กำลังพูดอยู่ บอดี้การ์ดร่างใหญ่ด้านหลังชายวัยกลางคน สะบัดกระบอกเหล็กออกมา ท่าทางเหิมเกริมเดินเข้าไปหาหลินอิ่ง
หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย มองผู้ชายที่เดินเข้ามาอย่างเย็นชา
“โอ้โห ดูสายตาแกนี่คือไม่พอใจใช่ไหม?” ชายวัยกลางคนถือซิการ์ สายตาเหยียดหยามพูดเยาะเย้ย
“ซ้อมมันให้ตาย”
ชิ้ว
คราวนี้ บอดี้การ์ดถือกระบองเหล็กห้าหกคนฟากกระบอกไปที่หัวของหลินอิ่ง ลงมือหนักมา ฟาดจนเกิดเสียงกลางอากาศ
ปังปังปัง
ขณะที่บอดี้การ์ดหลายนายกำลังลงมือ เย่เฮยก้าวออกไป ขวางไว้ด้านหน้าหลินอิ่ง สะบัดมือก็ฟาดฝ่ามือลงไป จนกระบองเหล็กหลายชิ้นหักเป็นหลายท่อน
“หา? นี่มันคนอะไรกัน?”
“แม้งเอ้ย นี่”
จากที่กระบอกเหล็กในมือถูกเย่เฮยหัก คราวนี้ บอดี้การ์ดหลายนายที่ลงมือต่างก็ตกใจอย่างหนัก สีหน้าตกตะลึง
เพี๊ยะ เพี๊ยะ
เย่เฮยสีหน้าเย็นชา สะบัดมือตบไปที่หน้าหลายครั้ง
แรงมือของเขาหนักมาก แค่ตบหน้าเท่านั้น พวกชายร่างใหญ่แข็งแรงพวกนี้ยังทนรับไม่ไหว ตบจนกระอักเลือดต่อหน้า ล้มอยู่บนพื้น กลิ้งออกไปหลายเมตร
“เอื้อก”
“อ้าก”
เมื่อพวกเขาสู้กัน บอดี้การ์ดหลายคนถูกทุบตีจนกลิ้งอยู่บนพื้น เจ็บปวดจนสีหน้าบิดเบี้ยว กรีดร้องเสียงดัง
“อือ?” ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วเล็กน้อย จ้องหลินอิ่งและเย่เฮยด้วยความโกรธ “แม่งเอ้ย ยังพอมีฝีมือบ้าง ไอ้หนุ่ม พ่อแกคือใคร? ฉันคือเชี่ยจุน ในดินแดนย่านพาณิชย์หยกมณีนี้ ยังไม่มีใครกล้าท้าทายฉัน”
“แกอย่าคิดว่ามีบอดี้การ์ดรู้กังฟูนิดหน่อยอยู่ข้างกาย ก็มาอวดดีได้”
“เชี่ยจุน?” หลินอิ่งส่ายหน้า พูดอย่างเรียบเฉย “ไม่เคยได้ยิน”
“เหอะเหอะ ไม่เคยได้ยินเชี่ยจุน? แกยังกล้าทำร้ายคนของฉันที่นี่?” เชี่ยจุนโยนซิการ์ในปากทิ้ง จ้องหน้าหลินอิ่งด้วยความโมโห
“ฉันก็อยากลองดู บอดี้การ์ดข้างกายแกคนนี้เก่งแค่ไหน จะสู้กับกระสุนได้ไหม”
พูดไป เชี่ยจุนก็โบกมือ เสียงฮวั้ก นอกร้านอาหารจ้วยเจียงซาน บอดี้การ์ดชุดสูทสิบกว่านายก็เดินเข้ามา บนหน้าทุกคนต่างก็สีหน้าเย็นชา มือวางในกระเป๋าเสื้อเตรียมหยิบอาวุธออกมา ท่าทางโหดเหี้ยมดุร้าย
“แกไม่รู้จัดมองไปข้างนอกบ้าง ในซอยนี้มีแต่คนของฉัน แกไม่มีตาใช่ไหม?” เชี่ยจุนยื่นมือชี้หลินอิ่ง พูดอย่างอวดดี “ใจกล้าจริงๆ ยังกล้าสู้กลับ?”
หลินอิ่งมองไปนอกร้าน
หน้าประตู มีบอดี้การ์ดร่างใหญ่ในชุดสูทยี่สิบสามสิบคนยืนอยู่ จ้องในร้านอย่างเย็นชา ท่าทางเหมือนจะลงมือได้ตลอดเวลา
ส่วนริมถนน ข้างทางมีรถสีดำจอดอยู่สิบกว่าคัน ต่างมีบอดี้การ์ดชุดสูทสีดำยืนอยู่ ดูเหตุการณ์ใหญ่โต
หลินอิ่งหัวเราะเย็นชา พูดอย่างรู้สึกสนใจ “คนเยอะ มีประโยชน์ไหม?”
“เหอะเหอะเหอะ” เชี่ยจุนก็หัวเราะขึ้นมา “ไอ้หนุ่ม ในดินแดนแห่งนี้ แกยังกล้ามาอวดดีกับฉันเหรอ? มีความกล้าพอ”
“ฉันก็รู้สึกสงสัย” เชี่ยจุนรับซิการ์มาจากมือของลูกน้อง พูดอย่างยโส “แกชื่ออะไร? ดูท่าทางแกแล้วเหมือนมีความมั่นใจไม่น้อย คิดว่าครอบครัวตัวเองมีฐานะ?”
ระหว่างที่พูด เชี่ยจุนก็จ้องหลินอิ่งตั้งแต่หัวจรดเท้า
เขาคิดว่าเขาเป็นคนที่พอมีชื่อเสียงในโลกแห่งความมืดในตี้จิง เห็นเข้าสังคม คุณชายรุ่นที่สองในตระกูลใหญ่แห่งตี้จิงก็เคยเห็นมาไม่น้อย
โดยเฉพาะ ในดินแดนซอยหยกมณีแห่งนี้ ขอแค่เป็นคนที่มีหน้ามีตาในสังคมเขารู้จักหมด ในความทรงจำไม่เคยรู้จักเด็กหนุ่มคนนี้
“น้าชาย ไอ้เด็กนี้ไม่รู้เป็นหนุ่มโง่มาจากไหน มันรู้จักกับเจ้าของร้านจ้วยเจียงซาน คาดว่าคงไม่ได้มีที่มาใหญ่โตอะไร” เปาต๋าพูดอยู่ด้านข้าง จ้องหลินอิ่งด้วยความโหดร้าย
“ไม่ต้องลังเลแล้ว ไอ้เด็กนี่ไม่มีที่มาใหญ่โตอะไรแน่นอน ไม่อย่างนั้นไอ้แก่หวงติดหนี้ผมมากมายขนาดนี้ ทำไมไม่เห็นมันออกมาช่วย? คงเป็นแค่ลูกเจ้าของร้านค้าเล็กๆเท่านั้น คิดว่าตัวเองเก่งมาก ต้องสั่งสอน”
เชี่ยจุนฟังเปาต๋าพูดอยู่ด้านข้าง หรี่ตามองหลินอิ่ง
“แกนี่มันหูหนวกใช่ไหม? ฉันถามว่าแกชื่ออะไร?” เชี่ยจุนจ้องหน้าหลินอิ่งแล้วถาม
หลินอิ่งสีหน้าเย็นชา พูดอย่างเรียบเฉย “ชื่อของผมคุณไม่คู่ควรได้รู้ ลูกพี่นาย คือใคร?”
ในดินแดนย่านพาณิชย์หยกมณี อยู่ระหว่างเขตเมืองเก่าและเขตจงเทียน
ถ้าเขาจำไม่ผิด โลกแห่งความมืดในดินแดนแห่งนี้ ถูกหยูจื๋อเฉิงควบคุมไปหมดแล้ว ไม่รู้ว่าหยูจื๋อเฉิงจัดให้ใครเป็นคนดูแล
ทำได้วุ่นวายขนาดนี้ กลับยังมีบ้าอำนาจกดขี่ข่มเหงคนอื่นอย่างเปาต๋าอยู่? ปล่อยหนี้นอกระบบ ยังรังแกครอบครัวหวงชิงซานถึงขนาดนี้?
“ฮาฮาฮา ฉันไม่คู่ควรรู้ชื่อของแก? ปากเก่งมากเลยนะไอ้หนุ่ม” เชี่ยจุนโมโหจนหัวเราะ พูดด้วยแววตาเหยียดหยาม “ยังถามว่าลูกพี่ฉันเป็นใคร? ฉันพูดออกมา อย่าว่าแต่แก พ่อแกก็คงจะตกใจตาย”
“พี่เชี่ย เท่าที่ฉันดู แค่ไอ้เด็กหน้าโง่ที่รนหาที่ตายเท่านั้น จัดการแล้วลากตัวขึ้นรถ จับตัวไปให้คนที่บ้านเอาเงินมาถ่ายตัว” เปาต๋าสีหน้าเย็นชา พูดออกแผนการ
“พี่เชี่ย พี่เปาพูดถูก มาอวดดีในถิ่นของพวกเรา ทำร้ายพี่น้องของพวกเรามากมาย ไม่ลากตัวมันไปจุ่มน้ำให้มันตื่นหน่อย มันยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร”
“ลูกพี่ ออกคำสั่งเลย ผมจะจัดการหักขาบอดี้การ์ดมันเลย มันสู้เก่งมากไม่ใช่เหรอ? ผมจะดูว่าหมัดมันหนักกว่า หรือว่ากระสุนของเราหนักกว่า”
ทันใดนั้น ลูกน้องของเชี่ยจุนต่างก็พากันพูดขึ้นมา จ้องหน้าหลินอิ่งอย่างโหดเหี้ยม
แน่นอน เท่าที่พวกเขากลุ่มนี้ดูแล้ว ซอยนี้ทั้งซอยถูกคนของตัวเองล้อมไว้หมดแล้ว ทุกคนต่างก็มีอาวุธในมือ ไอ้เด็กเมื่อวานซืนนี่ถึงจะมีบอดี้การ์ดที่ต่อสู้เก่งอยู่ข้างกาย จะฆ่าฟันออกไปได้หรือไง?
ขอแค่คำพูดพี่เชี่ยคำเดียว อยากจัดการไอ้หน้าโง่นี้ยังไงก็ได้
“ได้ พวกแกลงมือจับมันไว้” เชี่ยจุนโบกมือ “ในเมื่อไอ้เด็กนี่ไม่กล้าบอกชื่อตระกูลมา ถ้าอย่างนั้นลากตัวไปที่คลอง ค่อยๆสั่งสอน”
“ครับ”
คำพูดจบลง บอดี้การ์ดชุดสูททั้งหลายก็ดึงอาวุธออกมาอย่างไม่ลังเล ปืนที่ถูกห่อโดยกระดาษสีดำ ต่างก็ถูกโชว์ออกมา
มือปืนหลายคนยกมือพร้อมกัน ขณะที่กำลังจะจ่อไปที่หลินอิ่ง เสียงลมสะเทือนชิ้ว
เย่เฮยลงมือกะทันหัน ร่างพุ่งออกไปเหมือนดั่งสายลม กวาดขาออกไป ถีบบอดี้การ์ดหลายคนที่ชูปืนออกมากระเด็นไปไกลหลายเมตร ชนประตูกระจกกลิ้งออกไปข้างนอก
จากนั้น เขาดึงตัวเชี่ยจุนที่สูบซิการ์อยู่ สะบัดมือจนตัวหมุนร้อยแปดสิบองศา กลิ้งล้มลงบนพื้นอย่างแรง
“ยังกล้าโชว์ปืน? ฉันว่าแกนี่มันใจกล้าเกินไปแล้ว”
เย่เฮยเหยียบเท้าลงไปที่หลังเชี่ยจุน แปร่งประกายแรงสังหาร พูดอย่างเย็นชา