บทที่ 241 เตรียมกำหนดการเดินทาง
จางฉีโม่นึกถึงคราวก่อนที่หลินอิ่งตั้งชื่อให้จี้สร้อยคอว่า “King of the world” ดูเป็นศิลปะมาก
หลินอิ่งครุ่นคิดเสร็จก็พูดขึ้นมาว่า “อย่างนั้นก็ใช้ชื่อของคุณ เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัทเครื่องประดับฉีซื่อ”
จางฉีโม่ไตร่ตรองอยู่สักพัก ก็พยักหน้า รู้สึกว่าใช้ได้ จำง่ายดี
“ฉีโม่ งานเครื่องประดับที่คุณพูดถึงเรื่องราวเป็นอย่างไร วางแผนจะจองตั๋วเครื่องบินเมื่อไหร่?” หลินอิ่งถาม
จางฉีโม่คิดแล้วก็ตอบว่า “เป็นเที่ยวบินเช้าวันพรุ่งนี้ ฉันจองตั๋วให้คุณไว้แล้ว”
“งานเครื่องประดับตี้จิงในครั้งนี้ ยิ่งใหญ่มาก เรียกว่าเป็นงานมโหฬารระดับสูงในวงการโลก พนักงานทั่วไปในวงการไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมได้” จางฉีโม่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ครั้งนี้เพราะหัวหน้าสมาคมจูจากสมาคมเครื่องประดับเมืองตุงไห่ชักชวนให้ฉันไป ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้บัตรเชิญเข้างาน”
“จริงสิ หลินอิ่ง เมื่อกี๊คุณบอกว่า คุณมีเพื่อนอยู่ตี้จิง? เป็นเพื่อนที่ทำเกี่ยวกับเครื่องประดับหรือเปล่า?” จางฉีโม่ถามด้วยความแปลกใจ
หลินอิ่งพยักหน้าพูดว่า “ใช่แล้ว ที่ตี้จิงผมมีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง ถือว่าเป็นคนมีน้ำหนักในวงการเครื่องประดับ”
เพื่อนที่ตี้จิงที่เขาพูดถึง ก็คือจื๋อเฉิงนั่นเอง
หยูจื๋อเฉิงเป็นบุคคลที่มีน้ำหนักในเมืองตี้จิงคนหนึ่ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เวลานี้เป็นผู้แถลงการณ์แทนตระกูลฉีแห่งเมืองตี้จิงอย่างนอกหน้า ในตี้จิงไม่ว่าจะอุตสาหกรรมไหนแค่เขาเอ่ยปากก็มีเสียงขานรับแน่นอน
กิจการตระกูลฉีที่เขาชิงกลับมา ก็เป็นกิจการเครื่องประดับ ในด้านทรัพยากรมีไม่น้อยแน่
“แบบนี้ดีเลย หัวหน้าสมาคมจูแห่งเมืองตุงไห่ดูเหมือนไม่ค่อยมีทรัพยากรอะไรในตี้จิง แล้วยังเป็นคนละโมบ เชิญชวนบริษัทที่อยากขึ้นตำแหน่งประธานสมาคมเครื่องประดับ โดยเปิดราคาที่สองล้านหยวน แล้วก็ ทำตัวเป็นสิงโตคอยอ้าปากสวาปามตามมาทีหลัง” จางฉีโม่ขมวดคิ้วพูด
ถ้าไม่เพราะพื้นฐานบริษัทอ่อนแอ ไม่มีแหล่งทรัพยากรจากต่างเมืองเข้ามา แต่เพื่อสร้างแรงประชาสัมพันธ์จึงต้องเข้าร่วมงานเครื่องประดับงานนี้ เธอไม่อยากเป็นตัวโง่ที่ตามคนไม่ทัน เป็นหมูให้หัวหน้าสมาคมจูฆ่า เอะอะอะไรก็อ้าปากจะเอาค่าชักนำเป็นล้านขึ้น
“ไม่ต้องไปหาคนอื่นให้ช่วยชักนำอีก วางใจเถอะ ฉีโม่ เพื่อนผมที่อยู่ตี้จิงพึ่งได้” หลินอิ่งพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “พอถึงตี้จิงแล้ว ผมจะจัดเตรียมเรื่องทุกอย่างให้คุณอย่างเรียบร้อย”
จางฉีโม่พยักหน้า คงความคาใจเอาใจ เธอสงสัยมาตลอดว่าตัวตนที่แท้จริงของหลินอิ่งเป็นอย่างไร ไปเอาอำนาจมากมายอย่างนี้มาจากไหน
คราวก่อนที่หลินอิ่งไปตี้จิงมา หลังจากกลับมาถึงก็กดตระกูลหวางจนโงหัวไม่ขึ้น หรือว่า หลินอิ่งเกิดที่เมืองตี้จิง?
พอดีเลย เที่ยวนี้ไปตี้จิงต้องไปสืบดูเสียแล้ว
มีเสียงแกร่กๆ ดังขึ้น
ในเวลานี้เอง ประตูวิลล่าอยู่ๆ ก็ถูกกุญแจเปิดออก
ลู่หย่าฮุ่ยสองผัวเมียกลับมาแล้ว พอทั้งสองคนเข้าประตูมา เห็นหลินอิ่ง ก็ชักสีหน้าทันที สายตาหดหู่
“พ่อแม่ กลับมาแล้วเหรอ หนูมีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย พรุ่งนี้หนูจะไปตี้จิง สักสิบวันถึงครึ่งเดือน” จางฉีโม่ทักทาย พูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ฉีโม่ ใช่เรื่องที่หัวหน้าสมาคมจูพูดถึง งานเครื่องประดับตี้จิงใช่ไหม” ลู่หย่าฮุ่ยก็สอนขึ้นมาทันที “เรื่องนี้เป็นเรื่องดี ทางหัวหน้าสมาคมจูกับแม่สนิทกัน คุ้นเคยกันมานาน ลูกไปเมืองตี้จิงแล้วต้องฟังสิ่งที่หล่อนเตรียมการไว้ให้”
พูดจบ ลู่หย่าฮุ่ยก็มองหลินอิ่งอย่างรำคาญใจพูดว่า “แล้วก็นะ ฉีโม่ หลินอิ่งเขามาที่วิลล่าทำไมอีก แม่เคยบอกลูกไว้ไม่ใช่เหรอ? ว่าครอบครัวเราตัดขาดจากคนคนนี้แล้ว! ต่อไปอย่าไปมาหาสู่กับเศษสวะคนนี้อีก”
ฉีโม่หน้าเจื่อน นึกไม่ถึงว่าอยู่ๆ พ่อแม่จะกลับมาบ้าน พวกเขามีความเห็นต่อหลินอิ่งเยอะ พอเจอหน้าก็มีเรื่องให้ตำหนิไม่น้อย
“หลินอิ่ง นายเป็นอะไรของนาย? คราวก่อนที่ฉันพูดกับนายยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?” ลู่หย่าฮุ่ยชี้ไปที่หลินอิ่งพูดอย่างไม่เกรงใจ “นายมันหน้าด้านหน้าทนจริงๆ ยังจะมาเกาะแกะฉีโม่ของเราอีก?”
“พ่อคะแม่คะ หนูเป็นคนให้หลินอิ่งเข้ามาเอง หนูจะให้หลินอิ่งไปตี้จิงกับหนูด้วย” จางฉีโม่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“หา?” ลู่หย่าฮุ่ยตกใจอย่างมาก “ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด! ลูกจะพาเศษสวะนี่ไปตี้จิงได้อย่างไร? เที่ยวนี้ลูกไปร่วมงานเครื่องประดับที่ตี้จิง ต้องพบสังคมใหญ่ๆ! พาเขาไปจะไม่ทำให้ลูกขายหน้าเหรอ?”
“คนอย่างหลินอิ่งเรื่องประสบความสำเร็จไม่มีมีแต่เรื่องให้ล้มเหลว เพิ่งจะล่วงเกินคนตระกูลจางในจางซื่อกรุ๊ปใหม่ไปหมาดๆ ทำให้พวกฉันต้องวิ่งเต้นหาเส้นสาย อย่างไรเสียก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขา” ลู่หย่าฮุ่ยพูดด้วยท่าทางไม่พอใจ “ฉีโม่ ลูกพาเขาไปตี้จิงครั้งนี้ ยังไม่รู้เลยว่าจะก่อหายนะอะไรให้ลูก!”
พูดเสร็จ ลู่หย่าฮุ่ยมองหลินอิ่งด้วยความเย็นชา พูดด้วยเสียงดูแคลนว่า: “หลินอิ่ง นายนี่ให้ตายเถอะ นายล่วงเกินเถ้าแก่ใหญ่ในอาคารจางซื่อ นี่คงกลัวขึ้นมาแล้วล่ะสิ? ตอนนี้เลยรีบมาหาฉีโม่ อยากให้ฉีโม่พานายไปตี้จิงเพื่อหนีสินะ? นายนี่วางแผนเก่งจริงๆ”
ในความคิดของหล่อน เห็นว่าหลินอิ่งไม่กล้าเผชิญหน้าการแก้แค้นของจางหงจุน คิดจะไปหลบต่างเมืองกับหลินอิ่ง อยากให้ฉีโม่อปกป้องเขา
“แม่ ไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่แม่คิดเสียหน่อย หนูไปเมืองตี้จิงครั้งนี้เพื่อทำธุระ หลินอิ่งไปเขาช่วยหนูได้” จางฉีโม่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“เขาช่วยได้? น่าขำจริงๆ!” ลู่หย่าฮุ่ยอดถากถางไม่ได้ “หลินอิ่งเป็นคนอย่างไร แม่เห็นนานแล้ว ปกติไม่มีอะไรก็เที่ยวหว่านเสน่ห์ ไม่มาเดินอยู่ที่บ้านหลังนี้หรอก เหมือนอย่างครั้งนี้ ล่วงเกินคนอื่นเข้า ก็รีบมาหลบที่บ้านทันที มาหาลูกเพื่อให้ปกป้องเขา คนอะไรกัน?”
จางฉีโม่อยากจะพูดแต่ก็ต้องหยุด อยากพูดแทนหลินอิ่ง แต่กลับพูดอะไรไม่ออก
เธอก็รู้ดี ว่าพูดไปก็ไม่รู้เรื่องกัน ในสายตาของแม่ ยึดมั่นแล้วว่าหลินอิ่งเป็นเศษสวะ
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ลู่หย่าฮุ่ยยึดมั่นในสิ่งที่ตัวเองรับรู้มาเท่านั้น เธอรู้สึกอย่างไร นั่นก็ต้องเป็นอย่างนั้น ไม่มีเหตุผลเลย
“ฉีโม่ ผมมีธุระต้องขอตัวก่อน พรุ่งนี้เจอกันนะ” หลินอิ่งทักขึ้นมา แล้วก็เดินจากวิลล่าไปด้วยสีหน้าราบเรียบ
“หลินอิ่ง นายอย่าได้คิดอะไรเลวๆ อีก เพราะเรื่องเละเทะที่นายก่อไว้ ทำให้พวกเราต้องวิ่งเต้นหาเส้นสาย ต้องมาสิ้นเปลืองสินน้ำใจ” ลู่หย่าฮุ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นายอย่าคิดตีตัวจากไป เมื่อไหร่ที่ซูนเฉียงกับจางหงจูนมาคิดบัญชีกับนาย พวกเราครอบครัวไม่นิ่งดูดายแน่”
หลิ่นอิ่งส่ายหน้า ไม่มีอะไรจะพูด ตรงดิ่งไปที่ประตูแล้วก็จากไป
ด้านนอกของวิลล่าหิมะมังกร ฮาเดสยังรอด้วยความนอบน้อม
พอหลินอิ่งขึ้นรถ ฮาเดสเคลื่อนรถไปยังเกาะเทียมในแม่น้ำชิงหยูน
หลินอิ่งนั่งอยู่เบาะหลังหลับตาลงพักผ่อนชั่วครู่ จากนั้นก็เอามือถือออกมาโทร
โทรไปหาหยูจื๋อเฉิง
เสียงตึ๊ดๆ ดังขึ้น สายต่อติดแล้ว
“ท่านอิ่ง มีอะไรจะสั่งขอรับ?” ฝั่งคู่สาย เป็นเสียงของหยูจื๋อเฉิงดังเข้ามา
“พรุ่งนี้ฉันจะไปตี้จิง นายลองดูในมือนายที ว่ามียักษ์ใหญ่ในวงการเครื่องประดับของประเทศหลุงพวกไหนบ้าง ที่จะจัดระเบียบช่องทางกิจการเครื่องประดับให้ฉันได้ ฉันต้องการใช้” หลินอิ่งพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“พรุ่งนี้ท่านจะมาตี้จิงหรือขอรับ?” หยูจื๋อเฉิงพูดด้วยความแปลกใจ
เขาไม่ได้รับสายของท่านอิ่งมานานมาก นึกไม่ถึงว่าท่านอิ่งจะกลับตี้จิง