บทที่ 253 คุณไม่ได้มีหน้าตาในสังคม
จางฉีโม่สีหน้าไม่ค่อยดี ดูด้วยความโมโห “หัวหน้าสมาคมจู ปัดเรื่องอื่นออกไม่คุย ครั้งนี้ที่ฉันมาร่วมงานแสดงเครื่องประดับตี้จิง ความสัมพันธ์ทุกด้าน ค่าใช้จ่ายเงินทอง ไม่เคยน้อย? คุณไม่ได้รับเงินสองล้านของฉันเหรอ? นี่หมายถึงคุณช่วยฉันเหรอ?”
เธอฟังคำพูดของจูฟางแล้ว คำพูดที่ไม่น่าฟัง ความรู้สึกโมโหก็ขึ้นมาทันที กลับพูดว่าตัวเองไปขอร้องเธอถึงได้เขามาในงาน?
ตอนหน้านี้ที่เมืองตุงไห่ ได้ตกลงเรื่องนี้กับจูฟางเรียบร้อยแล้ว ได้โอนเงินสองล้านเข้าบัญชีจูฟางแล้ว เซ็นสัญญาเรียบร้อย นี่เป็นการทำธุรกิจปกติ
ตัวเองออกเงิน จูฟางรับเงิน และนี่ ใครกันแน่ที่พึ่งอีกฝั่ง?
“เหอะๆ ปากดีนะ?” จูฟางหัวเราะและพูดเย็นชา ไม่พอใจพฤติกรรมของจางฉีโม่ คนที่มีบริษัทเครื่องประดับเล็กๆแบบนี้ อยู่ต่อหน้าเธอต้องเชื่อฟังถึงจะถูก
“เธอคงไม่คิดว่าสามีไร้น้ำยาของเธอ เป็นสุนัขรับใช้ให้คนอื่น แค่รู้จักผู้จัดการใหญ่ถังคนเดียว นึกว่าเก่งมากเหรอ?”
“ฉันจะบอกเธอนะ ในด้านธุรกิจเครื่องประดับ เธอยังอีกไกล เธออยากหากินที่เมืองตุงไห่ ฉันไม่พยักหน้า เธอไม่มีวันได้เค้กก้อนนี้ไปกินแน่” จูฟางพูดอย่างอวดดี “อีกอย่าง เธอมาร่วมงานแสดงเครื่องประดับนี้จะมีประโยชน์อะไร? สวีเหอแค่พูดคำเดียว ก็สามารถทำให้ธุรกิจของพวกเธอทำต่อไปไม่ได้ มาสูญเปล่าไม่ว่า ไม่แน่ บริษัทเธออาจถูกวงการเครื่องประดับดึงเข้าบัญชีดำก็ได้”
สวีเหออยู่ตรงหน้า จูฟางตั้งใจจะประจบคุณชายสวีคนนี้ โจมตีเยาะเย้ยจางฉีโม่กับหลินอิ่งอย่างไม่ไว้หน้า
“พี่จู พี่ไปแจ้งคนของผู้จัดงานหน่อย ไปทักทาย บอกว่าผมเป็นคนสั่ง ยกเลิกสิทธิ์การเข้างานของจางฉีโม่ อีกอย่าง ดึงบริษัทเครื่องประดับของเขาเข้าบัญชีดำ วงการเครื่องประดับตี้จิงไม่อนุญาตให้บริษัทเข้ามาทำธุรกิจที่นี่” สวีเหอพูดอย่างได้ใจ
“ได้ค่ะ คุณชายสวี ฉันไปติดต่อเดี๋ยวนี้ค่ะ” จูฟางยิ้มตอบ
จางฉีโม่หน้าดำเคร่งเครียด พูดว่า “พวกคุณอย่าดูถูกคนเกินไป”
“ดูถูก? เหอะๆ” สวีเหอหัวเราะ “ไม่ใช่ผมดูถูกรังเกียจพวกคุณ แต่พวกคุณอวดดีเอง นึกว่าตัวเองเป็นใคร จางฉีโม่ เมื่อวานผมให้โอกาสคุณแล้ว อยากช่วยคุณ แต่พวกคุณไม่รับไว้เอง นึกว่าประจบถังฮุยคนเดียวก็ทำอะไรตามใจได้เหรอ?”
หลินอิ่งรู้จักถังฮุยแล้วไง? ถังฮุยจะช่วยเขาได้ทุกอย่างหรือไง? นั่นเป็นแค่ผู้มีอำนาจเขตจงเทียน แต่ที่นี่คือเขตเหยียนหวง อีกอย่างนี่เป็นเรื่องธุรกิจเครื่องประดับ เรื่องนี้ ถังฮุยไม่ได้มีอำนาจและผลกระทบในด้านนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง หลินอิ่งคงเป็นเพียงสุนัขรับใช้คนเดียวเท่านั้น
ไม่นาน ชายในชุดสูทก็เดินมา แขวนป้ายสีแดงพนักงานดูผู้เข้างาน เดินมาด้วยสีหน้าจริงจัง
“คุณชายสวี สวัสดีครับ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรครับ?” พนักงานทักทายสวีเหออย่างมารยาท
“คือแบบนี้ คุณไปจัดพนักงานรักษาความปลอดภัยมา เชิญสองคนนี้ออกไปจากงาน แล้วก็ยกเลิกสิทธิ์การเข้างานของพวกเขา” สวีเหอพูดอย่างใจเย็น
“ได้ครับ คุณชายสวี” ชายชุดสูทพยักหน้าอย่างเคารพ จากนั้นก็มองจางฉีโม่กับจางฉีโม่อย่างไม่เป็นมิตร
“ทั้งสอง ออกจากอาคารเหยียนหวงเดี๋ยวนี้ พวกคุณไม่มีสิทธิ์อยู่ในงาน” ชายชุดสูทพูดอย่างเด็ดขาด
“ไม่ใช่ มีสิทธิ์อะไร?” จางฉีโม่พูดอย่างโมโห รู้สึกคนพวกนี้รังแกคนเกินไป
“พวกคุณเจียมตัวหน่อย อย่าให้ผมไปเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัย ไม่อย่างนั้นพวกคุณจะเหมือนหมาเร่ร่อน ออกไปอย่างโทรมซาน” ชายชุดสูทพูดอย่างไม่เกรงใจ
สวีเหอ คุณชายสวีเป็นถึงรองประธานบริษัทเครื่องประดับสวีซื่อ อำนาจในวงการเครื่องประดับไม่พูดก็รู้ ส่วนสองคนตรงหน้า ไปถามมาแล้ว เป็นแค่คนบ้านนอกมาจากต่างจังหวัดเท่านั้น เขาก็ต้องประจบสวีเหออย่างไม่ต้องลังเล “ไล่ไอ้บ้านนอกสองคนนี้ออกไป”
“เหอะ ถูกต้อง ยังหน้าด้านอยู่ต่ออีก เดี๋ยวพวกแกจะถูกไล่ออกไปอย่างหมาเร่ร่อน” สวีเหอพูดด้วยสีหน้าได้ใจ ดีใจกับสถานการณ์ตอนนี้มาก
หลินอิ่งมองสวีเหอสีหน้าเย็นชา แล้วมองชายชุดสูท จากนั้นก็ยิ้มอย่างเย็นชา
“คุณหลิน สวัสดีครับ ต้องขอโทษด้วย ผมติดธุระ เลยมาช้า”
เวลาเดียวกัน ก็มีเสียงแหบคนหนึ่งดังขึ้น
ชายสูงอายุประมาณอายุ50ปี ในชุดจีนสีเหลือง เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม ข้างกายมีพนักงานชุดสูทสองคน
“คุณหลิน ผมชื่อหลิวเป่า ฮาฮา ได้ยินประธานหยูพูดแล้วว่าคุณจะมา วางใจได้ เรื่องนี้ผมจัดการเอง” หลิวเป่าหัวเราะฮาฮา ทักทายอย่างเกรงใจ
“อย่างนี้ต้องรบกวนคุณหลิวแล้ว” หลินอิ่งพยักหน้าพูด
“ฮา ไม่ต้องเกรงใจ ผมเป็นเพื่อนเก่าแก่กับประธานหยู เรื่องเล็กครับ” หลิวเป่าพูดอย่างเกรงใจ
ถึงแม้เขาจะไม่รู้สถานะของหลินอิ่ง แต่มันไม่สำคัญ
เพราะเช้านี้ ผู้ใหญ่มีอำนาจในตี้จิง หยูจื๋อเฉิงโทรมาด้วยตัวเอง ทักทายเขาอย่างจริงจัง ให้เขาต้อนรับเพื่อนของเขาอย่างดี หลินอิ่งและภรรยา ช่วยเหลือสองคนนี้ขยายธุรกิจเครื่องประดับในตี้จิง
สำหรับหยูจื๋อเฉิงแล้ว เขาไม่กล้าปฏิเสธ
นี่เป็นแค่การช่วยเหลือเล็กน้อย สามารถช่วยคนใหญ่โตอย่างหยูจื๋อเฉิง ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี
“หัวหน้าสมาคมหลิว ท่าน ท่านมาได้ยังไง” พนักงานที่ต่อว่าหลินอิ่งพูดด้วยเหงื่อท่วมหัว เห็นหัวหน้าใหญ่ของตัวเองทักทายหลินอิ่งยิ้มแย้ม ในใจรู้สึกหวาดกลัว เมื่อกี้ยังไปเยาะเย้ยหลินอิ่ง? ทีนี้เรื่องใหญ่แล้ว
“ฉันมาได้ยังไง?” หลิวเป่าหัวเราะเย็นชา มองไปสายตาเย็นชา “ฉันไม่มา ยังไม่รู้ว่านายกล้าเหิมเกริมขนาดนี้ คุณหลินกับคุณนายหลินเป็นแขกที่ฉันเชิญมา แกกล้าไล่พวกเขาออกไป ใครให้สิทธิ์แก?”
“ผม ผม เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผม…..” พนักงานเหงื่อแตกเต็มหน้าผาก พูดจาอ้ำๆอึ้งๆ
“นี่ คือ อาจารย์หลิว”
“ไอ้ไร้น้ำยานี้รู้จักอาจารย์หลิวได้ยังไง?”
หลิวเป่าออกมา พวกจูฟาง ต่างก็สีหน้าตกใจ คิดไม่ถึงว่า หลินอิ่งจะรู้จักคนใหญ่คนโตในวงการเครื่องประดับตี้จิงอย่างหลิวเป่า”
ต้องรู้ว่า หลิวเป่าเป็นหัวหน้าสมาคมเครื่องประดับตี้จิง ยังเป็นผู้รับผิดชอบงานแสดงเครื่องประดับครั้งนี้ด้วย เป็นคนที่สโมสรและบริษัทต่างๆในวงการเครื่องประดับเลือกมา เห็นได้ว่าคนคนนี้มีอำนาจใหญ่โตขนาดไหนในวงการเครื่องประดับตี้จิง
หลิวเป่ายังมีบริษัทเครื่องประดับในตลาดหลักทรัพย์ ฐานะอำนาจเงินทองไม่ธรรมดา ในแวดวงสมาคมผู้มีฐานะในตี้จิง เป็นคนไม่ธรรมดาคนหนึ่ง
“อาจารย์หลิว สวัสดีครับ ผมชื่อสวีเหอ เรื่องนี้ผมเป็นคนจัดการเอง” สวีเหอพูด “อาจารย์หลิว หลินอิ่งคนนี้เคยมีเรื่องกับผม อีกอย่าง ไม่หวังว่าพวกเขาจะทำธุรกิจเครื่องประดับในตี้จิง ท่านไว้หน้าผมได้ไหม? อย่ายุ่งเกี่ยวเรื่องนี้?”
หลิวเป่ามองสวีเหอ พูดอย่างเชื่องช้า “สวีเหอ ผมรู้จักคุณ”
“ฮา อาจารย์หลิวรู้จักผมเหรอ ดีเลยครับ ผมเป็นรองประธานบริษัทเครื่องประดับสวีซื่อ” สวีเหอพูดอย่างยิ้มแย้ม “ผมเชื่อว่าท่านรู้ว่าควรจัดการยังไง”
“คุณไม่อยากให้คุณหลินกับภรรยาทำธุรกิจเครื่องประดับที่ตี้จิง คุณคิดว่าคุณเป็นตัวอะไร?” หลิวเป่ายิ้มอย่างเยาะเย้ย พูดว่า “สวีเหอ อย่าคิดว่าตัวเองเป็นคนใหญ่โตอะไรในวงการเครื่องประดับ ต่อหน้าผม คุณไม่ใช่อะไรเลย”