“หยูจื๋อเฉิง เรื่องในเขตหัวหยางยังไม่ต้องสนใจ คุณสืบดูว่าถังฮุยอยู่ไหน จับตาดูคนของชีซิงกรุ๊ปในตี้จิงไว้ แล้วก็บริษัทยามาโตะหยิงหวา” หลินอิ่งสั่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ในใจเขาพอจะคาดเดาออกแล้ว ว่าใครเป็นคนควบคุมทุกอย่างอยู่เบื้องหลัง
“ครับ” หยูจื๋อเฉิงพยักหน้าจริงจัง
หลินอิ่งใช้นิ้วเคาะที่เข่าเบาๆ หลับตาครุ่นคิด
ดูจากสถานการณ์ความเคลื่อนไหวแล้ว ตระกูลสวี ชีซิงกรุ๊ป บริษัทยามาโตะหยิงหวาปฏิบัติการพร้อมกันหมด
อำนาจทั้งสามฝ่าย บางทีอาจจะมีความสัมพันธ์กันลับหลัง
สำหรับตัวเขาแล้ว จะรับมือกับตระกูลสวีหรือชีซิงกรุ๊ป ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร
แต่บริษัทยามาโตะหยิงหวาที่ลึกลับนั้น ตอนนั้นคนที่ควบคุมตระกูลนิ่งอยู่เบื้องหลังนั้น ควบคุมตระกูลนิ่งที่ใหญ่โตอย่างกงจิ่วผู้ลึกลับ อาจจะเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง
สิ่งที่สำคัญที่สุด คือวันนี้คุณปู่ป่วยกะทันหัน นี่เป็นเรื่องค่อนข้างยุ่งยาก ส่งผลต่อสภาพจิตใจหลินอิ่ง
ถ้าหากคุณปู่ต้องตาย เขาต้องให้ตระกูลสวีถูกฝังไปด้วย
แต่ว่าฆ่าตระกูลสวีหมดตระกูล ก็เอาชีวิตคุณปู่คืนมาไม่ได้
ระหว่างที่คิด รถก็ขับมาถึงป้อมยามตรงข้ามถนนอย่างไม่รู้ตัว
มองไปที่ไกลนั่น ก็คือจื่อหลงซานโรงพยาบาลที่คุณปู่พักฟื้นอยู่
“ขับเข้าไป” หลินอิ่งสั่ง หยูจื๋อเฉิงสีหน้าเคลื่อนไหวเล็กน้อย ขับรถเข้าไปในฝั่งป้อมยาม
หลินอิ่งหยิบบัตรสีเงินออกจากกระเป๋าเสื้อ ยื่นออกไป
ชายหนุ่มในชุดทหารพร้อมอาวุธ มองบัตรแล้วสีหน้าตกใจ รีบก้มหน้าเคารพ
จากนั้น รั้วกั้นก็ยกขึ้น รถขับเข้าไป
หลังจากรถขับเข้าไปแล้ว สมาชิกกองพิเศษเว่ยอันที่อยู่เวร ต่างก็แสดงแววตาตกใจ มองทะเบียนรถอีกครั้ง
ใบหน้าของทุกคน ต่างก็แสดงสีหน้าตะลึง
“เมื่อครู่เป็นรถของใคร? ผู้นำจากสภาประเทศเหรอ? ทำไมถึงขับเข้าไปได้?”
ตั้งแต่พวกเขาเริ่มมาอยู่เวร ยังไม่เคยได้เห็น รถทะเบียนส่วนตัว ขับเข้าไปในจื่อหลงซานได้
พูดได้ว่า ในตี้จิงนอกจากผู้นำรัฐบาล ก็มีไม่กี่คนที่นั่งรถเข้าไปในจื่อหลงซานได้
เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ในรถคนนั้นฐานะอะไรกันแน่? ถึงได้มีสิทธิ์ใหญ่โตขนาดนี้?
“เลิกมองได้แล้ว ในตำแหน่งพิเศษนี้ ไม่ใช่เรื่องที่พวกนายต้องสงสัย ก็อย่าไปสงสัย”
น้ำเสียงอันเคร่งขรึมดังขึ้น ชายชุดดำที่มีตรายศบนไหล่เดินเข้ามา สีหน้าเคร่งเครียดมองไปที่ไกล ก็คือหัวหน้าหน่อยในจื่อหลงซาน
หัวหน้าหน่วยถอนหายใจเบาๆ มองไปทางด้านที่รถหลินอิ่งขับไป
สิบนาทีผ่านไป
จื่อหลงซาน สถานพยาบาลทหารหมายเลข 2
หลินอิ่งเดินเข้าไปในบ้านพักคนชราคนเดียว บนทางเดินยาวนั้นมีชายหนุ่มร่างกายแข็งแกร่งยืนเรียงกันเป็นแถว
หลังจากพนักงานตรวจสอบหลักฐานของหลินอิ่งแล้ว ถึงปล่อยให้เข้าไป
มาถึงชั้นสอง ภายในห้องผู้ป่วยอาการหนัก มีหมอในเสื้อคลุมสีขาวเดินไปมา
หลินอิ่งสีหน้าเคร่งเครียด มองทะลุผ่านกระจก สามารถมองเห็นคนแก่ผมขาวท่านหนึ่งที่นอนอยู่บนเตียง สีหน้าอ่อนเพลีย อยู่ในอาการสลบ ให้ออกซิเจนอยู่
คุณปู่ของเขาเอง สีหน้าดูอ่อนเพลียมาก
นี่ทำให้หลินอิ่งเป็นห่วง เวลาเดียวกันในใจก็รู้สึกโมโห
“หัวหน้าหลิน ขอโทษด้วย เหตุการณ์ในครั้งนี้ เป็นความละเลยในหน้าที่ผมเอง ผมผิดสมควรตาย”
เวลานี้ เป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
หัวหน้าหน่อยในชุดพร้อม เดินเข้ามา ยืนตรงอยู่หน้าหลินอิ่ง ก้มหัวเล็กน้อย
บนใบหน้าของเขา เต็มไปด้วยความเสียใจ
หัวหน้าหลินกำชับหลายครั้งว่าให้เขาดูแลสุขภาพความปลอดภัยของนายท่าน ปรากฏว่ากลับเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ ทำให้ขายหน้าอย่างสิ้นเชิง
หลินอิ่งมองไปที่หัวหน้าหน่วยอย่างเรียบเฉย พูดว่า “ไม่ต้องพูดคำพูดที่ไม่มีประโยชน์เหล่านี้ เรื่องนี้ผมไม่โทษคุณ เงยหน้าขึ้น ผมขอถามคุณ ช่วงที่ผมไม่อยู่ตี้จิง นายท่านได้ออกจากจื่อหลงซานหรือเปล่า?”
หัวหน้าเงยหน้าขึ้น สีหน้าลังเล คิดไปครู่หนึ่ง พูดว่า “สองอาทิตย์ก่อน นายท่านฉีบอกอยากออกไปสูดอากาศ ออกไปภูเขาโจวเทียนครั้งหนึ่ง ตอนนั้นมีสมาชิกกองพิเศษเว่ยอันติดตามไปด้วย นอกจากนี้ นายท่านก็พักฟื้นอยู่แต่ในเขตสถานพยาบาล”
“หัวหน้าหลิน ท่านสงสัยว่า? เรื่องนี้มีข้อสงสัย?” หัวหน้าถามด้วยสีหน้าสงสัย
เรื่องนี้ ไม่ใช่หัวหน้าไม่เคยสงสัยว่าเป็นการกระทำของคน แต่ว่าเขาไม่กล้าคิดไปด้านนั้น ไม่กล้ามั่นใจ เพราะว่าเรื่องมันใหญ่โตเกินไป
ฐานะของนายท่านฉีเวิ่นติ่ง สำคัญมากอยู่แล้ว บวกกับ หัวหน้าหลินเป็นผู้บัญชาการทหารกิตติมศักดิ์ และยังเป็นคนที่ผู้นำสูงสุดให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ มันสำคัญเกินไป
“มิน่า” หลินอิ่งพึมพำ ในใจเริ่มรู้แล้ว
ระบบความปลอดภัยในจื่อหลงซาน สูงสุดในประเทศหลุงแน่นอน ไม่มีใครกล้าทำอะไรไม่ดีแน่
นายท่านต้องโดนลอบทำร้ายจากการออกไปข้างนอกครั้งที่แล้วแน่นอน
“คุณไปเตรียมตัวหน่อย ผมต้องการดูอาการป่วยของนายท่านด้วยตัวเอง” หลินอิ่งพูดสั่งอย่างจริงจัง
“ครับ ผมจะให้ศูนย์พยาบาลเตรียมตัวเดี๋ยวนี้” หัวหน้าพูดอย่างจริงจัง
พูดไป หัวหน้าก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเบอร์โทรออก
หยุดไปครู่หนึ่ง หัวหน้าก็พูดต่อ “หัวหน้าหลิน มีเรื่องหนึ่งต้องรายงานท่าน สองวันก่อน ผู้บัญชาการสูงสุดมาเยี่ยมนายท่านด้วยตัวเอง”
หลินอิ่งมองหัวหน้าพูดว่า “ไม่ได้มีอย่างอื่น?”
หัวหน้าสีหน้าลังเล พูดว่า “ผู้บัญชาการสูงสุดยังเคยหานายท่านเพื่อคุยธุระครั้งหนึ่ง ยังคงเป็นความหมายเดิม ท่านน่าจะรู้ดี”
“แน่นอน ครั้งนี้นายท่านป่วยหนัก ผู้บัญชาการสูงสุดปฏิบัติเช่นเดิม มาเยี่ยมผู้นำเก่า ผมเองก็กล้าคาดเดาความคิดของผู้บัญชาการสูงสุด”
หัวหน้าพูด “หัวหน้าหลิน ผู้บัญชาการสูงสุดทิ้งคำพูดไว้ เรื่องของนายท่าน หากท่านต้องการตรวจสอบ สามารถหาผู้บัญชาการได้ตลอด”
หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย พูดว่า “ช่วยผมขอบคุณผู้บัญชาการสูงสุดด้วย ให้ท่านไม่ต้องห่วง”
“ถ้าหากแม้แต่เรื่องในครอบครัวยังจัดการไม่ได้ ผมก็ทำให้ผู้บัญชาการผิดหลังแล้ว”
พูดจบ หลินอิ่งก็ไม่ได้พูดอะไรอีก หันตัวเดินไปทางห้องผู้ป่วยนายท่าน
หัวหน้าพยักหน้าอย่างเคารพ เดินไปเฝ้าหน้าห้องผู้ป่วย
มาถึงห้องผู้ป่วย หลินอิ่งยื่นมือไปจับข้อมือฉีเวิ่นติ่ง
หลี่ผูก็ตามเข้าไป มองฉีเวิ่นติ่งด้วยสีหน้าเสียใจ
“คุณชาย ร่างกายนายท่านแข็งแรงมาตลอด ทำไมถึงได้อ่อนเพลียถึงขนาดนี้ สลบครั้งที่แล้ว นายท่านก็ไม่ได้เป็นถึงขนาดนี้” หลี่ผูถอนหายใจพูด
หลี่ผูเป็นพ่อบ้านอยู่ที่ตระกูลฉีมาหลายสิบปี ในอดีต เขาเป็นทหารที่อยู่ภายใต้การดูแลของนายท่านฉี นายท่านฉีสำหรับเขานั้นมีบุญคุณมหาศาล
หลินอิ่งจับชีพจรสีหน้าเคร่งเครียด ผ่านไปสักพัก ดึงมือกลับ แล้วหยิบกล่อมเข็มเงินที่เตรียมพร้อมไว้ในกระเป๋า หยิบเข็มที่สั้นยาวไม่เท่ากันออกมา
ฝีมืออันถนัด ฝังเข็มลงไปที่หน้าอกและหน้าท้องของฉีเวิ่นติ่ง จากนั้นก็เก็บเข็มกลับ
“รบกวนแล้ว”
หลินอิ่งพึมพำเอง ในมือจับเข็มเงินไว้ด้ามหนึ่ง มีสีเรืองแสงเล็กน้อย
จากทักษะทางการแพทย์ของเขา สามารถตัดสินอาการของนายท่านได้แล้ว นี่เป็นการได้รับพิษที่หายาก
“เป็นอะไร? คุณชาย อาการป่วยของนายท่านรักษาได้ไหม?” หลี่ผูถามอย่างเป็นห่วง