ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่ 286 ตระกูลนิ่งใหญ่มากใช่ไหม?

บทที่ 286 ตระกูลนิ่งใหญ่มากใช่ไหม?

บทที่ 286 ตระกูลนิ่งใหญ่มากใช่ไหม?

“นิ่งเสี่ยวชิง ประธานหลินอยู่ตรงนี้ เธอคิดว่าเธอเป็นใคร? บอกให้เธอดื่มเหล้าขอโทษไม่ได้ยินใช่ไหม?” ถูซานมองนิ่งเสี่ยวชิงพูดเย็นชา

นิ่งเสี่ยวชิงสีหน้าคลุมเครือ รู้สึกลำบากใจ

ตอนนี้สถานการณ์พลิกผัน ทุกคนต่างยกแก้วดื่มให้กับหลินอิ่ง มีเพียงเธอยืนนิ่งกับที่

เธอไม่รู้ควรทำยังไง

เป็นไปได้ยังไง สามีไร้น้ำยาของจางฉีโม่ กลายเป็นเจ้านายของถูซาน

นี่มันต้องมีอำนาจความสามารถแค่ไหนถึงจะทำได้?

“ฉัน……ฉัน” นิ่งเสี่ยวชิงสีหน้าทั้งแดงทั้งซีด มองไปที่หลินอิ่ง อึดอัดพูดไม่ออก

“เธออะไรเธอ?” ถูซานต่อว่าอย่างโมโห “ทำไม่รู้สึกไม่พอใจหรือไง? กล้ารังแกคุณนายหลินแบบนี้ ยังกล้าให้ประธานหลินขอโทษอีก เชื่อไหม ว่าฉันให้เธอเดินออกจากหลงเถิงไม่ได้”

ปกติถูซานยังไม่กล้าโมโหใส่นิ่งเสี่ยวชิงขนาดนี้ เพราะว่าอำนาจของเขายังต่างกับพ่อนิ่งเสี่ยวชิงอยู่บ้าง

แต่วันนี้ท่านอิ่งอยู่ด้วย นิ่งเสี่ยวชิงมีเรื่องกับท่านอิ่ง ถึงพ่อของนิ่งเสี่ยวชิงออกหน้าด้วยตัวเอง ก็คนละระดับกัน

นิ่งเสี่ยวชิงยังไงก็ไม่ยอมขอโทษหลินอิ่ง เธอรู้สึกเสียศักดิ์ศรีเกินไป หันไปมองจางฉีโม่

“ฉีโม่ ทุกคนต่างก็เป็นเพื่อนร่วมห้องกัน สามีเธอหลินอิ่งทำเกินไปไหม? ฉันแค่ด่าเขาไม่กี่คำ เขาก็จะให้ฉันขอโทษ?” นิ่งเสี่ยวชิงพูด

จางฉีโม่สีหน้าลังเล ตอนแรกอยากช่วยนิ่งเสี่ยวชิงพูด แต่คิดไปคิดมา ก่อนหน้านี้นิ่งเสี่ยวชิงหาเรื่องทำให้หลินอิ่งลำบากใจ ก็ไม่ได้พูดอะไร

“เกินไป?” หลินอิ่งส่ายหน้า

นิ่งเสี่ยวชิงคำแล้วคำเล่าก็ดูถูกคนอื่นไร้น้ำยา ถูซานให้นิ่งเสี่ยวชิงขอโทษเขา ก็แค่เลียนแบบที่นิ่งเสี่ยวชิงบังคับเขาขอโทษเมื่อกี้เท่านั้น

นิ่งเสี่ยวชิงทำแบบนี้ได้ คนอื่นให้เธอทำ ก็บอกว่าเกินไป?

“เธออยากถามไม่ใช่เหรอ ว่าฉันให้ใครช่วยจัดการเรื่องอาคารสำนักงานที่จงเทียนซิงเฉิง?” หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย “ฉันตอบเธอตอนนี้ ก็คือนกอินทรี”

ได้ยินคำนี้ นิ่งเสี่ยวชิงสีหน้าแดงด้วยความอับอาย อยากขุดหลุมลงไป

เธอจับเรื่องนี้ที่หลินอิ่งพูดไม่ยอมปล่อย บอกว่าหลินอิ่งโม้ จะให้ถูซานมาถามหลินอิ่ง ปรากฏว่า คิดไม่ถึงว่าหลินอิ่งให้ถูซานไปทำเรื่องนี้

ตอนนี้ก็อับอายขายหน้าต่อหน้าเพื่อนร่วมห้องแล้ว

ทุกคนในงาน ต่างก็หน้าแดงก่ำ เหงื่อท่วมหน้าผาก

ที่แท้หลินอิ่งไม่ได้โกหกสักคำ เพียงแค่ พวกเขาโลกแคบเกินไป……

“ประธานหลิน พวกนิ่งเสี่ยวชิงไม่คู่ควรที่ท่านลงมือเอง ผมว่านิ่งเสี่ยวชิงยังไม่พอใจ ท่านให้ผมจัดการเรื่องนี้ เดี๋ยวผมจะจัดการให้ดีครับ” ถูซานพูดอย่างเคารพ

หลินอิ่งไม่ได้แสดงอาการ ดื่มเหล้าต่อ

ได้ยินคำพูดของถูซาน นิ่งเสี่ยวชิงก็เหงื่อท่วมหัว

คราวนี้ถูซานจะเอาจริงแล้ว ถ้าให้หัวหน้าโลกแห่งความมืดคนนี้ลงมือ เธออาจจะต้องหายหน้ากว่านี้ก็ได้

“ประธานถู วันนี้จะทำให้ฉันขายหน้าจริง ทางด้านพ่อฉันก็ไม่นิ่งดูดายแน่” นิ่งเสี่ยวชิงยังไม่ยอม จนยกพ่อเธอออกมาพูด

“เอาอย่างนี้ก็ได้ โทรเรียกให้พ่อเธอมา ฉันก็รู้สึกว่าเธอไม่คู่ควรยืนพูดต่อหน้าประธานหลิน”

ถูซานพูดเสียงเย็นชา

“ถ้าอย่างนั้นฉันจะโทรหาพ่อฉัน” นิ่งเสี่ยวชิงโมโห ถูซานแม้แต่พ่อของเธอก็ไม่มีในสายตา

“นี่……”

ทุกคนที่นั่งต่างก็ทำสีหน้าตกใจ คิดไม่ถึงว่าเรื่องจะมาถึงขั้นนี้ได้

หลินอิ่งสามีไร้น้ำยาของจางฉีโม่ ถูกพวกเขาพูดเสียดสีดูถูก ทำให้นิ่งเสี่ยวชิงต้องเรียกพ่อมาจัดการถึงที่เลย

อีกอย่าง ดูจากสถานการณ์แล้ว ถึงแม้พ่อของนิ่งเสี่ยวชิงมาแล้ว ถูซานก็ไม่ไว้หน้า

ไม่รู้จริงๆ หลินอิ่งเป็นใครมีความสามารถแค่ไหน ถึงทำให้ถูซานเคารพนับถือช่วยเขาได้ขนาดนี้ จนทำให้ฉีดหน้านิ่งเสี่ยวชิงได้

แต่ว่า พวกเขาต่างก็เงียบไม่กล้าพูด การแข่งขันระหว่างสองคนนี้ มันเป็นการต่อสู้ระหว่างเทวดา ด้วยฐานะของพวกเขาแล้ว ไม่กล้าแม้แต่พูด

ทุกคนในนี้ต่างก็รู้ พ่อของนิ่งเสี่ยวชิง นิ่งจองเสียน นั่นเป็นผู้ถืออำนาจใหญ่สุดของตระกูลนิ่งแห่งตี้จิง อำนาจในตระกูลนิ่งไม่เล็ก

“ถูซาน ถ้าพ่อฉันมา ฉันจะดูว่าคุณจะพูดกับพ่อฉันยังไง” นิ่งเสี่ยวชิงพูดเสียงเรียบ ทำตัวเป็นคุณหนู

ถูซานให้เธอขอโทษหลินอิ่ง เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด

“ถูซาน ฉันเคารพคุณ แต่คุณก็รู้ ว่าฉันเป็นคนของตระกูลนิ่ง ฉันออกมาก็หมายถึงหน้าตาตระกูลนิ่ง จะให้ฉันก้มหน้า นั่นมันหักหน้าตระกูลนิ่งสิ้นดี” นิ่งเสี่ยวชิงพูดเตือน

“ตระกูลนิ่งใหญ่โตมากเหรอ?” หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย

“แก” นิ่งเสี่ยวชิงสีหน้าตะลึง คิดไม่ถึงหลินอิ่งไม่มีตระกูลนิ่งอยู่ในสายตาเลย

“หลินอิ่ง ฉันยอมรับว่าคุณมีความสัมพันธ์ในตี้จิง ไม่ใช่คนไร้น้ำยาอย่างที่ฉันพูด” นิ่งเสี่ยวชิงพูด “แต่ว่า แต่อย่าคิดว่าตัวเองสูงส่ง คาดว่านายยังไม่รู้ว่าตระกูลนิ่งเป็นตระกูลยังไง?”

นิ่งเสี่ยวชิงหัวเราะเย็นชา ก่อนหน้านี้ยังเดาว่าหลินอิ่งเป็นใครมาจากไหน แต่พอได้ยินหลินอิ่งพูดคำนี้ ก็คืนสภาพตัวเองแล้ว เผยฐานะตัวเองทันที

อยากทำมาหากินที่ตี้จิง โง่ขนาดไหน ถึงพูดจาโง่ได้ขนาดนี้? ยังถามว่าตระกูลนิ่งใหญ่มากเหรอ?

นั่นเป็นตระกูลหนึ่งในห้าที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศหลุง

“น้ำหน้าอย่างนายเหรอพูดต่อหน้าฉัน วันนี้ เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆแน่” นิ่งเสี่ยวชิงพูดอย่างโมโห หยิบมือถือมาโทรศัพท์

ถูซานขมวดคิ้ว มองไปที่หลินอิ่ง

ตอนนี้เขาไม่กล้าตัดสินใจแล้ว

หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ “ให้เธอเรียกคนตระกูลนิ่งมา”

ถูซานเดินไปข้างหน้าหลินอิ่ง พูดเสียงเบา “ประธานหลิน พ่อของนิ่งเสี่ยวชิง นิ่งจองเสียน ในตี้จิงก็มีอำนาจพอสมควร หรือไม่ผมโทรหาลูกพี่หยู ให้เขาจัดคนมา?”

“ไม่ต้อง” หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ

เขาให้หยูจื๋อเฉิงจัดการเรื่องของจี้ฉงซาน เรื่องเล็กแค่นี้ ไม่จำเป็นต้องให้หยูจื๋อเฉิงเอาคนมา

“ครับ” ถูซานพยักหน้า สีหน้าเคารพ

ถูซานไม่กล้าตัดสินแทนหลินอิ่ง แค่สงสัยในใจ ประธานหลินไม่ได้ให้ลูกพี่หยูออกมาจัดการ หรือว่าเขายังมีอำนาจอื่นที่ตี้จิงอีก?

ต้องรู้ว่า เพียงแค่เขาถูซาน ในสถานการณ์แบบนี้ก็เอาพ่อของนิ่งเสี่ยวชิง นิ่งจองเสียนไม่ไหว

“คอยดู หลินอิ่ง แกอย่าคิดว่ารู้จักแค่ถูซานคนเดียว ก็จะมาเทียบเท่ากับฉันได้ จะเทียบความสามารถ แกยังห่างอีกไกล” นิ่งเสี่ยวชิงพูดอย่างยโสโอหัง วางโทรศัพท์ มองหลินอิ่ง

“ฉีโม่ เธอไม่ต้องกังวล เห็นแก่หน้าเธอ ฉันไม่ทำให้หลินอิ่งลำบากหรอก ก็แค่ให้เขาขอโทษฉัน ยอมรับว่าตัวเองไร้น้ำยาก็พอ” นิ่งเสี่ยวชิงมองจางฉีโม่ พูดด้วยสีหน้าได้ใจ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท