“เจ้าสำนัก หลิน ปรมาจารย์หลิน……” หม่าผิงชวนสีหน้าเคร่งเครียด เป็นคำนำหน้าหลินอิ่ง “ปรมาจารย์หลิน ไม่ใช่คนธรรมดา”
“เจ้าสำนัก ท่านต้องระวังรับมือ…….”
พูดประโยชน์นี้จบอย่างจริงจัง หม่าผิงชวนกระอักเลือดออกมาอีก หายใจหอบอยู่กับพื้น
เขาไม่กล้าที่จะต่อสู้กับหลินอิ่งอีกแล้ว หรือพูดจาไม่ดี
เพราะว่าในใจหม่าผิงชวนรู้ดี ความแตกต่างระหว่างเขากับหลินอิ่ง ต่างกันราวฟ้ากับดิน
การปะทะกันเมื่อกี้ หลินอิ่งถือว่าออมมือแล้ว
สำหรับความสามารถของหลินอิ่ง ถ้าลงมืออย่างจริงจัง เมื่อครู่นั้น วิชาการต่อสู้ของเขาหม่าผิงชวนคงถูกทำลายไปหมดแล้ว ตายคาที่
เห็นได้ว่า หลินอิ่งมีคุณสมบัติระดับปรมาจารย์แค่ไหน
เขาหม่าผิงชวนอยู่ในวงการมานานนับปี อายุปูนนี้ กลับมีตาหามีแววไม่ ต้องขายหน้าต่อปรมาจารย์อายุน้อย น่าอับอายจริงๆ
“หลินอิ่ง นายฝึกวิชาการต่อสู้ของสำนักไหนกันแน่?” จ้าวเฉิงเฉียนมองหลินอิ่งสีหน้าเคร่งเครียด ยิ่งรู้สึกว่า ไม่สามารถมองทะลุหลินอิ่งได้เลย
หลินอิ่งยังไม่ได้ลงมือต่อหน้าเขา ลำพังแค่วิชากำลังภายในอันแข็งแกร่ง ก็สามารถจัดการหรงหยัง บีบให้เผยหวูหมิงคุกเข่า สะเทือนหม่าผิงชวนตัวลอย
แค่สามยกนี้
หลินอิ่ง ก็เพียงพอที่จะมีชื่อเสียงในแวดวงผู้ลึกลับแล้ว
เพราะว่าหรงหยังสามคนนี้ เป็นยอดฝีมือระดับสูงที่มีชื่อเสียงในรายการแห่งคน
ไม่ได้ใช้แรงแม้แต่น้อย ก็เอาชนะยอดฝีมือรายการแห่งคนทั้งสามได้ พอที่จะชื่นชมได้
“นายอยากรู้ ก็เข้ามาลองดู” หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ
จ้าวเฉิงเฉียนแววตาเย็นชา เดินไปข้างหน้าสองก้าว เริ่มคายพลังกำลังอันแข็งแกร่งออกมา
เสื้อสูทสีขาวบนตัวเขาปลิวขึ้นเอง เหมือนดั่งมีลมหมุนอยู่รอบตัวเขา
ชิ้ว
จ้าวเฉิงเฉียนกระทืบเท้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ทันใดนั้น ร่างก็เคลื่อนไหวเหมือนดั่งแสง พุ่งเข้าหาหลินอิ่ง
เขามีพลังเหมือนดั่งมังกรโผล่ขึ้นผิวน้ำ ยื่นมือออกไป ก็เหมือนดั่งยกแม่น้ำขึ้นมา บนมือนั้นมีเสียงดังกึกก้องกลางอากาศ
ลำพังแค่แรงของฝ่ามือเดียว ก็สามารถทำให้รถบรรทุกหนึ่งคันแบนราบ คนที่ได้เห็นภาพนี้ ในใจต้องอดสงสัยไม่ได้
จ้าวเฉิงเฉียน มีฝีมือความสามารถที่ไม่ธรรมดา
ปัง
วินาทีนี้ หลินอิ่งยกมือสะบัด เหมือนดังแม่ทัพเหวี่ยงแส้ลงทหารนับหมื่น
พลังอย่างหนึ่งพุ่งออกไป ฝ่าเข้าที่แขนของจ้าวเฉิงเฉียน
วินาทีที่ปะทะกัน จ้าวเฉิงเฉียนเหมือนโดนฟ้าผ่า ร่างกายลอยขึ้น กระเด็นออกไปไกลสิบเมตร
เสียงลมกระแทก
“นี่ นี่มัน”
จ้าวเฉิงเฉียนร่างกายกระตุก ร่างแข็งทื่ออยู่กับที่ ดวงตาเบิกกว้าง มองหลินอิ่งด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ
ตอนนี้ กระดูกของเขา อวัยวะทั่วร่างกาย รวมถึงมือเท้า เหมือนถูกไฟช็อต เต็มไปด้วยความชาและเจ็บปวด
ทั่วร่างกาย ไม่สามารถใช้แรงได้แม้แต่น้อย
“ใต้หมัดของฉัน ความจริงก็คือ ไม่มีคนอย่างนาย” หลินอิ่งยืนมือไขว้หลังอยู่กับที่ พูดอย่างเรียบเฉย
จ้าวเฉิงเฉียนหน้าแดงอับอาย สายตายังคงไม่พอใจ
ยังไงเขาก็คิดไม่ถึง หลินอิ่งแค่สะบัดมืออย่างง่ายดาย ก็ทำลายท่าของเขาในทันที
พลังอย่างหนึ่งที่พุ่งเข้ามา ทะลุเข้าทั่วร่างกาย ยิ่งทำให้เขารู้สิ้นหวัง
ความแตกต่างของเขากับหลินอิ่ง ต่างกันราวฟ้ากับดิน ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน
ถ้าหากหลินอิ่งคิดอยากฆ่า วินาทีที่ผ่านมา พอเพียงสำหรับให้เขาตายได้สิบรอบแล้ว
“ฉัน ยอมแพ้” จ้าวเฉิงเฉียนก้มหน้าลง หน้าแดงด้วยความอับอาย
วิชาการต่อสู้ของหลินอิ่ง เขาทดสอบไม่ออก
แหล่งวิชาของหลินอิ่ง เขาก็ดูไม่ออก
เขาเป็นถึงคุณชายตระกูลจ้าว เจ้าสำนักแก๊งหยางเหมิน คนลำดับหนึ่งในรายการดิน
ต่อหน้าหลินอิ่ง กลับถูกเหยียบจนแบนราบ พ่ายแพ้อย่างราบคาบ
“เรื่องของสาขาสำนักเมืองก่าง นาย อย่าได้ถามอีก” หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ
“เรื่องของตระกูลจ้าว ฉันตัดสินใจเอง”
ได้ยินเช่นนี้ จ้าวเฉิงเฉียนแววตากะพริบ ในใจไม่ยอม แต่ก็ต้องพยักหน้าอย่างเอือมระอา
“หรงหยังไม่จงรักภักดี ฉันก็ไม่ต้องการมันแล้ว ลูกน้องของมัน นายก็เอาไปได้ สาขาย่อยเมืองก่าง ฉันก่อตั้งใหม่ก็พอ” จ้าวเฉิงเฉียนพูด
“ลาก่อน”
จ้าวเฉิงเฉียนสีหน้าอับอาย พยุงตัวเผยหวูหมิงที่คุกเข่าอยู่บนพื้น และหม่าผิงชวน รีบออกไปจากออฟฟิศ
พวกเขา ไม่มีหน้าที่จะเผชิญหน้ากับหลินอิ่งต่อ
หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย มองไปที่ฮาเดส “เรียกหรงหยังมา”
……
หลังจากสู้กับพวกจ้าวเฉิงเฉียนแล้ว
หลินอิ่งเรียกหรงหยังมา จัดการวางแผนเรื่องสาขาแก๊งหยางเหมินเมืองก่าง
วันที่สอง
หลินอิ่งไปที่ฉู่ซื่อกรุ๊ป กินข้าวกับฉู่สงซาน
เพื่อจะเจรจาตกลงเรื่องสัญญาการร่วมงานในเมืองก่างกับตระกูลฉู่
เบื้องหลังฉู่สงซาน มีตระกูลฉู่แห่งเตียนหนาน ซึ่งเป็นตระกูลราชาแห่งยาของประเทศหลุง
อาคารฉู่ซื่อ ภายในห้องอาหารห้องรับรอง วางเตรียมอาหารเครื่องดื่มไว้พร้อม
หลินอิ่งกับฉู่สงซานนั่งตรงข้ามกัน
“ประธานหลิน คุณวางใจ มีผมฉู่สงซานอยู่ในตระกูลฉู่วันหนึ่ง ตระกูลฉู่แห่งเตียนหนาน จะเป็นเพื่อนกับคุณตลอดไป” ฉู่สงซานพูดอย่างจริงจัง ยกแล้วเหล้าขึ้นมา “ประธานหลิน ผมดื่มให้คุณ”
หลินอิ่งพยักหน้าเล็กน้อย ยกแล้วเหล้าขึ้น ทั้งสองชนแก้วกัน
ฉู่สงซานทำงานดีอย่างไม่ต้องพูดถึง
“ประธานหลิน ครั้งนี้ ผมได้รับผลประโยชน์ไม่น้อยในเมืองก่าง นายท่านของตระกูลก็ยิ่งให้ความสำคัญกับผม ทุกอย่างนี้ ล้วนพึ่งบารมีคุณทั้งนั้น” ฉู่สงซานพูดอย่างซาบซึ้ง
เท่าที่เขาดูแล้ว หลินอิ่ง เป็นผู้มีพระคุณอย่างสูง
ช่วยชีวิตลูกชายเขา ยังทำให้เขาได้รับผลประโยชน์มหาศาลในเมืองก่าง ร่ำรวยไปพร้อมกัน
ตระกูลฉู่ทุกวันนี้ ติดตามหลินอิ่ง ผลกระทบในเมืองก่าง ก้าวหน้าขึ้นไปหลายชั้น
“ประธานฉู่ ไม่ต้องเกรงใจ เรื่องในเมืองก่าง คุณก็ช่วยผมไปไม่น้อย” หลินอิ่งพูดอย่างจริงจัง
“ฮาฮา ประธานหลิน วันหลังถ้ามีโอกาสไปมณฑลเตียนหนาน ต้องมาเป็นแขกที่ตระกูลฉู่นะครับ” ฉู่สงซานพูดอย่างยิ้มแย้ม “นายท่านที่บ้าน ได้ยินเรื่องของท่านแล้ว รู้สึกชื่นชมในตัวท่านมาก”
หลินอิ่งรู้ดี นายท่านที่ฉู่สงซานพูดถึง ในแวดวงผู้ลึกลับนั้นก็คือผู้ที่ได้รับการยกย่องอย่างสูง ราชาแห่งยาตระกูลฉู่
ราชาแห่งยาตระกูลฉู่ ชื่อเสียงโด่งดัง ในอดีตช่วยรักษาผู้คนมากมาย ปัจจุบันลูกศิษย์ทั่วดินแดน รักษาอุดมการณ์การช่วยเหลือผู้อื่นตลอดมา
สำหรับราชาแห่งยาท่านนี้ ในใจหลินอิ่งเต็มไปด้วยความเคารพ
“ถ้ามีโอกาส ผมต้องไปเยี่ยมที่ตระกูลฉู่แน่นอน” หลินอิ่งพูดอย่างจริงจัง
“ฮาฮา ขอบคุณประธานหลินมาก” ฉู่สงซานพูดอย่างยิ้มแย้ม
ติ๊ดติ๊ดติ๊ด
เวลาเดียวกัน
มือถือหลินอิ่งดังขึ้นมากะทันหัน
“ฮัลโหล หลิงอิ่ง? แกอยู่ข้างนอกนานขนาดนี้ จะกลับบ้านอีกไหม?”
ในโทรศัพท์ เป็นเสียงบีบเคล้นถามจากลู่หย่าฮุ่ย
“ผมทำธุระอยู่เมืองก่าง” หลินอิ่งพูดอย่างจริงจัง
“หลินอิ่ง ฉันขอบอกแก เรื่องที่แกทำในเมืองก่าง ฉีโม่รู้เรื่องหมดแล้ว ตอนนี้ ฉีโม่รู้สึกผิดหวังในตัวแกมาก ไม่อยากสนใจไอ้ผู้ชายไม่มีหัวใจอย่างแกแล้ว”
“ช่วงนี้ที่บ้านเราเกิดเรื่องไม่น้อย บริษัทของฉีโม่ใกล้ล้มละลายแล้ว แกรีบกลับเมืองก่างเดี๋ยวนี้ กลับมาจัดการเรื่องหย่าให้เรียบร้อย เพราะว่าแกมีผู้หญิงอยู่ข้างนอกเยอะแยะ อย่ามาทำลายลูกสาวบ้านฉันอีก