ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่ 446 คณะกรรมการเถ่เสว่ตระกูลพอร์ตเล็

บทที่ 446 คณะกรรมการเถ่เสว่ตระกูลพอร์ตเล็

สิบนาทีผ่านไป

ชายชราต่างชาติผมหงอกสั้นท่านหนึ่ง พาบอดี้การ์ดชุดดำสองคน เดินเข้าไปในคฤหาสน์

“พ่อ ท่านChloeมาแล้วครับ”

จี้ชวนพาChloeเดินเข้ามา พูดอย่างเคารพ

จี้ฉงซานสีหน้าดีขึ้นมาบ้าง พูดว่า “พวกแกออกไปให้หมด ฉันมีเรื่องต้องคุยกับท่านChloeหน่อย”

เขาออกคำสั่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม จากนั้น บอดี้การ์ดในคฤหาสน์ก็พากันออกไป

จี้ชวนกับพ่อบ้านสบตากัน จากนั้นก็ก้มหัวแล้วเดินออกจากคฤหาสน์

ท่านChloe ที่ปรึกษาของฐานฝึกทการลับตระกูลจี้ เป็นคนโหดที่จี้ฉงซานใช้เงินมหาศาลเชิญมาจากราชอาณาจักรบริเตนใหญ่

ขณะเดียวกัน Chloeก็มีอีกฐานะหนึ่ง นั่นก็คือผู้บัญชาการหน่วยที่สองคณะกรรมการเถ่เสว่ตระกูลพอร์ตเล็ต

ตระกูลพอร์ตเล็ต เป็นตระกูลมหาอำนาจอันดับหนึ่ง และอำนาจใหญ่โตมหาศาลในโลกมืดเวสต์แลนส์

คณะกรรมการเถ่เสว่ตระกูลพอร์ตเล็ต เป็นองค์กรชั้นนำระดับสูงที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วไป

Chloeก็คือผู้ติดต่อกับจี้ฉงซานกับตระกูลพอร์ตเล็ต

ระหว่างทั้งสองนั้น มีความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้น

“Chloe เชิญนั่ง” จี้ฉงซานสีหน้าเคร่งเครียด โบกมือเชิญ

Chloe เข้านั่งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เปิดปากพูด “คุณท่านจี้ หาผมกะทันหันแบบนี้ มีเรื่องอะไรหรือ?”

“ช่วงนี้ผมอยู่ในเมืองก่าง ได้ข่าวที่ไม่ดีสำหรับคุณ ได้ยินว่า คุณถูกโจมตีจากความเห็นของประชาชนเป็นจำนวนมากในเมืองก่าง อีกอย่าง แม้แต่วงการตลาดหลักทรัพย์และธุรกิจก็อยู่เหนือการควบคุม?”

Chloeพูดอย่างเปิดอก จ้องมองจี้ฉงซาน

“Chloe เรื่องพวกนี้ก็ปิดคุณไม่ได้ ผมก็ขอพูดตามตรงเลยนะ” จี้ฉงซานพูดอย่างจริงจัง “ช่วงนี้ผมถูกคนอื่นแก้แค้น เพราะฉะนั้น ผมต้องการความช่วยเหลือจากคุณ”

Chloeเป็นผู้บัญชาการของคณะกรรมการเถ่เสว่ตระกูลพอร์ตเล็ต ข่าวกรองในเมืองก่างนั้นปูทางด้วยตระกูลพอร์ตเล็ต ช่วงนี้ข่าวในเมืองก่างวุ่นวายขนาดนี้ จะไปปิดเขาได้ยังไง?

Chloeขมวดคิ้ว พูดอย่างจริงจัง “คุณท่านจี้ ท่านเจอสถานการณ์รุนแรงขนาดนี้ในเมืองก่าง และการร่วมงานระหว่างคุณกับตระกูลเราก็มีผลกระทบไม่น้อย”

“ผมต้องช่วยคุณอยู่แล้ว”

จี้ฉงซานพยักหน้า พูดว่า “Chloe ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณอย่างยิ่ง เรื่องนี้ต้องรบกวนคุณแล้ว คู่แข่งของผมคนนี้ ค่อนข้างจัดการยากหน่อย”

“คุณบอกผมมาดีกว่า ต้องการให้ผมทำยังไง ถึงจะช่วยคุณได้?” Chloeถาม

จี้ฉงซานเป็นถุงเงินสำคัญที่ตระกูลพอร์ตเล็ตจัดไว้ในประเทศหลุง

ถ้าหากถุงเงินนี้มีปัญหา ตระกูลพอร์ตเล็ตต้องช่วยเหลืออย่างไม่มีข้อแม้อยู่แล้ว

“ผมต้องการให้คุณช่วยผมฆ่าคนคนหนึ่ง ยิ่งเร็วยิ่งดี ใช้ทุกวิถีทาง ฆ่าเขาซะ” จี้ฉงซานพูดด้วยสีหน้าแห่งแรงอาฆาต

Chloeพยักหน้า พูดว่า “ขอข้อมูลให้ผมด้วย”

จี้ฉงซานหยิบเอกสารออกจากกระเป๋าเสื้อ วางไว้บนโต๊ะ ยื่นไปที่มือของChloe

Chloeหยิบรูปถ่ายใบหนึ่งออกมาจากเอกสาร เป็นรูปถ่ายของหลินอิ่งที่ร่วมงานของสมาคมธุรกิจ

“เด็กหนุ่มคนนี้ ใช่ไหม?” Chloeหรี่ตาเล็กน้อยแล้วถาม

“ใช่แล้ว ก็คือเขา เขาชื่อหลินอิ่ง มาจากตี้จิง เป็นคุณชายตระกูลใหญ่แห่งตี้จิง” จี้ฉงซานพูดด้วยเสียงเคร่งขรึม “Chloe หลินอิ่งคนนี้มีความสามารถในการต่อสู้ที่เก่งกาจ ถ้าใช้วิธีการพูดของตระกูลพอร์ตเล็ตของพวกคุณ ควรบอกว่าฝีมือการต่อสู้ระดับAขึ้นไป”

“เพราะฉะนั้น คุณต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ต้องใช้นักฆ่าฝีมือดี จัดการให้ได้ในครั้งเดียว”

“ฝีมือระดับAเหรอ?” Chloeมุมปากยิ้มขึ้นอย่างเย็นชาและโหดเหี้ยม “วางใจเถอะ คุณท่านจี้ ท่านซื่อสัตย์กับตระกูลพอร์ตเล็ตของเราอย่างมาก สิ่งกีดขวางของท่าน ผมต้องช่วยคุณจัดการอย่างเรียบร้อยแน่”

จี้ฉงซานสีหน้าเริ่มดีขึ้นบ้าง พูดว่า “Chloe ครั้งนี้ต้องให้คุณช่วย เสร็จเรื่องแล้ว ผมจะไปที่ราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ เพื่อไปพบกับท่านประมุข”

“อืม คุณท่านจี้ ผู้นำระดับสูงของตระกูลต่างก็เข้าใจถึงความจงรักภักดีของท่าน” Chloeพยักหน้า “ผมจะไปจัดเตรียมการเดี๋ยวนี้เลย”

พูดไปด้วยChloeก็หยิบเอกสารเดินออกจากคฤหาสน์

จี้ฉงซานมองดูร่างของChloeที่เดินจากไป สีหน้าครุ่นคิด

ครั้งนี้ หลินอิ่งทำให้เขารู้สึกที่แรงกดกันและอันตราย

หลินอิ่ง มีความสามารถเพียบพร้อมที่จะล้มเข้าได้อย่างเต็มที่

ถ้าศึกครั้งนี้แพ้อีก เขาจี้ฉงซานอาจจะไม่เหลืออะไรอีกเลยในเมืองก่าง สูญเสียทุกอย่างทั้งอำนาจตำแหน่ง รวมถึงเงินทองทรัพย์สินในกำมือทั้งหมด

พูดได้ว่า นี่คืออันตรายที่สุดในชีวิตที่เขาเคยเจอ

“หลินอิ่ง แกบีบให้ฉันใช้คณะกรรมการเถ่เสว่ตระกูลพอร์ตเล็ตไพ่ใบสุดท้ายของฉัน ให้ใช้เชิญตระกูลมหาอำนาจแห่งตะวันตกออกหน้า ช่างเกินการคาดการณ์ของฉันจริงๆ……” จี้ฉงซานสีหน้าเคร่งเครียด พูดพึมพำเอง

ตอนแรกคิดว่า แค่ให้ความร่วมมือกับเหวินเทียนเฟิ่งนิดหน่อย ก็สามารถจัดการหลินอิ่ง แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นเรื่องราวเลยเถิดไม่จบไม่สิ้น เรื่องราวใหญ่โต

จนวันนี้ ต้องใช้อำนาจใหญ่โตของบริษัทมหาอำนาจอันดับหนึ่งแห่งเวสต์แลนส์

ถึงหลินอิ่งจะเก่งแค่ไหน หรือแม้แต่ตระกูลพอร์ตเล็ตก็สามารถสู้ได้?

คณะกรรมการเถ่เสว่ตระกูลพอร์ตเล็ตเป็นหน่วยพิเศษของตระกูลอันดับหนึ่งในเวสต์แลนส์ โลกมืดแห่งตะวันตกนั้น รวบรวมยอดฝีมือชั้นเยี่ยมแห่งประเทศ มีนักปฏิบัติการลับที่มีประสบการณ์มากมายนับร้อย

เชื่อว่า ครั้งนี้ พอเพียงที่จะทำให้หลินอิ่งตายแน่

ติ๊ดติ๊ดติ๊ด

เวลาเดียวกัน มือถือของจี้ฉงซานดังขึ้น

“คุณท่านจี้ ได้ยินว่า คุณพบหน้ากับChloeคณะกรรมการเถ่เสว่แห่งตระกูลพอร์ตเล็ต? คุณต้องการทำอะไร? คุณจะทำปฏิบัติการโดยพลการเหรอ?”

ทางด้านโทรศัพท์นั้นเป็นเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่เย็นชา

จี้ฉงซานสีหน้าไม่เปลี่ยน พูดอย่างเคร่งขรึม “นายหญิงเหวิน สถานการณ์มันเกินการควบคุมแล้ว ถ้ายังไม่รีบจัดการหลินอิ่ง ผมต้องแพ้จนไม่เหลืออะไรในเมืองก่างเลย”

“ผู้ใหญ่ข้างบนท่านนั้นไม่ออกคำสั่งปฏิบัติการ คุณตัดสินใจโดยพลการ ไม่กลัวทำให้ท่านโมโหเหรอ?” เหวินเทียนเฟิ่งถามอย่างเย็นชา ไม่พอใจกับสิ่งที่จี้ฉงซานทำเป็นอย่างมาก

“ท่านไม่เคยจำกัดการปฏิบัติการของผมเลย ถ้าหากคุณไม่มีวิธีที่ดีกว่า ก็อย่ามาขัดขวางการปฏิบัติการของผม ผมทนมามากพอแล้ว คุณกลัวหลินอิ่ง แต่ผมไม่ได้กลัวเขา” จี้ฉงซานพูดเสียงเย็นชา

“ผมรู้ นายหญิงเหวิน เป้าหมายของคุณคืออยากแก้แค้นหลินอิ่ง นอกจากนี้ คุณยอมทนได้ทุกอย่าง แต่ผมไม่เหมือนกัน ผมมีครอบครัวมีกิจการในเมืองก่าง ผมสูญเสียอะไรไม่ได้อีกแล้ว” จี้ฉงซานพูดอย่างเปิดอก สีหน้าโมโห ทนจนไม่สามารถทนต่อไปได้อีกแล้ว “ผมจะสู้กับหลินอิ่งมันให้ตายกันไปข้างหนึ่งเลย ต้องจำเป็นต้องฆ่าเขา”

เขาเป็นถึงอภิมหาเศรษฐีประเทศหลุง เจ้าสัวจี้

ต้องทนทุกข์ทรมานแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ถูกเด็กหนุ่มอย่างหลินอิ่งบีบจนต้องหลบๆซ่อนแบบนี้

“คุณฆ่าหลินอิ่งได้เหรอ? คุณคิดว่าหาคณะกรรมการเถ่เสว่ของตระกูลพอร์ตเล็ตก็สามารถฆ่าหลินอิ่งได้เหรอ?”​เหวินเทียนเฟิ่งพูดอย่างไม่พอใจ

“ผู้ใหญ่เขาออกคำสั่งให้ฉันแล้ว หลินอิ่งต้องจับเป็น จะฆ่าตายไม่ได้”

“ในตัวหลินอิ่งมีความลับที่ผู้ใหญ่เขาต้องการ ถ้าหลินอิ่งตาย ไม่สามารถขุดคุ้ยความลับจากตัวเขาได้ ทุกอย่างก็จะไม่มีความหมายเลย”

ได้ยินแล้ว จี้ฉงซานขมวดคิ้ว “ความลับในตัวหลินอิ่ง?”

ได้ยินคำพูดพวกนี้ เขาก็เข้าใจแล้ว ก่อนหน้านี้เหวินเทียนเฟิ่งกับผู้ใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังท่านนั้น อ้อมไปอ้อมมา ว่าอยากทำอะไรกันแน่

ที่แท้ ก็อยากได้ความลับในตัวหลินอิ่งนี่เอง?

ในตัวหลินอิ่งจะมีความลับอะไร? ถึงทำให้ผู้ใหญ่ลึกลับท่านนั้น ถึงได้โลภถึงเพียง

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน