บทที่ 278 เพื่อนเรียนสมัยมหาลัยของจางฉีโม่
ในมุมมองของนิ่งจองเสิ้ง หลินอิ่งที่มีฐานะเป็นผู้สืบทอดของท่านผู้นั้น อาจจะพอมีความสามารถอยู่บ้าง
แต่ว่าคิดจะให้เบื้องบนทั้งตระกูลนิ่งไปต้อนรับเขา นั่นยังคงไม่มีคุณสมบัติมากพอ
ขอเพียงหลินอิ่งไม่มีอำนาจสืบต่อจากท่านผู้นั้น ต่อให้ฝึกฝนจนมีความสามารถที่แท้จริง แล้วจะมีประโยชน์อะไรกันเล่า?
อีกทั้ง ด้วยอายุหลินอิ่งที่น้อยขนาดนี้ ต่อให้ผู้อาวุโสท่านนั้นในปีนั้นมีใจมอบอำนาจในมือให้เขา แล้วเขาจะควบคุมไหวได้อย่างไร?
“พี่หก จะดูถูกคนอย่างหลินอิ่งไม่ได้นะ” นิ่งจองเป่าพูดด้วยสีหน้าระมัดระวัง “แม้พวกเราจะไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของผู้อาวุโสท่านนั้น ว่ามีอำนาจแข็งแกร่งอะไร แต่กระทั่งนายท่านยังปฏิบัติอย่างระมัดระวังเช่นนี้ พวกเราก็ควรระวังไว้บ้างจะดีกว่า”
นิ่งไปเล็กน้อย นิ่งจองเป่าก็กล่าวต่อว่า “โดยเฉพาะ พวกเรายังไม่แน่ใจว่านายท่านกับผู้อาวุโสท่านนั้นมีความเกี่ยวข้องกันยังไง ติดต่อกันทางไหน สมมติว่าหนนี้หลินอิ่งมาเยือนตระกูลนิ่ง ยืนกรานที่จะพบนายท่านให้ได้ พวกเราควรรับมืออย่างไร?”
“พบนายท่าน?” นิ่งจองเสิ้งสีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นมาแล้วเช่นกัน
นายท่านนิ่งไท่จี๋ ปีนั้นเคยพูดประโยคแบบนี้กับเขา ผู้อาวุโสตระกูลนิ่ง เป็นที่พึ่งที่ใหญ่ที่สุดของวงศ์ตระกูล
เพราะเรื่องเกี่ยวพันถึงวงกว้าง มีเพียงรอจนเขาไปแล้ว หลังสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าตระกูล เขาถึงจะส่งมอบความสัมพันธ์นี้ แจ้งผู้รับช่วงคนต่อไปถึงความสัมพันธ์ที่แท้จริงกับผู้อาวุโสตระกูลนิ่งให้ทราบ โดยเก็บไพ่ใบสุดท้ายนี้ไว้
“ยุ่งยากเสียจริง ตอนนี้นายท่านเคลื่อนไหวไม่ได้ และไม่อาจให้หลินอิ่งผู้นั้นกับนายท่านพบหน้ากันได้ ไม่อย่างนั้นแผนการใหญ่ของเราได้พังกันหมด” นิ่งจองเสิ้งกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ใช่แล้ว การปรากฏตัวของหลินอิ่งในครั้งนี้ ผมก็แค่กังวลว่าทางด้านนายท่านจะเกิดปัญหา” นิ่งจองเป่ากล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
นิ่งจองเสิ้งครุ่นคิดอยู่นาน ราวกับมีวิธีจัดการแล้ว ดวงตาพลันสว่างวาบ
“ทางด้านนายท่านยังไม่เคลียร์ พวกเราไม่อาจให้หลินอิ่งพบเขาได้เป็นอันขาด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกเขามองพิรุธบางอย่างออก ทำลายการใหญ่ของเรา” นิ่งจองเสิ้งกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “สำหรับที่ว่าความสามารถของหลินอิ่งมีมากแค่ไหน พวกเราลองหยั่งเชิงดูสักครั้งก็ไม่เสียหาย ดูว่าเขาเป็นคนยังไงกันแน่”
“หยั่งเชิงสักครั้ง?” นิ่งจองเป่าทำสายตาแปลกใจ “นี่เป็นความคิดที่ดี แต่พวกเราควรจะเชิญใครไปหยั่งเชิงดี?”
“เรื่องนี้ฉันจัดการเอง” นิ่งจองเสิ้งพูด “ฉันจะเชิญยอดฝีมือสองคนออกจากภูเขา จะดูซิว่าผู้สืบทอดของท่านผู้นั้น จะมีความสามารถถึงกี่ส่วน มีทักษะอะไรบ้าง”
หากเป็นเพียงลูกศิษย์ที่เรียนมาแค่ผิวเผิน อย่างนั้นก็มอบเงินให้เขาหน่อยแล้วส่งเขาออกไป” นิ่งจองเสิ้งกล่าวอย่างชะล่าใจ “หากมีความสามารถมากมายจริงๆ ก็เก็บไว้เป็นลูกมือของตระกูลนิ่งเรา”
“เขาไม่มีพลังอันน่าหวาดกลัวอย่างอาจารย์เขา ก็คิดจะมานั่งอยู่ในฐานะผู้อาวุโสตระกูลนิ่ง? ยังกล้าจะให้เบื้องบนของตระกูลนิ่งทั้งหมดมาต้อนรับเขา? ฮึๆ ช่างเพ้อฝันเสียจริง” นิ่งจองเสิ้งเยาะหยัน มีแผนการรัดกุมที่จะใช้รับมือหลินอิ่งแล้ว
“ก็ดี พวกเราจำเป็นต้องสืบดูหลินอิ่งอย่างละเอียดสักครั้ง หากเป็นแค่หมอนปักลายดอกไม้ อย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจอะไรเขาอีก” นิ่งจองเป่าเองก็พยักหน้า เห็นด้วยกับความคิดนี้เช่นกัน
ในใจเขาถึงขั้นกำลังวางแผนอยู่ หากหลินอิ่งแค่เรียนรู้ทักษะและฝีมือมาเพียงนิดเดียว เป็นเพียงแค่เสือกระดาษตัวหนึ่ง เช่นนั้นเขาก็จะหาโอกาสกำจัดหลินอิ่ง ช่วยล้างอายให้กับจ้าวเจี้ยนหนิงลูกเขยของเขา!
“เอาล่ะ จองเป่า นายไม่ต้องกังวลอีกแล้ว ฉันจะจัดการทุกอย่างเอง ก็แค่คนชั้นต่ำคนหนึ่งเท่านั้น” นิ่งจองเสิ้งกล่าวอย่างสบายๆ
……
ตี้จิง ณ ร้านกาแฟฟรานซิส
ร้านกาแฟแห่งนี้ตั้งอยู่ที่พาณิชย์พลาซ่าหลงเถิงในเขตใจกลางเมืองอันแสนคึกคัก เป็นร้านกาแฟชื่อดังในเขตพื้นที่แห่งนี้ ก่อตั้งโดยบริษัทข้ามชาติแห่งหนึ่ง ชื่อแบรนด์สินค้าโด่งดังอย่างมาก เป็นสถานที่ที่คนหนุ่มสาวส่วนใหญ่ในตี้จิงชอบมาเยือน
จางฉีโม่โบกรถ มาหยุดยังเขตพาณิชย์พลาซ่าหลงเถิง
หลังหลงจากรถ เธอก็หยิบมือถือออกมาต่อสายโทรหาคนคนหนึ่ง
เธอเองก็มีกลุ่มเพื่อนอยู่ในตี้จิงเช่นกัน เป็นกลุ่มเพื่อนสมัยมหาลัย ครั้งนี้มาถึงตี้จิง ได้รับคำเชิญจากเพื่อนร่วมชั้นมากมาย จึงวางแผนจะไปรำลึกความหลัง
ในตอนนั้นจางฉีโม่เรียนจบการออกแบบจากมหาวิทยาลัยตี้จิง เธอยังเป็นนักศึกษาดีเด่นอีกด้วย
หลังเรียนจบไม่นาน จางฉีโม่ก็กลับไปยังเมืองชิงหยูนบ้านเกิด ภายใต้การจัดการของคุณปู่ จึงได้เข้ามาทำงานในบริษัทเครื่องประดับจางซื่อกิจการของตระกูล โดยไต่เต้าขึ้นมาจากขั้นต่ำสุด
เดิมที นายท่านตระกูลจางในตอนนั้นรักใคร่เอ็นดูจางฉีโม่เป็นพิเศษ มีความคิดจะฝึกสอนจางฉีโม่ ให้เธอได้อำนาจดูแลบริษัทไปทีละขั้น เพราะอย่างไรก็จบมาจากมหาวิทยาลัยตี้จิง ความสามารถเฉพาะทางย่อมผ่านมาตรฐานอย่างแน่นอน
เพียงแต่น่าเสียดาย จางฉีโม่ยังเพิ่งจะเข้าทำงานได้ไม่นาน จางเวิ่นติ่งก็จากโลกนี้ไป
ด้วยเหตุนี้ จางฉีโม่อยู่ในบริษัทจางซื่อจึงไม่มีวันได้โงหัวมาตลอด และไม่มีโอกาสได้กลับไปตี้จิงอีก จึงไม่ได้ติดต่อกับเพื่อนเรียนสมัยมหาวิทยาลัยอีกเลย
จนกระทั่งหนนี้ ได้มาเยือนตี้จิงเพื่อเข้าร่วมงานเครื่องประดับกับหลินอิ่ง เธอจึงมีโอกาสได้พบปะพูดคุยกับเพื่อนร่วมชั้นในวันวาน
พอลงจากรถแล้ว จางฉีโม่ก็มองเห็นการตกแต่งที่หรูหราตระการตา พาณิชย์พลาซ่าหลงเถิงมีคนไปมาขวักไขว่ สายตาได้หยุดอยู่ที่ร้านกาแฟที่มีการตกแต่งสไตล์ตะวันตกร้านหนึ่ง
“พริบตาก็จบมาหลายปีแล้วสินะ” จางฉีโม่ดวงตาสั่นไหว รู้สึกทอดถอนใจอยู่บ้าง
มหาวิทยาลัยตี้จิงอยู่ใกล้ๆ กับพาณิชย์พลาซ่าหลงเถิง ตอนที่เธอกำลังเรียนอยู่ในมหาลัย เคยผ่านตลาดพลาซ่านี้ ปกติหากต้องการซื้อของสิ่งใด ที่นี่ล้วนมีหมด
ส่วนร้านกาแฟ เป็นสถานที่ที่เธอชอบมาอ่านหนังสือและพักผ่อนมากที่สุดในวันหยุดสุดสัปดาห์ มีความทรงจำอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง
ดังนั้น พอได้เห็นร้านกาแฟแห่งนี้ จึงสะกิดความทรงจำขึ้นมาทันที
“เฮ้ ฉีโม่! เรียนจบมาสองสามปีแล้ว เธอไม่เปลี่ยนไปเลย ยังสวยเหมือนเดิม”
ในเวลานี้เอง ชายหญิงสองสามคนก็เดินเข้ามา ชายหนุ่มในชุดลำลองคนหนึ่งพูดยิ้มๆ
“แล้วไม่ใช่หรือไง อย่างไรฉีโม่ก็คือดาวมหาลัยของรุ่นเรานี่นา!” หญิงสาวคนหนึ่งกล่าวยิ้มๆ
“พอแล้ว พวกเธอชมเกินไปแล้ว” จางฉีโม่พูด
“ไปกันเถอะ ฉีโม่ พวกเพื่อนๆ รออยู่ในร้านกาแฟแล้วล่ะ จองห้องส่วนตัวไว้แล้ว เข้าไปดื่มกาแฟข้างในกัน”
พูดเสร็จ จางฉีโม่กับกลุ่มเพื่อนก็เดินเข้าไปในร้านกาแฟฟรานซิส
การตกแต่งภายในร้านกาแฟค่อนข้างมีรสนิยม คล้ายกับเมืองเล็กๆ ในยุคกลาง แม้แต่บริกรที่อยู่ด้านในก็ยังแต่งตัวสไตล์พังค์ว
คณะของจางฉีโม่กำลังเดินเข้าไปยังห้องส่วนตัวที่ชื่อว่า Francois
บนโต๊ะมีคนอยู่ประมาณสิบคน
บนโต๊ะอาหารตรงที่นั่งของแต่ละคนต่างมีจานอาหารวางไว้เดี่ยวๆ บนโต๊ะล้วนเป็นเมนูอาหารตะวันตก
“ฉีโม่ ยินดีต้อนรับ พวกเราไม่ได้พบหน้ากันมาตั้งหลายปีแล้วนะ ทำไมเธอไม่กลับมาตี้จิงบ้างเลย” หญิงสาวคนหนึ่งพูดจาเปิดเผย นั่งอยู่ข้างกายฉีโม่ พูดขึ้นมา
“นั่นสิ หลังเรียนจบก็ไม่ได้ยินข่าวของเธออีกเลย อยู่ที่บ้านเดิมเป็นยังไงบ้าง?”
“ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง หลังเรียนจบฉันก็ทำงานอยู่ในบริษัทของตระกูล ก็เลยมาตี้จิงน้อยครั้งมาก” จางฉีโม่กล่าวอย่างสุภาพ
“เฮ้ ทำงานอยู่ที่บ้านเดิมมันสนุกตรงไหนกัน? ฉีโม่ ทำไมไม่มาตี้จิงล่ะ ฉันหางานดีๆ ให้เธอได้นะ” หญิงสาวแต่งกายสวยหรูคนหนึ่งพูดขึ้นมา
“ฮ่าๆ ฉีโม่ แม้แต่นิ่งเสี่ยวชิงก็ยังบอกว่าจะช่วยหางานให้เธอ แบบนี้ยังมีอะไรจะพูดอีก ด้วยภูมิหลังวงศ์ตระกูลของเสี่ยวชิง นั่นเท่ากับได้ทำงานตามใจชอบในตำแหน่งสูงของบริษัทใหญ่ในตี้จิงเชียวนะ” ชายหนุ่มคนหนึ่งกล่าวประจบ
“เสี่ยวชิง อาชีพการงานในตอนนี้ของฉันยังนับว่ามั่นคงดีอยู่ ฉันขอบคุณในความหวังดีของเธอมาก” จางฉีโม่ยิ้มพลางตอบอย่างสุภาพ
นิ่งเสี่ยวชิงเป็นรูมเมทของจางฉีโม่ในช่วงที่กำลังเรียนอยู่ ความสัมพันธ์ในอดีตถือว่าไม่เลวอย่างมาก ช่วงอยู่มหาวิทยาลัยก็เคยได้ยินว่า ภูมิหลังวงศ์ตระกูลของนิ่งเสี่ยวชิงแข็งแกร่งอย่างมาก
“หา? งั้นหรือ? อาชีพการงานมั่นคงดีมาก?” นิ่งเสี่ยวชิงหัวเราะ “ฉีโม่ ทำไมฉันฟังดูไม่เห็นเป็นอย่างนั้นเลยล่ะ? เธอดูสิ ตอนมานัดรวมรุ่นเธอก็โบกรถมา ฉันรู้สึกว่ามันไม่มีหน้ามีตาเลยนะ มีปัญหาอะไร เธอบอกฉันไม่ได้เหรอ?”