยกลางคนสีหน้าเย็นชาก็เดินเข้ามา

“ฉางเฟิง หลายวันที่สังเกตการณ์หลินอิ่งมานี้ พบอะไรบ้าง?” กงซุนเฟยเจี้ยนพูดอย่างช้าๆ

“หลินอิ่งมีความรู้สึกไวสูง ผมไม่สามารถสะกดรอยตามเขาได้” ฉางเฟิงตอบอย่างเฉยเมย “แต่ว่า ผมพบว่าเขาไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เห็นผิวเผิน เป็นคนที่มีอำนาจในที่ลับของเมืองชิงหยูน”

“หึ ศิลปะต่อสู้โบราณอย่างเขาต้องได้รับการฝึกฝนอย่างลึกซึ้งแน่นอน จะแอบสร้างอำนาจลับๆ ก็ไม่แปลก” กงซุนเฟยเจี้ยนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เตรียมตัวให้พร้อมเถอะ รอฉันเลือกเวลาที่เหมาะ เลือกสถานที่แล้วก็จะแจ้งให้นายลงมือ ต้องจัดการภายในครั้งเดียว ทางเจ้าบ้านรองเร่งฉันมาหลายครั้งแล้ว ต้องรีบลงมือ เจ้าบ้านรองรอให้ฉันหิ้วหัวของหลินอิ่งกลับไป”

“ครับ!”

……

ในเวลนี้เอง ภายในหอนิทรรศการชั้น12ของอาคารจางซื่อ นั่งเต็มไปด้วยแขกเหรื่อ ทั้งหมดเป็นคนของสายเลือดตระกูลจางในเมืองชิงหยูน อย่างน้อยๆ ก็เป็นบุคคลที่มีความสามารถ

และคนตระกูลจางทั้งระดับล่างและระดับบนกว่าร้อยคน ก็มาถึงในงานกันครบถ้วน

จางฉีโม่กับครอบครัวนั่งอยู่ที่ตำแหน่ง VIP สีหน้าของทุกคนล้วนครุ่นคิด รอจางหงจุนกับจางหงซวนมาคุยธุระ และคนตระกูลจางที่นั่งอยู่รอบๆ ต่างก็พูดจาตำหนิติเตียนต่างๆ นานา

“ฉีโม่อ่ะ แล้วก็พี่ห้าอ่ะ ฉันบอกตามตรงนะ พวกเธอไม่มีความปรานีกันเลย นึกไม่ถึงว่าพวกเธอครอบครัวจะไปพึ่งบารมีคนอื่น เพื่อครอบครองตำแหน่งประธานจางซื่อกรุ๊ป เรียกว่าก่อกวนจริงๆ !” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ

“ถ้าให้ฉันพูดนะ ฉีโม่ ครอบครัวเธอแขวนหัวแพะแต่ขายเนื้อหมา ใช้แบรนด์เครื่องประดับจางซื่อหาเงินให้คนอื่น! สร้างความลำบากให้กับตระกูลจางของพวกเรา ควรจะมอบแบรนด์ชั้นนำเครื่องประดับจางซื่อนี้ออกมา นี่เป็นแบรนด์ที่คุณท่านสร้างขึ้นมาในตอนนั้น ครอบครัวเธอจะกลืนกินฝ่ายเดียวไม่ได้ นอกจากนี้ พวกเธอต้องแจกจ่ายเงินจำนวนหนึ่งให้กับทุกคนในตระกูลจางด้วยถึงจะถูก”

“ถูกต้อง พวกเราคนของตระกูลจางทั้งหมดในครั้งนี้ล้วนเห็นด้วยกับความเห็นของพี่ใหญ่กับพี่สาม มอบลิขสิทธิ์แบรนด์ของเครื่องประดับจางซื่อให้กับพวกเขาจัดการ เพราะอะไรเหรอ เพราะพี่ใหญ่กับพี่สามทำงานเข้าท่า แจกจ่ายเงินจำนวนหนึ่งให้พวกเราตระกูลจางทุกคน”

ญาติกลุ่มหนึ่งต่างสงสัย อยู่สีหน้าของลู่หย่าฮุ่ยผัวเมียก็ถอดสี คิดจะให้พวกเขาเอาเงินออกมา นั่นยากกว่าปีนขึ้นสวรรค์เสียอีก

“นั่นน่ะสิ ครอบครัวพวกเธอเจริญก้าวหน้าแล้ว ก็ไม่สนใจคนในตระกูลจางแล้ว ใช้แบรนด์ที่คุณท่านทิ้งไว้ไปหาร่ำรวยกับคนนอก แล้วทิ้งพวกเราคนในบ้านไว้อีกทาง มีอย่างนี้ที่ไหนกัน?” ชายชราสวมแว่นสายตาคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ

คนของตระกูลจางต่างบ่นพึมพำด้วยความไม่พอใจ แต่ละคน เหมือนโกรธแค้นครอบครัวฉีโม่อย่างใหญ่หลวง

ในความเป็นจริง ครอบครัวจางฉีโม่กับพวกเขาก็ไม่มีความแค้นต่อกัน เมื่อก่อนเรียกว่าเข้ากันได้ดีพอสมควร เพียงแต่ครอบครัวจางฉีโม่อยู่ๆ ก็บินทะยานขึ้นสูง จึงทำให้คนยากที่จะรู้สึกว่ายุติธรรมแล้ว

มีสิทธิ์อะไรกัน? ทุกคนต่างก็เป็นคนตระกูลจาง เดิมทีเงื่อนไขก็เหมือนกันทุกอย่าง อยู่ๆ ครอบครัวพวกเธอก็ก้าวหน้าขึ้นมา ไม่ใช่เพราะยืมคนนอกมาลงทุนหรอกเหรอ? หรือว่าใช้แบรนด์ของคุณท่าน?

ความสงสัยเหล่านี้พอฟังขึ้นมา ใบหน้าของจางฉีโม่ก็ปรากฏน้ำโหเล็กน้อย แต่ในเวลาอันสั้นไม่รู้จะตอบโต้อย่างไร

เธอไม่เคยคิดว่า คนตระกูลจางที่เคยไปมาหาสู่กันปกติ นึกไม่ถึงว่าจะก่อกวนไร้เหตุผลให้เธอมอบแบรนด์เครื่องประดับจางซื่อที่ตัวเองบริหารออกมา

เธออดที่จะรู้สึกสะเทือนใจไม่ได้ หรือว่านี่คือความเป็นคน

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท