บทที่ 233 ใครให้ไอ้ไร้น้ำยาอย่างแกนั่ง?
หลินอิ่งกับจางฉีโม่ออกจากอาคารจางซื่อแล้ว กำลังรออู่เจิ้งขับรถมารับตรงปากทาง
และตอนนั้นเอง ลู่หย่าฮุ่ยกับจางซิ่วเฟิงก็เดินมาด้วยสีหน้าไม่ดี จ้องหลินอิ่งด้วยความโกรธ ท่าทางโมโห
“หลินอิ่ง เมื่อกี้แกพูดอะไร? ใครให้แกพูดแบบนั้น? เอาชื่อบริษัทให้พวกเขาแล้วยังไง?” ลู่หย่าฮุ่ยถามอย่างโมโห “ถ้าไม่มีชื่อเสียงบริษัทจางซื่อ ธุรกิจของฉีโม่ยังต้องทำต่อไปไหม?”
“ผมให้ข้อคิดเห็นกับฉีโม่แล้ว เปลี่ยนชื่อให้กับจางซื่อกรุ๊ป ใช้หรือไม่ใช้ชื่อเครื่องประดับจางซื่อ ก็ไม่มีอะไรต่างกัน” หลินอิ่งพูดอย่างใจเย็น
“ไม่มีอะไรต่างกัน? แกนี่มันยืนพูดไม่ปวดเอวเลยใช่ไหม” ลู่หย่าฮุ่ยอารมณ์เสียขึ้นมาทันที “แกตั้งใจสร้างเรื่องใช่ไหม แกไม่เห็นหรือไงว่าพ่อของฉีโม่เพราะต้องการคุยเรื่องนี้ ดื่มจนเหมาแล้ว? แกแค่พูดคำเดียวง่ายๆ ก็ทำลายทุกอย่างง่ายดาย แกมันนี่”
“ฉันดูออกแล้ว ว่าแกมันไม่อยากให้ครอบครัวเราได้ใช้ชีวิตที่ดีเลยใช่ไหม” ลู่หย่าฮุ่ยต่อว่า “ฉีโม่ จากนี้ไปไม่ต้องไปมาหาสู่กับไอ้คนไม่มีหัวใจแบบนี้อีกแล้ว ไม่ต้องไปฟังมันพูด ไร้สาระทั้งนั้น”
หลินอิ่งไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม มองไปที่จางฉีโม่ พูดว่า “ฉีโม่ กลับไปแล้ว คุณคิดชื่อเลย เปลี่ยนชื่อบริษัท เรื่องเล็ก สำหรับปัญหาอื่น ผมไปจัดการเอง”
“ฉัน ฉันเข้าใจแล้ว” จางฉีโม่พยักหน้า
“ผมยังมีธุระ ต้องไปก่อน” หลินอิ่งพูดสีหน้าจริงจัง จากนั้นก็หันหลังเดินจากไป
จางฉีโม่มองหลังหลินอิ่งที่เดินจากไป สายตาลังเล เข้าสู่ห้วงความคิด
“ฉีโม่ เธอดูซิ นี่มันคนอะไรกัน? ทำเรื่องพังหมด แล้วจากไปแบบนี้ ไม่สนใจอะไรเลย” ลู่หย่าฮุ่ยพูดอย่างโมโห “เขาจัดการได้? ไอ้ไร้น้ำยาอย่างเขาเหรอ จะทำอะไรได้?”
เท่าที่เธอดูแล้ว หลินอิ่งมาก่อกวนอย่างเดียว ไม่ได้สนใจความเป็นความตายของครอบครัวพวกเขาเลย ถ้าด้านจางหงจูนมีปัญหาก็ไม่ไปหาเขาใช่ไหม?
“ฉีโม่ เรื่องนี้ กลับไปแล้วเธอต้องคิดดีๆ ห้ามไปฟังหลินอิ่งเด็ดขาด อะไรยังอยากเปลี่ยนชื่อบริษัท มันทำได้เหรอ? ชื่อเสียงบริษัทเครื่องประดับจางซื่อหลายสิบปี บอกเปลี่ยนก็เปลี่ยน ต้องสูญเสียเงินมากมายแค่ไหน?” ลู่หย่าฮุ่ยพูดอย่างกังวล
“แล้วอีกอย่าง เดี๋ยวลูกต้องรีบตัดสัมพันธ์กับหลินอิ่งทันที เรื่องวันนี้ไปคุยกับประธานซูนเฉียงดีๆ อย่าไปทำให้คนใหญ่คนโตเขาขุ่นเคืองเพราะหลินอิ่ง” ลู่หย่าฮุ่ยพูดอย่างมีแผนการ
จางฉีโม่ขมวดคิ้ว มองไปที่จางซิ่วเฟิงที่เมาหัวราน้ำ พูดจริงจัง “แม่ อย่าพูดต่อเลย แม่ดูสภาพพ่อตอนนี้ รีบส่งพ่อกลับบ้านพักผ่อนก่อนเถอะ มีอะไรกลับบ้านค่อยพูด”
ในใจเธอตัดสินจะฟังคำพูดของหลินอิ่ง จะเปลี่ยนชื่อบริษัท เพราะบริษัทเครื่องประดับจางซื่อทุกวันนี้ ก็แตกแยกกับคนตระกูลจางโดยสิ้นเชิงแล้ว บวกกับการขยายกิจการครั้งที่แล้ว ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตระกูลจางแล้ว
และเธอก็มั่นใจ ถึงแม้จะไม่มีชื่อของจางซื่อ ก็สามารถบริหารบริษัทได้เป็นอย่างดี
ตามนี้ จางฉีโม่พยุงตัวจางซิ่วเฟิงขึ้นรถ กลับวิลล่าหิมะมังกร
อีกฝั่งหนึ่ง ฮาเดสขับรถBentleyสีดำ รับหลินอิ่งไปร้านอาหารในใจกลางเมืองชิงหยูน
ที่ชั้น28ของร้านอาหาร ห้องรับรองได้เคลียร์ลูกค้าออกหมดแล้ว ในห้องรับรองหรูได้จัดวางอาหารและเหล้าอย่างดีไว้ ทั้งหมดนี้คริสเป็นคนสั่งเอง
หลินอิ่งเข้าไปนั่งในห้องรับรอง ยกแก้วชาขึ้นมาดื่มในตำแหน่งประธาน ส่วนฮาเดสยื่นอยู่อีกฝั่งอย่างเคารพ
หน้าประตูทางเข้าร้านอาหาร คริสนั่งอยู่ในรถสีดำ สีหน้าจริงจัง ดูน่าเกรงขาม
ไม่นาน รถหรูคันหนึ่งก็ขับเข้ามาถึงหน้าประตูร้านอาหาร ซูนเฉียงกับหลุยส์ลงจากรถ รีบลงจากรถเดินไปข้างหน้าต่างรถLincoln น้อมตัวยิ้มแย้ม มองคริสที่นั่งอยู่บนรถ
“ท่าน พวกเราถึงแล้ว ไม่ทราบว่าวันนี้ท่านเรียกผมมา มีเรื่องอะไรมอบหมายครับ?” ซูนเฉียงพูดอย่างเคารพ
“นายท่าน มีเรื่องอะไรก็สั่งได้เลยครับ พวกเรายินดีรับฟังครับ” หลุยส์ก็พูดอย่างยิ้มแย้ม
กระจกลดลง คริสมองไปที่สองคน พูดเสียงเรียบ “วันนี้เรียกพวกเธอมา จะพาพวกเธอไปพบกับคนใหญ่คนโตคนหนึ่ง เดี๋ยวในห้องอาหาร พูดจาระวังหน่อย ต้อนรับให้รับ เข้าใจหรือยัง?”
“เข้าใจ เข้าใจ” ซูนเฉียงตบหน้าอกพูด “นายท่าน นี่เป็นโอกาสอันใหญ่โตของพวกเรา พวกเราจะไม่ทำให้ท่านขายหน้าแน่นอน”
ล้อเล่นอะไร นี่เป็นคนใหญ่คนโตที่นายท่านคริสแนะนำให้รู้จัก ฐานะตำแหน่งหน้าที่ก็ไม่ต้องพูดถึง ต้องบริการอย่างดีแน่นอน เรื่องต้อนรับรับรองแบบนี้ เขาถนัดอยู่แล้ว
โอกาสก้าวเดียวถึงจุดหมายแบบนี้ ต้องรักษาไว้อย่างดี
“ได้แล้ว ขึ้นไปกับฉัน” คริสพูดอย่างจริงจัง “ฉันจะบอกให้ คนใหญ่โตท่านนี้เป็นที่พึ่งของฉัน วันนี้เรียกพวกเธอมาดื่มเหล้าที่นี่ พวกเธอต้องดูแลดีๆ ถ้าทำให้เขาไม่พอใจ พวกเธอก็อย่าคิดที่จะอยู่เมืองชิงหยูนต่อ”
คริสได้รับโทรศัพท์ของหลินอิ่งกะทันหัน ไม่เข้าใจว่าทำไมประธานหลินต้องเรียกซูนเฉียงกับหลุยส์มา แต่ว่า ไม่ว่ายังไง เขาไม่กล้าทำให้ประธานหลินไม่พอใจ จึงทำตามทุกอย่าง
เพราะฉะนั้น เขากังวลว่าสองคนนี้จะทำให้ประธานหลินขุ่นเคือง จะทำให้ตัวเองซวยไปด้วย
“ครับท่าน ท่านวางใจ พวกเรารับรองว่าท่านนั้นต้องพอใจแน่นอน” ซูนเฉียงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ในใจสงสัยว่าเป็นคนใหญ่โตจากไหน ยังเรียกให้เขามา แต่เขาไม่กล้าถาม กลัวทำให้คริสโกรธ
แต่ว่า ในใจเขายิ่งสงสัย ขนาดนายท่านคริสยังต้องรับรองอย่างระมัดระวังขนาดนี้ ต้องรู้ว่า ขนาดผู้ว่าเมืองชิงหยูนเชิญคุณคริสกินข้าว ยังต้องเคารพนับถือ
คนที่จะเจอวันนี้ มีที่มาใหญ่โตขนาดไหน?
ตามนี้ คริสเดินอยู่ข้างหน้า ซูนเฉียงกับหลุยส์เดินตามอยู่ข้างหลังอย่างระมัดระวัง เข้าไปในลิฟต์ร้านอาหารพร้อมกัน
ไม่นาน ทุกคนก็มาถึงหน้าห้องอาหารที่ชื่อว่าซานสุ่ย เปิดประตูเดินเข้าไป
เปิดประตูก็เห็นหลินอิ่งนั่งอยู่ที่นั่งประธาน ซูนเฉียงสีหน้าสงสัย มองไปที่คริส “ท่าน นี่คือห้องที่ท่านจองไว้ใช่ไหม?”
“ใช่ ห้องนี่ถูกแล้ว” คริสพยักหน้า
“แกไอ้ไร้น้ำยาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” ซูนเฉียงก็ด่าหลินอิ่งขึ้นมา “ที่นี่เป็นห้องรับรองที่เราจองไว้ แกมีสิทธิ์อะไรมานั่ง”
ซูนเฉียงไม่เข้าใจว่าทำไมไปถึงไหน ก็เจอกับไอ้ไร้น้ำยาหลินอิ่ง คนต่ำต้อยขนาดนี้ยังเข้ามาร้านอาหารหรูได้ ดื่มน้ำชาในห้องรับรองที่พวกเขาจองได้? นี่มันทำให้พวกเขาตกต่ำไปด้วย