ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่ 319 พิธีการขึ้นครองตำแหน่ง

บทที่ 319 พิธีการขึ้นครองตำแหน่ง

หลังจากจัดการเรื่องของตระกูลนิ่งเรียบร้อยแล้ว

ในวันเดียวกัน หลินอิ่งก็กลับมาถึงที่จงเทียนซิงเฉิง ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาโครงการปรับปรุงอาคารดวงดาวกำลังดำเนินไปอย่างเต็มกำลัง ในช่วงเวลาสั้นๆ ศูนย์การค้าเครื่องประดับระดับโลกแห่งนี้ที่ออกแบบโดยทีมงานระดับมืออาชีพของบริษัทชั้นนำระดับนานาชาติ ที่ใช้เงินทุนจำนวนมหาศาล ก็จะเปิดตัวอยู่บนโลกใบนี้แล้ว

จางฉีโม่ อยู่ในสำนักงานประธานของจงเทียนซิงเฉิง ยุ่งอยู่กับการทำงานหนักอยู่ตลอดเวลา เรื่องจำนวนมากมายของบริษัทจะต้องลงมือจัดการด้วยตัวเอง

เพราะยังไง นี่ก็คือความพยายามของหลินอิ่ง ที่จะมอบของขวัญที่อยากได้มากที่สุด ให้กับเธอ เพื่อช่วยเติมเต็มความฝันของเธอ!

ดังนั้น เธอจึงต้องทำตามความคิดของเธอเอง เพื่อสร้างเซ็นจูรี่จิวเวลรี่ซิตี้ที่เป็นของตัวเองและหลินอิ่งออกมา

ในเวลานี้ จงเทียนซิงเฉิง อาคารดวงดาว

ในห้องทำงานบนชั้นหกสิบหก หลินอิ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ขนาดใหญ่ พร้อมกับถ้วยน้ำชาดำในมือ สูดดมกลิ่นหอมอย่างเบาๆ ส่วนหยูจื๋อเฉิงยืนอยู่ข้างโต๊ะอย่างเคารพ

ไม่นานหลังจากที่หลินอิ่งกลับไปถึงที่จงเทียนซิงเฉิง ก็ได้รับข้อความจากหยูจื๋อเฉิง เกี่ยวกับการสืบสวนเรื่องของตระกูลเหวินและจี้ฉงซาน และเริ่มมีความคืบหน้าเล็กน้อยแล้ว

ตามแนวโน้มแล้ว ให้หยูจื๋อเฉิงออกมารายงานสถานการณ์

“ท่านอิ่ง ผมได้ตรวจสอบแล้ว คราวนี้จี้ฉงซานมาที่ตี้จิงเพื่อเข้าร่วมการประชุมสภาแห่งชาติ ตามตารางงานเขาจะออกจากเมืองหลวงและกลับไปที่เมืองก่าง หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือนเท่านั้น” หยูจื๋อเฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“และในช่วงเวลานี้ จี้ฉงซานดูเหมือนจะมีการป้องกัน ระมัดระวังมากขึ้น และยามรอบๆ ตัวเขาก็เข้มงวดมาก ยิ่งกว่านั้นเขาเก็บตัวมากว่าออกมาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย นอกจากจะพูดคุยกับผู้ใหญ่ในราชการสามแถวแรกของตี้จิงอย่างเป็นทางการแล้ว ปกติมักจะอยู่ในโรงแรมเฉพาะการของรัฐจัดให้เท่านั้น ผมหาโอกาสลงมือไม่ได้เลย”

หลินอิ่งพยักหน้าเล็กน้อย เมื่อเขาไปถึงจุดระดับเหมือนจี้ฉงซาน ทุกการเคลื่อนไหวของเขานั้นไม่เหมือนกับคนธรรมดา โดยเฉพาะคนคนนี้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งกับตระกูลเหวิน เขารู้แน่ว่าตี้จิงหลินอิ่งกำลังติดตามสืบตระกูลเหวินอยู่ และเขากล้ามาที่ตี้จิง ก็ต้องมีคนที่พึ่งพาได้โดยธรรมชาติ จะต้องมีความระมัดระวังอยู่แล้ว

และเซ็นจูรี่จิวเวลรี่ซิตี้ ซึ่งเป็นโรงแรมที่มีภูมิหลังอย่างเป็นทางการที่ใหญ่ที่สุดของประเทศหลุง ปกติมักใช้เพื่อต้อนรับบุคคลสำคัญจากต่างประเทศ แขก และนักการทูตต่างประเทศ และตัวแทนจากอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีอิทธิพลสำคัญในประเทศหลุงประเทศหลุงเท่านั้น

ในสถานที่เหล่านี้ หลินอิ่งไม่ได้บอกว่าเขาไม่สามารถเคลื่อนย้ายผู้คนออกไปได้

เพียงแต่ ด้วยความเคารพ

“รายละเอียดมรดกทางธุรกิจของตระกูลเหวินของตี้จิง ที่จี้ฉงซานได้รับมือมีอะไรบ้าง? คุณได้ตรวจสอบให้ชัดเจนแล้วหรือยัง?” หลินอิ่งถามว่า

หยูจื๋อเฉิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “อุตสาหกรรมหลักของตระกูลเหวินก่อนหน้านี้ อยู่ในเขตหัวหยาง ผมช่วยให้ท่านหลินตรวจรับแล้วส่วนใหญ่ของมันในด้านสว่าง แต่ตระกูลเหวินอยู่ที่ลับ และเครือข่ายความสัมพันธ์ เกี่ยวพันกันไม่ชัดเจนเลย พูดได้ว่า เป็นตะขาบตายแต่ไม่แข็งตัว”

“กองกำลังความสัมพันธ์ในความมืดก่อนหน้านี้ เกรงกลัวความสง่างามของท่านอิ่ง และพวกเขายังไม่กล้าปรากฏตัว แต่ในครั้งนี้ มีจี้ฉงซานผู้ยิ่งใหญ่มาจากเมืองก่าง เขาก็ลุกขึ้นมาอีกครั้ง” หยูจื๋อเฉิงกล่าวอย่างเคร่งเครียด

“ลุกขึ้นมาอีกครั้งงั้นเหรอ?” หลินอิ่งเยาะเย้ยที่มุมปากของเขา

หลังจากที่ต้นไม้ใหญ่อย่างตระกูลเหวินแห่งตี้จิงล้มลง กองกำลังของข้าราชบริพารที่อยู่ภายใต้ตระกูลเหวิน การซ่อนหัวแสดงหางและก้มศีรษะก็ไม่ว่ากัน ตัวเองไม่ได้วางแผนที่จะฆ่าพวกเขาทั้งหมด

ในวันนี้ ยังอยากจะพึ่งพาเจ้าสัวจี้คนหนึ่ง เพื่อลุกขึ้นยืนอีกครั้งงั้นเหรอ?

ใครก็ตามที่มีความสัมพันธ์กับตระกูลเหวิน เขาจะไม่มีวันปล่อยมันไปอย่างแน่นอน เขาจะต้องฆ่าทิ้งให้หมด!

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเดินทางจากตระกูลนิ่งในครั้งนี้ ความลึกลับในตระกูลนิ่ง “กงจิ่ว” ที่อยู่เบื้องหลังตระกูลนิ่ง ทำให้หลินอิ่งรู้สึกว่า พลังลึกลับนี้อาจเกี่ยวข้องกับตระกูลเหวิน ที่แอบซ่อนตัวอยู่ในความมืด

เพราะมันบังเอิญเกินไป วิธีการจัดวางก็เหมือนกันมากเลย

แทรกแซงเรื่องของตระกูลยักษ์ใหญ่ทั้งห้าแห่งของตี้จิง และแทรกซึมจากภายใน ยิ่งกว่านั้น ทุกการกระทำดูเหมือนจะมุ่งเป้าไปที่การทดสอบตัวเอง

“นอกจากนี้ ผมยังพบว่า ตระกูลสวีแห่งตี้จิงเริ่มแทรกแซงในเรื่องของเขตหัวหยาง และมีความร่วมมือกับจี้ฉงซานอยู่บ้าง” หยูจื๋อเฉิงกล่าว

หลินอิ่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “กองกำลังเล็กๆ ในเขตหัวหยาง ปล่อยให้พวกเขากระโดดไปก่อนชั่วคราว ยังมีตระกูลสวี เพียงแค่จับจ้องไว้ก็พอ จับโจรต้องจับหัวหน้าแก๊งก่อน สิ่งสำคัญคือจับตัวจี้ฉงซาน คุณต้องจับตาดูเขาไว้ให้ดี”

“ข้าน้อยรับทราบ” หยูจื๋อเฉิงพยักหน้าด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม

หลินอิ่งเคาะนิ้วของเขาบนพื้นโต๊ะ และพูดว่า “นอกจากนี้ คุณไปตรวจสอบให้ผมหน่อย อำนาจและมหาเศรษฐีทั้งหมดที่มีความเกี่ยวข้องกับญี่ปุ่นในตี้จิง”

ได้ยินจากปากนิ่งไท่จี๋ ได้รับการยืนยันแล้วว่า “กงจิ่ว” ผู้ลึกลับที่อยู่เบื้องหลังนิ่งจองเต้ามีภูมิหลังเป็นญี่ปุ่น

“กองกำลังตระกูลร่ำรวยที่เกี่ยวข้องกับญี่ปุ่น……..ไม่ต้องกังวล ท่านอิ่ง ผมจะรวบรวมรายชื่อตระกูลที่ร่ำรวยของญี่ปุ่นให้คุณชุดหนึ่ง” หยูจื๋อเฉิงกล่าวอย่างเคร่งเครียด โดยไม่ถามอะไรเพิ่มเติม

“เอาล่ะ หากมีสถานการณ์ผิดปกติใดๆ ที่จี้ฉงซาน รายงานให้ผมทราบได้ตลอดเวลา”

หลินอิ่งออกคำสั่ง ลุกขึ้นและเดินจากไป หยูจื๋อเฉิงเดินส่งไปถึงที่ประตูด้วยความเคารพ

ในคืนนั้น หลินอิ่งพักอยู่ที่จงเทียนซิงเฉิง ทานอาหารเย็นกับฉีโม่ และพูดคุยเรื่องเกี่ยวกับบริษัทเครื่องประดับ

ในตอนเช้า ของวันที่สอง

หลินอิ่งสั่งให้ฮาเดสขับรถไปที่อาคานิ่งซื่ออินเตอร์เนชันแนลในเขตเสิ่นหนง

ในวันนี้ ตระกูลนิ่งแห่งตี้จิงประกาศให้คนดังทุกคนในแวดวงคนดังของตี้จิงทราบ และได้ออกจดหมายเชิญ ว่ากำลังจะจัดพิธีการขึ้นครองอำนาจอันยิ่งใหญ่ในอาคารนิ่งซื่ออินเตอร์เนชันแนล!

จุดประสงค์ ก็คือเพื่อแสดงความยินดีกับหัวหน้าคนใหม่ของตระกูลนิ่ง ผู้อาวุโสผู้ลึกลับ

ข่าวข้อนี้ ทำให้คนทั้งตี้จิงและขุนนางตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดเลยว่า ตระกูลนิ่งแห่งตี้จิงจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในทันใด นิ่งไท่จี๋เกษียณอายุ ผู้อาวุโสลึกลับมาจากภายนอก ซึ่งเข้าครองอาณาจักรธุรกิจของบริษัทนิ่งซื่อขนาดนั้น

ในเมืองตี้จิง ตัวแทนของตระกูลขุนนางบางคนที่สามารถเข้าสู่วงการของบุคคลที่มีอำนาจ รวมถึงบุคคลสำคัญของเมืองหลวง ต่างก็ได้รับเชิญ ให้มาเข้าร่วมพิธีครองอำนาจ

เพราะยังไง ถ้าอยากจะดำรงอยู่ในวงการคนดังและการผสมผสานทางธุรกิจอยู่ในตี้จิง ใบหน้าของตระกูลนิ่งแห่งตี้จิง จะต้องถนอมด้วย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยังเป็นงานครองตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่ของการเปลี่ยนแปลงผู้นำตระกูลนิ่งแห่งตี้จิงอีกด้วย! มันจำเป็นจะต้องไปเข้าร่วมอย่างแน่นอน!

แม้กระทั่ง สามารถไปเข้าร่วมพิธีครองตำแหน่งได้ สำหรับขุนนางของตี้จิงส่วนใหญ่ นั่นเป็นสิ่งที่สามารถอวดสถานะของตน และอวดให้ผู้อื่นได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่ผู้ลึกลับของตระกูลนิ่งแห่งตี้จิง ก็ทำให้เกิดความโด่งดังอยู่ในแวดวงของขุนนางของตี้จิง ทำให้หลายคนสงสัยและสนใจ มันเป็นเรื่องน่าตกใจทางโลก ที่ตระกูลนิ่งยอมให้บุคคลภายนอกเข้าครองอำนาจ!

ตามท้องถนนและตรอกซอกซอยของตี้จิง ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างก็สงสัยว่า ผู้อาวุโสของตระกูลนิ่งผู้ลึกลับผู้นี้? เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างไรกันแน่? ด้วยพลังที่สามารถบดขยี้คนที่ทรงพลังจำนวนมากในตระกูลนิ่งได้ ทำให้คนทั้งตระกูลนิ่งสามารถก้มหัวด้วยความเต็มใจต่อเขาได้ และจัดงานครองตำแหน่งให้กับเขายิ่งใหญ่ขนาดนี้!

จัตุรัสหน้าอาคารนานาชาตินิ่งซื่อ

ขณะนั้นคนแน่นมากแล้ว และโรลส์รอยซ์สีดำก็จอดเรียงกันเป็นแถว บอดี้การ์ดนับไม่ถ้วนสวมสูทและรองเท้าหนัง ยืนเรียงแถวหน้ารถ แต่ละคนทำหน้าเคร่งขรึม ราวกับต้อนรับการมาถึงของผู้ยิ่งใหญ่ที่จะมาถึง

ที่หน้าประตูของอาคาร หลายคนที่มีหน้ามีตาของตระกูลนิ่ง กำลังรอด้วยใบหน้าที่เคารพนับถือ

ฉากนี้ เอิกเกริกนี้ สร้างความตกใจให้กับทุกคนที่มาร่วมงานครองตำแหน่ง

“เสียงตบลิ้น นี่มันยิ่งใหญ่เกินไปไหม การจัดงานแบบนี้ เมื่อใดที่ผมสามารถได้รับการต้อนรับแบบนี้ มันจะคุ้มค่าตลอดชีวิตของผม” ชายหนุ่มผู้มาชมกล่าวด้วยความประหลาดใจและตบลิ้น

“นี่มันน่าทึ่งเกินไปจริงๆ อย่างไรก็ตาม จุดสนใจไม่ได้อยู่ที่การอวดดีของบอดี้การ์ดและรถหรู แต่อยู่ที่คนที่มาต้อนรับ คุณดูสิ ผมจำได้ว่า คนในตระกูลนิ่งที่มาต้อนรับด้วยตัวเองอยู่ที่ประตู คนไหนที่ไม่ใช่คนที่มีสถานะสูง เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถเรียกฟ้าฝนได้?” ชายวัยกลางคนอีกคนทำสีหน้าที่ตกใจและพูดอย่างประหลาดใจ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท