“กงซุนชิวอวี่ ฉันขอเตือนเธอ” จ้าวหลินเอ๋อร์อาละวาด พูดอย่างโมโห “ถ้าเธอกล้าแย่งกับฉัน ฉันจะทำให้ตระกูลกงซุนจบแน่”
กงซุนชิวอวี่ขยับแว่นตา หัวเราะแล้วพูดว่า “จ้าวหลินเอ๋อร์ เธออย่าคิดว่าเธอเก่งกาจแค่ไหน คนอื่นกลัวเธอ ฉันไม่กลัวเธอ”
“ยังกล้าพูดว่าจะให้ตระกูลกงซุนจบแน่ เธอคิดว่าตระกูลจ้าวของเธอมือเดียวปิดฟ้าได้เหรอ? ฐานะครอบครัวฉันต่ำกว่าเธอเหรอ? หรือว่าตำแหน่งฉันต่ำกว่าเธอ? หรือว่า ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับพี่ชายสู้เธอไม่ได้?” กงซุนชิวอวี่พูดอย่างสบายใจ “อย่ามาอยู่ดีๆก็ตักเตือนคนอื่น เธอขู่ฉันไม่ได้”
พูดจบ กงซุนชิวอวี่ยกแก้วไวน์ขึ้นจีบไวน์ หัวเราะอย่างชอบใจ เหมือนดั่งนักรบที่รบชนะ
จ้าวหลินเอ๋อร์ ข่มขู่เธอไม่ได้จริง
เป็นตระกูลในห้าตระกูลอันดับหนึ่งแห่งตี้จิงเหมือนกัน ตระกูลกงซุนไม่ได้แพ้ตระกูลจ้าว
โดยเฉพาะ กงซุนชิวอวี่ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับหลินอิ่งด้วย
“เธอคิดว่าฉันกำลังขู่เธอใช่ไหม? ได้เลย กงซุนชิวอวี่ อยากเป็นอริกับฉัน ฉันจะทำให้เธอเสียใจ” จ้าวหลินเอ๋อร์พูดอย่างโมโห โกรธจนเหมือนท้องไส้จะระเบิด
แต่ว่า สิ่งที่กงซุนชิวอวี่พูดคือความจริงทุกอย่าง
เธอพูดยังไงก็ชนะไม่ได้ ทำอะไรกงซุนชิวอวี่ก็ไม่ได้
ช่างน่าโมโหจริงๆ
“ออ? ทำให้ฉันเสียใจ?” กงซุนชิวอวี่ส่ายหน้า พูดอย่างใจเย็น “จ้าวหลินเอ๋อร์ เธอต้องทำความเข้าใจให้ดีนะ? ฉันชอบและยินดีที่พี่ชายฉันกับพี่สะใภ้จางฉีโม่ได้อยู่ด้วยกันมากกว่า เธอขู่ฉันแบบนี้ ดีไม่ดี ฉันพูดต่อหน้าพี่ชายคำสองคำ ดูว่าเธอจะทำยังไง”
“เธอยังอยากกระชับความสัมพันธ์กับพี่ชายฉันอยู่หรือเปล่า? เธออยากเป็นพี่สะใภ้ฉัน แม้แต่น้องสาวคนนี้เธอยังอยากรังแก เหอะเหอะ” กงซุนชิวอวี่พูดด้วยสีหน้าหยอกล้อ
ได้ยินคำพูดนี้แล้ว สีหน้าจ้าวหลินเอ๋อร์ก็หดหู่ลงทันที
เธอรู้สึกว่าวันนี้เจอคู่ต่อสู้แล้ว
จางฉีโม่ก็ดี โครเมียร์ แอนนาก็แล้ว พูดตามตรง ในใจจ้าวหลินเอ๋อร์ก็ไม่คิดว่าจะเทียบกับตัวเองได้
วันนี้ในสายตาเธอ กงซุนชิวอวี่คือภัยที่ใหญ่ที่สุด เงื่อนไขทุกอย่างทุกด้านไม่แพ้เธอจ้าวหลินเอ๋อร์ไม่ว่า ยังเป็นผู้หญิงที่เต็มไปด้วยอุบายเจ้าเล่ห์ พูดอะไรว่าเป็นน้องสาวอยู่ข้างกายหลินอิ่ง ความสัมพันธ์ดีมาก ยังโตมาด้วยกัน
ผู้หญิงแบบนี้ที่อยู่ข้างกายผู้ชาย คือตัวอันตรายที่สุด
“เห้อ แพศยา” จ้าวหลินเอ๋อร์ทำเสียงเย็นชา พูดอย่างด้วยความโมโห
“เหอะ” กงซุนชิวอวี่ก็ทำเสียงเย็นชา “ตามจีบแล้วเขายังไม่สนใจ หน้าไม่อาย”
จ้าวหลินเอ๋อร์สองคนจ้องหน้ากันเย็นชา บรรยากาศตึงเครียด
ฉู่ฉู่ที่นั่งอยู่ด้านข้าง ฟังจนรู้สึกอึดอัด แก้มก็แดงขึ้นเล็กน้อย
เธอ เธอกำลังชอบคุณหลินอยู่
แต่ว่าดูแล้ว ข้างกายคุณหลินดูเหมือนไม่เคยขาดผู้หญิงสวยและเก่ง
ผู้สาวที่เหมือนดั่งเทพธิดาตรงหน้าสองคน แย่งคุณหลินกันอย่างอิจฉาตาร้อน คำพูดอะไรก็พูดกันหมดแล้ว
“แคก……ชิวอวี่ ฉัน ฉันออกไปห้องน้ำ เธอ พวกเธอค่อยๆคุยกัน” ฉู่ฉู่พูดอย่างอึดอัด บรรเทาบรรยากาศ เดินออกจากที่นั่ง ออกจากห้องโถงรอง
“ได้เลย ฉู่ฉู่ ดูแลสุขภาพด้วยนะ อย่าเป็นหวัดล่ะ พรุ่งนี้เรายังต้องไปเที่ยวเล่นกับพี่ชายในเมืองเทียนหลงอีก” กงซุนชิวอวี่มองหน้าจ้าวหลินเอ๋อร์ พูดอย่างจงใจ
จ้าวหลินเอ๋อร์หรี่ตา จ้องหน้ากงซุนชิวอวี่อย่างเย็นชา สายตาจะฆ่าคนได้แล้ว
…….
อีกด้านหนึ่ง ในห้องรับรอง
หลินอิ่งนั่งอยู่ตรงกลางของโต๊ะน้ำชา จ้าวเฉิงเฉียนนั่งด้านข้าง ยกกาน้ำชา ค่อยๆเทน้ำชาสองแก้ว
“คุณชายอิ่ง เชิญ”
จ้าวเฉิงเฉียนยกมือเชิญ พูดอย่างเกรงใจ แสดงอย่างมีมารยาท
หลินอิ่งรับน้ำชามา ชิมไปคำหนึ่ง
จ้าวเฉิงเฉียนสีหน้าเคร่งขรึม เหมือนกำลังลำเลียงคำพูดอยู่ ถึงเปิดปากพูด “คุณชายอิ่ง สัญญาหมั้นหมายระหว่างคุณกับน้องสาวผม ภายในตระกูลจ้าวพวกเราได้คุยกันแล้ว คุณปู่และคุณย่าก็แสดงความเห็นแล้ว”
“แม่เฒ่าตระกูลจ้าว นัดพบคุณ หวังว่าคุณจะไปที่ตระกูลจ้าวด้วยตัวเองสักครั้ง”
“แม่เฒ่าตระกูลจ้าวอยากพูดคุยความเห็นของคุณเกี่ยวกับสัญญาหมั้นหมายกับตระกูลจ้าว และอยากตกลงเรื่องธุรกิจในเมืองเทียนหลง”
“ท่านยายจ้าวนัดพบผม?” หลินอิ่งขมวดคิ้ว
เขาจำได้ สมัยเด็กแม่เฒ่าตระกูลจ้าวพยายามจะจับตัวเองให้หมั้นหมาย ทำสัญญาไว้ตั้งแต่เด็ก
ดูเหมือน ระหว่างแม่เฒ่าตระกูลจ้าวกับคุณปู่ตัวเอง มีความสัมพันธ์ที่ดี
“ใช่ คุณย่าไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับทางโลกนานแล้ว ท่านรักใคร่น้องสาวผมมาก ครั้งนี้ท่านย่าพูดแล้ว จะจัดการเรื่องสัญญาหมั้นหมายที่ท่านทำไว้ให้น้องสาวผมให้ชัดเจน” จ้าวเฉิงเฉียนพูดอย่างจริงจัง “คุณก็น่าจะรู้ดี ท่านย่ากับนายท่านฉีเป็นลูกพี่ลูกน้องที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน”
“เพราะฉะนั้นมันเกี่ยวพันถึงความสัมพันธ์ของรุ่นอาวุโส หวังว่าคุณชายอิ่งจะจัดการอย่างระวัง หน้าตาของน้องสาวผม คุณก็เห็นแล้ว นอกจากคุณไม่เอาใครทั้งนั้น” จ้าวเฉิงเฉียนค่อยๆพูด
แม่เฒ่าตระกูลจ้าว เป็นน้องสาวญาติห่างๆของคุณปู่ตัวเอง มาจากตระกูลฉีแห่งตี้จิงเช่นกัน เพียงแค่แต่งงานไปกว่าครึ่งศตวรรษแล้ว คนรุ่นพวกเขาก็เหลือเธอแค่คนเดียว เพราะฉะนั้นตอนที่ตระกูลฉีเกิดเรื่อง ก็ไม่ได้ดึงเธอเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
หากเทียบรุ่นแล้ว ตัวเองอาจจะต้องเรียกท่านว่าคุณย่า
อีกอย่าง แม่เฒ่าตระกูลจ้าวท่านนี้กับคุณปู่ความสัมพันธ์พี่น้องแน่นแฟ้น ในอดีตก็เป็นสาวแกร่ง มีอำนาจในตระกูลจ้าว สูงกว่านายท่านจ้าวอีก ได้ยินว่าในอดีตที่นายท่านจ้าวได้ครองตำแหน่ง เพราะเธอคอยปูทางและประสานงานต่างๆนานาให้
“เป็นเช่นนี้ดีที่สุด ท่านย่าพูดแล้ว คุณปะทะกับตระกูลจ้าวที่ตี้จิง ในเรื่องนี้ ท่านยินดีให้ความช่วยเหลือ” จ้าวเฉิงเฉียนพูดอย่างจริงจัง
“ออ?” หลินอิ่งรู้สึกสนใจ รู้สึกว่าตระกูลจ้าวครั้งนี้ไม่ธรรมดา
แม่เฒ่าตระกูลจ้าวที่แผนการลึกซึ้งท่านนี้ไม่เพียงจะพบตัวเอง ยังอยากคุยเรื่องของตระกูลสวี?
เพราะกำแต้มและความสัมพันธ์อยู่ในมือ อย่างให้เขายอมแพ้ ไปแต่งงานกับจ้าวหลินเอ๋อร์?
หลินอิ่งดื่มน้ำชาไปคำหนึ่ง พูดว่า “คุณกลับไปบอกท่านยายจ้าวว่า นักเวลาไว้ สามวันหน้า ผมจะไปพบที่ตระกูลจ้าวด้วยตัวเอง”
“ได้ ผมจะนำคำพูดไปบอกต่อ” จ้าวเฉิงเฉียนพยักหน้าอย่างหนักแน่น
จ้าวเฉิงเฉียนมาหาหลินอิ่งวันนี้ นอกจากน้องสาวตัวเองอยากเจอหลินอิ่งแล้ว ก็คือทำหน้าที่นำข้อความมาส่งต่อเท่านั้น
เพราะว่า ตระกูลจ้าวไม่ส่งคนที่มีอำนาจมาเชิญหลินอิ่ง หลินอิ่งคงไม่มีวันให้เกียรติแน่
ภายในตระกูลจ้าว คนที่เหมาะสมในหน้าที่นี้ที่สุด ก็คือเขาแล้ว
คั๊ก
จ้าวเฉิงเฉียนยังอยากพูดอะไรต่อ ในเวลาเดียวกัน ภายในห้องรับรองก็ไฟดับกะทันหัน ภายในห้องมืดไปทันที
ทันใดนั้น อาคารเลคอาร์ตมืดไปทั้งอาคารกะทันหัน ไฟดับทั้งอาคาร
“นี่? ไฟดับได้ยังไง?”
จ้าวเฉิงเฉียนสีหน้าเปลี่ยนทันที เปลี่ยนไปอย่างระวัง
หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย สายตาเย็นชา
“ไป ให้ลูกน้องของคุณ ดูแลผู้หญิงสองคนที่ผมพามาด้วย”
หลินอิ่งพูดอย่างเคร่งขรึม ร่างกระโดดจากที่นั่งเหมือนดั่งสายลม แค่พริบตาก็ออกจากห้องรับรอง
จ้าวเฉิงเฉียนก็ตามไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ในอาคารกำลังจัดงานสำคัญแบบนี้ ภายในอาคารเป็นไฟสำรองทั้งหมด เพื่อประกันอุบัติเหตุทั้งหมด
ไฟดับทั้งอาคารกะทันหันแบบนี้ นั่นหมายความว่า มีคนตัดไฟ…….นี่คือ เกิดเรื่องแล้ว