จากการที่โจผิงคุกเข่าลงไป ทุกคนในงาน ต่างก็ตะลึงตาค้าง แสดงสีหน้าไม่น่าอยากเชื่อสายตา
ลู่หย่าฮุ่ยกับจางซิ่วเฟิง สีหน้าก็ตกใจอย่างขีดสุด รู้สึกเหมือนตัวเองฝันไป
คุณชายตระกูลโจ โจผิงทั้งคน คนใหญ่โตมีอำนาจในเมืองชิงหยูนขนาดนี้ กลับคุกเข่าขอโทษให้กับลูกเขยไร้น้ำยาขึ้นชื่ออย่างหลินอิ่ง?
โดยเฉพาะ ที่นี่ยังเป็นถิ่นของตระกูลโจ ตระกูลโจเป็นคนเชิญแขกมาร่วมงานเลี้ยง
ในวันที่คุณชายโจผิงหมั้นหมายกับจางฉีโม่
โจผิงคุกเข่าขอโทษให้กับลูกเขยไร้น้ำยาหลินอิ่ง
ภาพนี้ ทำให้ทุกคนในงานที่เห็น ไม่อาจลืมไปตลอดชีวิต
สะเทือนความรู้ความเข้าใจของพวกเขาเป็นอย่างมาก พลิกผันความคิดของพวกเขาอย่างมาก
“นายผิดไปแล้ว? นายผิดตรงไหน?”
หลินอิ่งหัวเราะเย็นชา มีไปที่โจผิงสีหน้าเรียบเฉย
สายตานี้ มองจนโจผิงใจสั่นหวาดกลัว ตัวสั่นไปทั้งร่าง
โจผิงรีบก้มหัวลง ไม่กล้าสบตากับหลินอิ่ง มุมปากกระตุกไม่หยุด ควบคุมความรู้สึกกลัวของตัวเองไม่ได้
ฐานะที่แท้จริงของหลินอิ่ง คุณชายอิงแห่งตี้จิง นี่ก็ทำให้เขาตกใจจนหวาดกลัวไปหมดแล้ว
อีกอย่าง ราศีที่หลินอิ่งแสดงออกมาในตอนนี้ ยิ่งทำให้เขารู้สึกสิ้นหวัง
สร้างความขุ่นเคืองให้กับคนระดับนี้ ยังมีจุดจบที่ดีได้เหรอ?
“คุณชายอิ่ง ผม ผมผิดที่ไม่ควรโต้เถียงกับคุณ ผมผิดที่ไม่รู้ที่ต่ำที่สูงไปหมั้นกับจางฉีโม่” โจผิงคุกเข่าตัวสั่นอยู่บนพื้น สีหน้าไม่ดีจนเหมือนสูญเสียใครไป พูดจาอ้ำๆอึ้งๆ
“ผมคุกเข่าให้ท่านแล้ว ขอให้ท่านปล่อยผมไปเถิด ยกโทษให้กับความโง่เขลาของผม เหลือหนทางไว้ให้ตระกูลโจด้วย”
ปังปัง
ไม่รอหลินอิ่งตอบ โจผิงก็เอาหน้าผากแนบพื้น คำนับโคกพื้นไม่หยุด
โจผิงกลัวแล้วจริงๆ
ฐานะความสามารถของหลินอิ่ง จะลบล้างตระกูลโจ ง่ายดายเหมือนกินข้าวกินน้ำ เพียงคำพูดง่ายๆคำเดียว หลินอิ่งไม่จำเป็นต้องลงมือเอง ก็มีคนมากมายลงมือลบล้างตระกูลโจอย่างหมดสิ้นแน่นอน
อำนาจของคุณชายอิ่งแห่งตี้จิง ความสามารถแข็งแกร่งเกินไป
ถูกเรียกว่าเป็นอภิมหาเศรษฐีอายุน้อยที่รวยที่สุดในประเทศหลุง
คุณชายอันดับหนึ่งแห่งประเทศหลุง
โจผิงรู้สึกเสียใจจนท้องไส้พันกันหมดแล้ว ยังไงก็ไม่เข้าใจ ทำไมคนแข็งแกร่งอย่างหลินอิ่ง จะซ่อนตัวอยู่ในสถานที่เล็กๆอย่างเมืองชิงหยูน
ถ้ารู้แต่แรกว่าหลินอิ่งก็คือคุณชายอิ่ง ถึงจะเอามีดจี้คอเขาโจผิง เขาก็ไม่มีวันไปหาเรื่องหลินอิ่ง ไม่กล้าไปสู่ขอที่บ้านจางฉีโม่
ตุ๊บตั๊บ
หลี่ชิงซงก็พรวดพราดคุกเข่าลงไป คุกเข่าตรงหน้าหลินอิ่ง สีหน้าซีดเขา
“คุณชายอิ่ง ยกโทษให้ผมด้วย ผมไม่รู้จริงๆว่าที่แท้เป็นท่านนั่นเอง ถ้าหากผมรู้ว่าเป็นท่าน จะเอาความกล้าให้ผมหลี่ชิงซงร้อยเท่า ผมก็ไม่กล้าทำอะไรหุนหันพลันแล่นต่อหน้าท่าน” หลี่ชิงซงขอโทษด้วยความหวาดกลัว
“ขอให้ท่านอภัยให้ผมสักครั้ง ผมยินดีคุกเข่าขอโทษ ทำอะไรก็ได้”
หลี่ชิงซงขอโทษหลินอิ่งไม่หยุด ความน่าเกรงขามก่อนหน้านี้หายไปอย่างปริทิ้ง
เพราะว่า หลี่ชิงซงเป็นแค่ผู้นำสูงสุดของเมืองชิงหยูนที่เกษียณไปแล้ว อำนาจใหญ่แค่ไหน มีผลกระทบมากแค่ไหน นั่นก็อยู่ในขอบเขตแค่เมืองชิงหยูนเท่านั้น จะไปเทียบกับมังกรที่แท้จริงอย่างหลินอิ่งที่มาจากตี้จิงได้อย่างไร?
ถึงแม้ว่าตอนที่เขายังไม่เกษียณ ก็ไม่กล้าไปท้าทายกับหลินอิ่ง
ฐานะของหลินอิ่งอยู่ตรงนี้ เพียงแค่คำสั่งเดียว ก็สามารถปลดเขาออกจากตำแหน่งได้
“เหอะเหอะ ตอนนี้รู้ตัวว่าผิด พวกคุณไม่คิดว่ามันสายไปแล้วเหรอ”
หลินอิ่งส่ายหน้า บนใบหน้านั้นไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดๆ มีเพียงมุมปากที่เห็นแววแห่งความโหดเหี้ยม
“หลี่ชิงซง คุณ ต่อจากนี้ห้ามออกหน้าให้เห็นหน้าในมณฑลตุงไห่อีก จากนี้ไป สามตระกูลใหญ่แห่งตุงไห่จะไม่มีตระกูลโจอีก ผมไม่อยากได้ยินเรื่องเกี่ยวกับตระกูลโจอีก ในประเทศหลุง ตระกูลโจอย่าคิดที่จะทำธุรกิจอะไรอีก” หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย
คำพูดเรียบง่ายคำหนึ่ง ได้ตัดสินโทษตายให้หลี่ชิงซงและตระกูลโจทั้งตระกูลไปแล้ว
ทั้งสองนี้ ภายในประเทศหลุง ไม่มีวันมีโอกาสใดๆอีก
เมื่อคำพูดของหลินอิ่งพูดจบ
สีหน้าของโจผิงและหลี่ชิงซง ก็ซีดขาวไปทันที
ทั้งสองคนร่างกายแข็งทื่อ เหมือนดั่งคนไร้วิญญาณ ล้มลงกันพื้นแล้วก็คุกเข่า
พวกเขาเข้าใจ คำพูดของหลินอิ่ง ได้ตัดสินชีวิตพวกเขาว่าจบสิ้นทุกอย่างแล้ว
จากนี้ไป อำนาจเงินทอง ทรัพย์สินวงศ์ตระกูล ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเขาแล้ว ใช้ชีวิตอยู่ต่อได้เหมือนหมาตัวหนึ่ง
คำพูดคำเดียวของหลินอิ่ง สามารถเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของพวกเขาได้
นี่เปรียบได้กับพระราชกฤษฎีกา ไม่มีใครกล้าคัดค้าน
“อะไรคุณชายอิ่ง? นี่มันสถานการณ์อะไร? คุณชายโจผิง คุณคุกเข่าให้ไอ้ไร้น้ำยาหลินอิ่งทำไม?”
“นี่มันเรื่องอะไรกัน? คุณท่านหลี่ คุณชายโจ พวกคุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า? ขอโทษให้ไอ้ไร้น้ำยาหลินอิ่งทำไม?”
ลู่หย่าฮุ่ยกับจางซิ่วเฟิงสีหน้าตกใจ เมื่อเรียกสติกลับมา ก็รีบถามคำถามอย่างสงสัย
พวกเขาสองคนดูยังไงก็ไม่เข้าใจ โจผิงกับหลี่ชิงซงผู้มีอำนาจล้นฟ้าในเมืองชิงหยูน ทำไมถึงคุกเข่าให้หลินอิ่ง
ขอร้องขออภัยเหมือนตัวตลก?
หลินอิ่งคุกเข่าขอโทษสองคนนี้ถึงจะถูก นี่มันพลิกผันไปหมดแล้ว
“นี่……”
ได้ยินคำถามของลู่หย่าฮุ่ยผัวเมียแล้ว โจผิงกับหลี่ชิงซงสีหน้ายิ่งซีดเข้าไปอีก ไม่กล้าที่จะพูดกับพวกเขาสองคน
มันช่างนัก เทพตัวจริงอยู่ตรงหน้าแล้วยังไม่รู้จักไหว้
ลู่หย่าฮุ่ยผัวเมียเป็นพ่อตาแม่ยายของคุณชายอิ่ง แต่ในใจกลับดูถูกเหยียดหยามลูกเขยผู้สูงส่งคนนี้ นี่คงไม่ได้ตาบอดหรอกนะ?
จนถึงขั้นนี้แล้ว ยังสงสัยความสามารถของหลินอิ่งอีก?
หลินอิ่งหัวเราะเย็นชา ส่ายหัว ไม่ได้พูดอะไร
อคติของลู่หย่าฮุ่ยผัวเมีย เขาไม่เคยอยากอธิบาย
พูดไปก็ไม่เชื่อ พูดไปก็ฟังไม่เข้าใจ
ในสายตาพวกเขา เห็นได้แค่เพียงอำนาจเงินทองเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า วัดค่าของคนจากภายนอกไม่ได้
“คุณชายอิ่ง อภัยให้ตระกูลโจของเราด้วยเถอะ ผมยินดีเป็นวัวเป็นควาย หรือแม้แต่เป็นสุนัขรับใช้ตัวหนึ่ง ทำอะไรผมก็ยินดี” โจผิงคุกเข่าอยู่บนพื้น พูดขอร้อง “ขอแค่ท่าน อย่าลบล้างตระกูลโจของเราเลย”
“ขอร้องนะครับ คุณชายอิ่ง ขอให้ท่านเห็นใจด้วย ผมทำเรื่องพวกนี้ เพราะมีตาแต่ไร้แวว เพราะได้รับคำสั่งจากคุณหนูจ้าว ไม่อย่างนั้นผมไม่มีวันที่จะเป็นศัตรูกับท่าน”
โจผิงมองหลินอิ่งด้วยความหวัง หวังว่าหลินอิ่งจะยอมปล่อยเขาสักครั้ง
ใช้ชีวิตร่ำรวยจนเคยชินแล้ว ความเจริญรุ่งเรือง เขาจะทิ้งมันไปได้ยังไง
ให้เขาสูญเสียทุกอย่างที่มีอยู่ตอนนี้ รถหรู คฤหาสน์หรู กิจการธุรกิจ เครือข่ายความสัมพันธ์ ไปเป็นคนทำงานธรรมดาคนหนึ่ง นั่นมันเจ็บปวดยิ่งกว่าฆ่าเขาโจผิงไปเลยดีกว่า
หลินอิ่งสีหน้าเย็นชา มองท่าทางเหมือนตัวตลกของโจผิง รู้สึกแค่ตลก
“คุณชายอิ่ง รองเท้าท่านสกปรกแล้ว ผมช่วยเลียให้มันสะอาด จากนี้ไป ผมยินดีเป็นสุนัขรับใช้ให้ท่าน ขอแค่ท่านดีใจ เรื่องอะไรผมก็ทำได้”
โจผิงหน้าตายิ้มแย้ม ขยับเข้าไปใกล้รองเท้าหลินอิ่ง กำลังจะเลียฝุ่นให้สะอาด
ปัง
หลินอิ่งถีบลงไป ถีบจนโจผิงกระเด็นไปไกลสิบกว่าเมตร ชนโต๊ะล้มไปหลายตัว ล้มกระอักเลือดอยู่บนพื้น
“นายไม่มีสิทธิ์ช่วยฉันเลียรองเท้า”
หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย ยกมือสะบัดฝุ่นบนกางเกง