“หลินอิ่ง นี่เป็นพฤติกรรมขอร้องคนของคุณหรือ? คุณกำลังขู่ผม?” ฉู่หยุนซานขมวดคิ้ว สายตาเย็นชา จ้องไปที่หลินอิ่ง
“อายุแค่นี้ คิดว่าทำเรื่องเล่นๆทางโลกนิดหน่อย ก็เก่งกาจไร้คู่ต่อสู้แล้วเหรอ? ช่างไม่รู้วินัยจริงๆ” ฉู่หยุนซานพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แสดงท่าทางน่าเกรงขามออกมาเช่นกัน
เวลานี้ หลี่ผูและหัวหน้าที่ยืนอยู่ข้างหลังหลินอิ่ง ทั้งสองคนต่างก็ขนลุกทั้งร่าง
ใช่แล้ว วินาทีที่ฉู่หยุนซานแสดงความน่าเกรงขาม พวกเขาสองทั้งรู้สึกถึงความหวาดกลัวอย่างชัดเจน
คนทั่วไปรับรู้ถึงอารมณ์ราศีที่ยอดฝีมือในแวดวงลึกลับแสดงออกมาไม่ได้ ส่วนหลี่ผูและหัวหน้าเป็นคนเคยเรียนวิชาการต่อสู้โบราณมา รู้สึกได้อย่างชัดเจน
เห็นได้ชัดว่า ฉู่หยุนซานรู้ดีว่าหลินอิ่งอำนาจล้นฟ้าในตี้จิง ยังกล้ายโสโอหังต่อหน้าเช่นนี้ นั่นเพราะมีความสามารถจริง
หลินอิ่งแววตาค่อยๆเฉียบคมขึ้น ตรวจดูฉู่หยุนซานใหม่อีกครั้ง
ไม่เสียแรงที่เป็นลูกชายคนโตของฉู่จี้ชังแห่งเตียนหนาน ไม่ธรรมดาจริงๆ
ถ้าหากฉู่หยุนซานไม่แสดงออกครั้งนี้ เขาเองก็ไม่ได้สังเกตจริงๆ ว่ามียอดฝีมือนั่งอยู่ตรงข้าม
สองรอบนี้ หลินอิ่งสามารถตัดสินได้ว่า
ฉู่หยุนซานคนนี้ อย่างน้อยก็มีชื่อในลำดับยอดฝีมือรายการดินในแวดวงลึกลับ เทียบกับหรงหยัง เผยหวูหมิง อยู่เหนือกว่าอย่างน้อยหนึ่งระดับ
มิน่าฉู่สงซานอยู่ต่อหน้าเขาแล้วพูดอะไรไม่ได้ และมิน่าเขาถึงได้กล้านั่งทำตัวยโสอย่างไม่กลัวต่อหน้าเขาเลยแม้แต่น้อย เพราะคิดว่าตัวเองมีที่พึ่ง
“หลินอิ่ง ไม่ใช่ผมดูถูกคุณ นี่เป็นโอกาสที่ดีที่คุณท่านให้คุณ เอาหลานสาวสุดรักให้แต่งงานกับคุณ นำดอกโคมเป็นสินสอด” ฉู่หยุนซานพูดอย่างเย็นชา “ถ้าเป็นความหมายของผมแล้ว คุณไม่คู่ควรกับดอกโคมแม้แต่น้อย และไม่คู่ควรได้เข้าประตูตระกูลฉู่”
หลินอิ่งมองไปที่ฉู่หยุนซานด้วยใบหน้ายิ้มเล็กน้อย “ถ้าเช่นนั้น คุณคิดว่ายังไงถึงจะคู่ควร?”
“เหอะ” ฉู่หยุนซานหัวเราะเสียงเย็นชา พูดอย่างใจเย็น “ผมบอกคุณละกัน ดอกโคมอยู่กับผม ถ้าหากคนมีปัญญาเอาไปจากผมได้ ด้วยตัวคุณคนเดียว เช่นนั้นคุณก็คู่ควร”
“พี่ใหญ่ ไม่ได้นะ” ฉู่สงซานรีบพูดห้ามปราม “คุณท่านไม่ได้บอกให้หลินอิ่งจำเป็นต้องตอบรับเรื่องนี้ หากประธานหลินต้องรีบใช้ ก็ให้เขาเอาไปใช้ ประธานหลินก็ตอบตกลงแล้ว เมื่อเสร็จธุระแล้วจะไปที่ตระกูลฉู่ด้วยตัวเอง ทำไมต้องลงมือด้วย?”
ฉู่สงซานกลัวว่าหากหลินอิ่งกับฉู่หยุนซานสู้กันแล้ว จะทำให้เรื่องราวใหญ่โตเกินไป
เขารู้ว่าหลินอิ่งฝีมือไม่ธรรมดา แค่กลัวว่าหลินอิ่งอายุน้อย หากไม่พอใจแล้วลงมือกับฉู่หยุนซานขึ้นมาจริง
ต้องรู้ว่า ฉู่หยุนซาน ถึงจะดูแล้วท่าทางไร้สติปัญญาทางอารมณ์ ท่าทางอวดดียโส แต่มีความสามารถในการอวดดีอยู่จริง
หากอยู่ในแวดวงลึกลับนั้น พี่ใหญ่ของเขาก็เป็นคนมีชื่อเสียงโด่งดัง ความสามารถในวิชาการต่อสู้แข็งแกร่ง
“คุณลุง คุณลุงบีบบังคับกันเกินไปแล้ว ประธานหลินก็ไม่ได้พูดว่าไม่ตกลงเรื่องอะไร เพียงแค่ ก็ต้องให้เวลาพิจารณากันหน่อย ทำไมลุงก็แตกหักกันแบบนี้” ฉู่ฉู่สีหน้าแดงก่ำ พูดอย่างระวัง
“เห้อ น้องหก เรื่องนี้พี่ใหญ่ก็พิจารณาแทนนาย นายยังมาช่วยหลินอิ่งพูดอีก? ฉู่ฉู่ก็เหมือนกัน ลุงจะทำร้ายหลานได้เหรอ? ไอ้หนุ่มแซ่หลินนี่มันไม่มีหลานอยู่ในสายตาเลย” ฉู่หยุนซานพูดอย่างน่าเกรงขาม “ทั้งสองคนไม่ต้องพูดแล้ว เรื่องนี้ ฉันมีสิทธิ์ในการตัดสินใจ”
พูดจบ ฉู่หยุนซานก็กันไปมองหลินอิ่งอย่างเย็นชา พูดว่า “หลินอิ่ง ผมได้ยินมาว่าคุณพอมีกังฟูอยู่บ้าง มาลองดู ผมก็อยากดูว่าคุณมีความสามารถแค่ไหน”
เสียงดังปัง
ฉู่หยุนซานตบลงไปบนโต๊ะ จับแก้วน้ำชาใบหนึ่งไว้ พูดอย่างใจเย็น “คุณจะคุยต่อไม่ใช่เหรอ คุยข้อเสนอไม่ใช่เหรอ? อย่าบอกว่าผมไม่ให้โอกาสคุณ ผมก็อยากดูว่า คุณมีความสามารถในการนั่งดื่มน้ำชากับผมไหม”
หลินอิ่งมุมปากยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา
เสียงซิ้วทีหนึ่ง
หลินอิ่งยื่นมือข้างหนึ่งออกไป จับข้อมือข้างหนึ่งของฉู่หยุนซานไว้ ขับเคลื่อนกำลังภายใน
ทันใดนั้น ถ้วยน้ำชาที่ถูกปิดไว้เริ่มเคลื่อนไหว แม้แต่โต๊ะอาหารก็เริ่มสั่นไหวเล็กน้อย
“อือ?”
ฉู่หยุนซานสายตาหวั่นไหวเล็กน้อย รู้สึกถึงแรงกำลังภายในที่มือเปลี่ยนแปลง มองหลินอิ่งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย
“ฉู่หยุนซาน คุณวางตัวสูงเกินไปแล้ว”
พูดจบ หลินอิ่งยกมือขึ้น ลมกระโชกแรงพัดมา
เสียงลมกระแทกเพี๊ยะเพี๊ยะดังขึ้น
ร่างของฉู่หยุนซานเหมือนโดนของหนักกระแทก สะเทือนออกจากที่นั่งลอยออกไป ถ้วยน้ำชาในมือก็แตกกระจายอย่างละเอียด กระจายไปทั่วทุกทิศ
เสียงตุ๊บตั๊บ
ฉู่หยุนซานล้มอยู่บนพื้น สีหน้าแดงก่ำ จ้องหน้าหลินอิ่งด้วยความโมโห
“เด็กเมื่อวานซืนกล้าดึงผมออกจากโต๊ะเหรอ? คุณนี่มันจะกล้าเกินไปแล้ว” ฉู่หยุนซานพูดอย่างโมโห ทันใดนั้น ลมหายใจเขาเหมือนดั่งสายฟ้า แปร่งประกายพลังอันแข็งแกร่งทั่วราง
เห็นได้ชัดว่า โมโหจริงๆแล้ว
หลินอิ่งมุมปากยิ้มขึ้นเล็กน้อย ยิ้มเล็กน้อย
“ฉู่หยุนซาน มารยาทที่ควรมีผมก็ให้หมดแล้ว แต่คุณก็ใช้ความเป็นผู้ใหญ่กดดันไม่เลิก บุญคุณเรื่องยาของตระกูลฉู่ ผมไม่มีวันลืม แต่ว่า ผมก็จะไม่ลืมที่จะสั่งสอนคุณ”
พูดจบ หลินอิ่งก็ลุกขึ้น ร่างหมุนขึ้นดั่งสายลม พุ่งเข้าหาฉู่สงซาน
เสียงลมกังวาน เพี้ยวพร้าว กระทบกันดังไม่หยุด
ร่างของทั้งสองคนเหมือนดั่งสายฟ้า เคลื่อนไหวไปมา ไม่รู้ว่าปะทะกันไปกี่ท่วงท่า
เห็นได้ชัดเจนว่าฉู่หยุนซานทนรับหลินอิ่งไม่ไหวแล้ว ค่อยๆถอยหลัง
หลินอิ่งสะบัดมือ ยื่นมือจับไหล่ของฉู่หยุนซานไว้ หมุนตัว ยกร่างของเขาสูงขึ้นเหนือพื้น เสียงดังปัง กดร่างทั้งร่างไว้บนพื้น
“คุณ คุณกล้าทำเช่นนี้”
ฉู่หยุนซานสีหน้าแดงก่ำอย่างสุดขีด ถูกหลินอิ่งล็อกแขนสองข้างไว้ กดไว้บนพื้น หมุนร่างกายไปมาอย่างบ้าคลั่ง
ขณะนี้ จุดชีพจรของเขาเหมือนถูกล็อกตายแล้ว ใช้เรี่ยวแรงไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
ไม่รู้ว่าหลินอิ่งใช้วิธีแบบไหน ทำให้เขาใช้วิชาไม่ได้เลยในเวลาเพียงสั้นๆแบบนี้ แม้แต่กำลังภายในก็ใช้ไม่ได้ ปกติสามารถหมัดเดียวทะลุกำแพงได้ ตอนนี้แม้แต่พลิกตัวก็ทำไม่ได้
“ขออภัยด้วย”
หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย ยื่นมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อฉู่หยุนซาน จับกล่องไม้จันทน์ได้กล่องหนึ่ง ภายในกล่องมีชิ้นส่วนอำพันพิเศษที่โปร่งแสงและวิจิตรงดงาม ซึ่งภายในบรรจุด้วยกิ่งและใบคล้ายมังกร
“หลินอิ่ง นี่มันแย่งกันอย่างโจ่งแจ้ง ยังไม่เคยมีใครกล้าแย่งของจากตระกูลฉู่ของเรา” ฉู่หยุนซานพูดด้วยความโมโห ทั้งตกใจทั้งโกรธและอับอาย
ยังไงเขาก็คิดไม่ถึง ว่าตัวเองจะถูกเด็กเมื่อวานซืนอย่างหลินอิ่งจับตัวไว้
และยังต่อหน้าน้องหกและหลานสาวอีก อับอายขายหน้าจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว
เวลาเดียวกัน ในใจเขาก็รู้สึกตะลึงอย่างมาก
ความสามารถในวิชาการต่อสู้ ปรากฏว่าเขาคาดเดาไม่ออกเลยแม้แต่น้อย
นี่มันน่ากลัวถึงระดับไหนกัน?