“อะไรนะ? คุณหนูใหญ่ เขา เขาเป็นคุณชายอิ่งจริงเหรอ?”
จ้าวซานพอเห็นจ้าวหลินเอ๋อร์เข้ามา ก็เรียกหลินอิ่ง ทันใดนั้นก็ตะลึงจนหน้าซีด
พฤติกรรมของจ้าวหลินเอ๋อร์ พิสูจน์แล้วว่าหลินอิ่งก็คือคุณชายอิ่งแห่งตี้จิง
“เห้อ หุบปาก” จ้าวหลินเอ๋อร์ทำเสียงเย็นชา มองหน้าจ้าวซานด้วยความเอือมระอา “แกนี่ทำงานไม่ได้เรื่อง แม้แต่คนยังไม่รู้จัก แกนี่มันทำงานยังไงกัน?”
“ผม ผมผิดไปแล้ว คุณหนูใหญ่ ผมผิดไปแล้ว” จ้าวซานคุกเข่าขอโทษอยู่บนพื้น จากนั้นก็หันไปมองหลินอิ่งด้วยแววตาหวาดกลัว “คุณชายอิ่ง ขอโทษ ผมมีตาหามีแววไม่ หวังว่าท่านจะไม่ติดใจ”
ตอนนี้จ้าวซานรู้สึกเสียใจต้องท้องไส้พันกันหมดแล้ว คิดไม่ถึงว่าตัวเองใช้ชื่อคุณชายอิ่งอยู่ทุกวัน สุดท้ายมาเจอตัวจริงของคุณชายอิ่ง แต่กลับไม่รู้จัก
“ไสหัวออกไป อย่ามาขวางหูขวางตาที่นี่”
จ้าวหลินเอ๋อร์พูดด้วยสีหน้าเอือมระอา โบกมือ จากนั้นบอดี้การ์ดสาวสองคนก็เดินเข้ามา ดึงตัวจ้าวซานออกไป
พฤติกรรมของจ้าวซาน ทำให้จ้าวหลินเอ๋อร์ขายหน้าชัดๆ
“หลินอิ่ง ฉันขอบอกคุณ เรื่องที่คุณทำที่เมืองก่างฉันรู้เรื่องหมดแล้ว” จ้าวหลินเอ๋อร์เบ้ปาก พูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ “รูปถ่ายของคุณกับโครเมียร์ แอนนาฉันเห็นแล้ว ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้”
“คุณเป็นลูกเขยของตระกูลจ้าว ปรากฏว่า คุณกลับไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงข้างนอก เรื่องของจางฉีโม่ฉันจะไม่ว่า เพราะว่าตอนนั้นคุณยังไม่ได้กลับคืนสู่ตี้จิง แต่ครั้งนี้ เรื่องของโครเมียร์ แอนนา คุณจะอธิบายยังไงกับตระกูลจ้าว?”
จ้าวหลินเอ๋อร์ถามเสียงเรียบ เหมือนอัดอั้นความโกรธไว้เต็ม
หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้มีอารมณ์ความรู้สึกอะไรจากพฤติกรรมก้าวร้าวอวดดีของจ้าวหลินเอ๋อร์เลย
“อธิบายให้ตระกูลจ้าว? ตระกูลจ้าวของพวกคุณต้องการคำอธิบายอะไร?” หลินอิ่งพูดด้วยเสียงเรียบ
จ้าวหลินเอ๋อร์ทำเสียงเย็นชา ยิ่งไม่พอใจต่อพฤติกรรมของหลินอิ่ง
ทุกครั้งที่หลินอิ่งอยู่ต่อหน้าเธอ ก็มีแต่ท่าทางเย็นชาแบบนี้
พอลับหลังเธอ หลับไปใกล้ชิดสนิทสนมกับฝรั่งผมทองคนนั้น
ผู้ชายสารเลวจริงๆ
จ้าวหลินเอ๋อร์รู้สึกโกรธ พูดอย่างโมโห “หลินอิ่ง คุณตั้งใจยั่วโมโหฉันใช่ไหม? คุณไม่เห็นตระกูลจ้าวอยู่ในสายตาเลยใช่ไหม?”
“ยังพูดเต็มปากเต็มคำว่าเป็นคนมีครอบครัวแล้ว แสดงท่าทางเหมือนกับรักใครกับนางผู้หญิงบ้านนอกเมืองชิงหยูนคนนั้น?” จ้าวหลินเอ๋อร์พูดเสียงเย็นชา
“ตระกูลจ้าวของเรา ไม่ถูกใจคุณเลยเหรอ?”
“เรื่องนี้คุณไม่อธิบายให้ชัดเจน ฉันจะไปรายงานคุณปู่ฉัน แล้วก็นายท่านตระกูลฉีของคุณ ให้นายท่านทั้งสองมาออกมาให้ความยุติธรรม” จ้าวหลินเอ๋อร์ท่าทางไม่พอใจ เหมือนได้รับความคับข้องใจอย่างมาก
หลินอิ่งส่ายหน้า ไม่รู้ว่าจ้าวหลินเอ๋อร์พูดไปถึงไหนแล้ว
เรื่องระหว่างเขากับโครเมียร์ แอนนา คงพูดยังไงก็พูดไม่ชัดเจนแล้ว
“จ้าวหลินเอ๋อร์ คุณจะมองผมหลินอิ่งยังไง ก็แล้วแต่คุณ” หลินอิ่งพูดอย่างเย็นชา “แต่ว่า ผมมีเรื่องจะถามคุณ ใครให้ความกล้ากับคุณ ถึงกล้าใช้ชื่อผมไปโอ้อวดดึงดูดความสนใจไปทั่วเมืองชิงหยูน?”
พูดถึงตรงนี้ น้ำเสียงของหลินอิ่งก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา
จ้าวหลินเอ๋อร์ฟังแล้ว ก็อดขนหัวลุกไม่ได้
ราศีอันน่าเกรงขามแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว
ทัศนคติของหลินอิ่งชัดเจนมาก
เขาไม่สนใจว่าจ้าวหลินเอ๋อร์จะคิดยังไง แต่จะมาติดตามถามเรื่องที่จ้าวหลินเอ๋อร์ทำในเมืองชิงหยูน
“ฉัน……อะไรคือฉันใช้ชื่อคุณไปอวดดีดึงดูดความสนใจไปทั่วเมือง?” จ้าวหลินเอ๋อร์เบ้ปากพูด “ฉันเป็นภรรยาที่ถูกต้องของคุณอยู่แล้ว ภรรยาตัวจริง ฉันใช้ชื่อของคุณ มันผิดตรงไหน?”
หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย ส่ายหัว
“คำพูดเดียวกัน ผมบอกคุณไปหลายรอบแล้ว ภรรยาของผมมีแค่คนเดียวเท่านั้น ก็คือจางฉีโม่”
พอฟังคำพูดนี้ ความอิจฉาก็ลุกเป็นไฟในใจจ้าวหลินเอ๋อ สีหน้าก็เปลี่ยนไป
“ฉันรู้ว่าคุณต้องพูดแบบนี้” จ้าวหลินเอ๋อร์พูดอย่างโมโห “ตอนนี้ในแวดวงสังคมตี้จิง ต่างก็รู้ว่าฉันจ้าวหลินเอ๋อร์เป็นผู้หญิงของคุณ ฉันจะต้องมียางอายอีกไหม?”
“อีกอย่าง ฉันก็สืบมาแล้วว่าสองปีนี้คุณใช้ชีวิตในตระกูลจางเมืองชิงหยูนยังไง”
“คนของตระกูลจางเมืองชิงหยูน ไม่มีคุณอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย จนถึงวันนี้ พวกเขาก็ยังคงคิดว่าคุณเป็นลูกเขยไร้ประโยชน์”
“ตระกูลเล็กๆที่เห็นเงินก็ตาสว่างแบบนี้ ตระกูลบ้านนอกที่ไม่เคยเห็นโลก คุณอยู่ไปมีความหมายอะไร?”
หลินอิ่งกำลังจะพูดอะไร
จ้าวหลินเอ๋อร์ก็เปิดปากก่อน พูดอย่างโมโห “ไม่ต้องเอาจางฉีโม่มีเป็นข้ออ้างกับฉันอีก พฤติกรรมที่คุณทำในเมืองก่าง ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าคุณเป็นผู้ชายเจ้าชู้”
“อีกอย่าง ฉันก็ไม่ได้รู้สึกว่า จางฉีโม่จะรักคุณมากขนาดนั้น” จ้าวหลินเอ๋อร์พูดอย่างเย็นชา
“คุณหมายความว่ายังไง?” หลินอิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย ถามอย่างเย็นชา
“หลินอิ่ง ฉันทำเรื่องที่เมืองชิงหยูนตั้งมากมาย ก็เพื่ออยากจะให้คุณดูหน้าตาของคนตระกูลจางให้ชัดเจน ดูโฉมหน้าที่แท้จริงจางฉีโม่” จ้าวหลินเอ๋อร์พูดเรียบเฉย
“ทุกอย่างที่ฉันทำไม ก็เพื่อคุณทั้งนั้น” จ้าวหลินเอ๋อร์พูดอย่างจริงจัง
“รออีกสองสามวัน คุณก็จะได้เห็น พอสูญเสียทุกอย่างแล้ว จางฉีโม่ทั้งครอบครัว จะเลือกยังไง คุณอยู่ในสายตาพวกเขา ไม่มีคุณค่าอะไรเลย” จ้าวหลินเอ๋อร์พูดอย่างจริงจัง
“เรื่องของผม คุณไม่ต้องเข้ามายุ่ง” หลินอิ่งพูดอย่างเย็นชา
“จ้าวหลินเอ๋อร์ คุณออกไปจากเมืองชิงหยูนเดี๋ยวนี้” หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย “ต่อจากนี้อย่ามายุ่งกับเรื่องของผมอีก ผมจะไม่ไปติดใจเอาความกับตระกูลจ้าว”
“เหอะเหอะ หลินอิ่ง คุณไม่มั่นใจแล้วเหรอ? กลัวแล้วใช่ไหม?” จ้าวหลินเอ๋อร์พูดอย่างเย็นชา
หลินอิ่งมองจ้าวหลินเอ๋อร์ พูดอย่างเย็นชา “ผมไม่มั่นใจและกลัว?”
“คุณกลัวหรือไม่กลัว สิ่งที่ฉันพูดคือความจริงหมด ช่วงเวลาสำคัญ ครอบครัวจางฉีโม่จะโยนคุณทิ้ง ทำให้คุณขายหน้า?” จ้าวหลินเอ๋อร์พูดอย่างเย็นชา
“ฉันบอกคุณก็ได้ แผนการที่ฉันวางไว้ในเมืองชิงหยูน อีกสองวัน ฉันจะให้คุณชายตระกูลโจไปสู่ขอที่ตระกูลจาง” จ้าวหลินเอ๋อร์พูดอย่างเรียบเฉย “คุณทายซิ ว่าตระกูลจางจะไว้หน้าคุณไหม? จางฉีโม่จะตกลงกับงานแต่งครั้งนี้ไหม?”
หลินอิ่งส่ายหน้า “ตลกไร้สาระสิ้นดี”
“เหอะเหอะ คุณคิดว่าเรื่องที่ฉันทำตลกไร้สาระ? ถ้าอย่างนั้นคุณกล้าปล่อยให้ฉันทำเรื่องนี้ถึงที่สุดไหมล่ะ? มีว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง?” จ้าวหลินเอ๋อร์ถามอย่างเคร่งขรึม
“สุดท้าย คุณจะเข้าใจ คนตระกูลจางไม่เคยเห็นคุณอยู่ในสายตาเลย จางฉีโม่ก็ไม่เคยคิดว่าคุณเป็นสามี จางฉีโม่ไม่ได้ชอบคุณจริงๆ ตอนนี้เธอดีกับคุณ ก็เพราะคุณมีอำนาจเงินทองมหาศาลเท่านั้น”