เย่เฮยขับรถอย่างใจเย็น ขับเคลื่อนอยู่บนถนนอันเจริญรุ่งเรือง
“เย่เฮย คุณรายงานกับผมในโทรศัพท์ สืบหาหน้าตาของคนต้าเหอได้แล้ว?” หลินอิ่งนั่งอยู่หลังรถ พูดอย่างใจเย็น
เมื่อคืนกลาดึก หลินอิ่งได้รับข้อความรายงานจากเย่เฮย บอกว่าสืบสถานการณ์ในตี้จิงได้บ้างแล้ว
เขาจึงเรียกพบเย่เฮยทันที ให้เย่เฮยมาอธิบายสถานการณ์ เวลาเดียวกัน ก็ไปที่ซอยหยกมณีสักรอบ ไปเรียกยอดฝีมือของตระกูลฉีออกมา
กลางดึกเมื่อคืน เหตุการณ์ที่ฉู่ฉู่ถูกลอบฆ่า ทำให้กระตุ้นความระมัดระวังของหลินอิ่งขึ้นมาอีกระดับ
ทางด้านตระกูลสวีและกงจิ่ว ฝีมือการปฏิบัติการรวดเร็วโหดเหี้ยม
เรื่องลอบทำร้ายคุณปู่ยังไม่ได้ชำระ พวกเขาก็คิดจะทำร้ายฉู่ฉู่ เห็นได้ชัดว่าไปสืบข่าวกรองมาแล้ว รู้ว่าฉู่ฉู่เป็นคนของตระกูลฉู่เตียนหนาน อย่างยืมมือฆ่าคน
ทางด้านเขาเอง ต้องเพิ่งความเร็วแล้ว รีบจับตัวกงจิ่วออกมาให้เร็วที่สุด
มิเช่นนั้น งูพิษอย่างกงจิ่วที่คอยแอบซ่อนในที่มืดของตี้จิง ไม่รู้ว่าจะโดดมากัดคนอีกเมื่อไหร่
“ท่านประมุข ผมสืบได้ความแล้ว บริษัทยามาโตะหยิงหวาเป็นองค์กรธุรกิจแห่งหนึ่งในต้าเหอ แต่ในที่ลับนั้นทำกิจการธุรกิจมืดทุกอย่าง” เย่เฮยขับรถไปด้วย ค่อยๆเล่าไปด้วย “ผมพาคนสะกดรอยตามผู้บริหารระดับสูงของบริษัทยามาโตะหยิงหวา หาจุดรวมตัวได้หลายแห่ง มีคนต้าเหอฝีมือดีติดตามอยู่”
“แต่ว่า คนต้าเหอกลุ่มนี้ไม่มียอดฝีมือที่เก่งเป็นพิเศษ กงจิ่วที่ท่านประมุขพูดถึงคนนั้นไม่น่าจะอยู่ในนี้” เย่เฮยพูด “ผมให้คนคอยจับตามองหลายจุดนี้แล้ว”
หลินอิ่งใช้นิ่วเคาะเข่าเบาๆ พูดช้าๆ “หาจุดรวมตัวของพวกเขาได้แล้ว? คุณสามารถตัดสินได้ไหม ในกลุ่มคนต้าเหอพวกนี้ ฝีมือดีที่สุดถึงระดับไหน?”
“นี่……” เย่เฮยลังเลไปสักพัก พูดอย่างจริงจัง “ผมไม่ได้ลองฝีมือด้วยตัวเอง จากการตัดสินด้วยสายตาของผม จุดรวมตัวทุกจุดของพวกเขา หัวหน้าของทุกกลุ่ม น่าจะมีฝีมือระดับรายการคน เท่าที่จับตาได้ตอนนี้ มีอยู่สามกลุ่ม”
แววตาหลินอิ่งค่อยๆเฉียบคมขึ้น ครุ่นคิดขึ้นมา
สามกลุ่ม ทุกกลุ่มมียอดฝีมือรายการคนหนึ่งคนนำทีม?
ฝีมือการปฏิบัติการแข็งแกร่งขนาดนี้ ไม่ใช่มาตรฐานที่ควรมีสโมสรธุรกิจทั่วไปควรมี
คนสำนักยุทธ์เชียนในอาคารเลคอาร์ตเมื่อคืน ดูเหมือนก็นำทีมโดยคนหนึ่ง นักดาบกลุ่มหนึ่ง…….
“เย่เฮย คุณดูออกไหมว่าพวกเขามาจากกลุ่มอำนาจไหนในต้าเหอ?” หลินอิ่งถาม
“ไม่ได้ลองมือด้วยตัวเอง ผมไม่อาจตัดสินได้” เย่เฮยตอบอย่างจริงจัง “แต่ว่า ผมมีความมั่นใจ กำจัดศูนย์รวมทั้งสามจุดอย่างราบคาบได้ในคืนเดียว”
หลินอิ่งพยักหน้าเล็กน้อย ฝีมือวิชาการต่อสู้ของเย่เฮยไม่ต้องสงสัย สามารถขึ้นลำดับรายงานดินในประเทศหลุงได้
“ให้คนของคุณจับตาไว้ อย่าเพิ่งทำอะไรวู่วาม จับตาความเคลื่อนไหวของพวกขาไว้” หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย
คนต้าเหอกลุ่มนี้เป็นนักฆ่ายอมพลีชีพฝังพิษไว้ในฟัน จับเป็นไม่ได้
กำจัดอย่างราบคาบจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น สู้จับตาไว้ จะได้นำพาไปหาตัวกงจิ่วได้ นั่นถึงเป็นเรื่องหลักที่สำคัญ
“ครับ” เย่เฮยพยักหน้าอย่างเคารพ
ยี่สิบนาทีผ่านไป
เย่เฮยขับรถมาถึงเขตเมืองเก่า
เขตตะวันออก ซอยหยกมณี
เป็นเขตเมืองเก่าของตี้จิง เป็นถนนเมืองโบราณสายหนึ่งที่เต็มไปด้วยรูปแบบเก่า
บนถนนมีร้านขายของสะสมโบราณอยู่ไม่น้อย และร้านเก่าแก่ที่ขายหยกและอัญมณี มีรสชาติรูปแบบโบราณ
หลินอิ่งให้เย่เฮยจอดรถไว้ในลานจอดรถนอกซอย เดินเข้าไปในซอย
ไม่นาน หลินอิ่งพาเย่เฮย มาถึงร้านเหล้าแห่งหนึ่งที่ตกแต่งในสไตล์โบราณ
บนร้านเหล้ามีป้ายแบบเก่าแก่พื้นสีหลังแขวนอยู่ด้านบน “จ้วยเจียงซาน”
เดินเข้าไปในร้าน ด้านในมีแขกหลายโต๊ะกำลังกินข้าวอยู่ โครงสร้างไม่ใหญ่
แคชเชียร์ต้อนรับ เป็นหญิงสาวหน้าตาสวยงามคนหนึ่ง สวมใส่เสื้อผ้ากางเกงสไตล์เรียบง่าย ดูบุคลิกแล้วเหมือนนักศึกษา
“สวัสดีค่ะ กี่ท่าน?” แคชเชียร์สาวถามอย่างเกรงใจ
“สองท่าน” หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย “แล้วก็ผมมีเรื่องอยากถามคุณหน่อย เจ้านายของพวกคุณแซ่หวงหรือเปล่า?”
“ค่ะ ใช่ค่ะ” สีหน้าแคชเชียร์สีหน้าลังเล สังเกตมองหลินอิ่งอย่างละเอียด แววตาแปลกใจ “คุณคือเพื่อนของเจ้านาย? หาเจ้านายของเราทำไม?”
หลินอิ่งพูด “คุณช่วยแจ้งเจ้านายของคุณหน่อยได้ไหม? บอกว่า เพื่อนแซ่ฉีจากเขตจงเทียนมาหาเขา”
“ออ” แคชเชียร์สาวพยักหน้า “เจ้านายไม่ได้อยู่ในร้าน เอาอย่างนี้ ฉันโทรถามเจ้านายก่อน ถ้าหากพวกคุณจะกินข้าว ก็เชิญนั่งก่อน”
“ก็ดี” หลินอิ่งพยักหน้า
ตามนั้น ทั้งสองหาโต๊ะตัวหนึ่งนั่งลง สั่งกับข้าวสามอย่างน้ำซุปหนึ่งอย่าง
ผ่านไปสองสามนาที แคชเชียร์สาวเดินเข้ามา มองหลินอิ่งด้วยสีหน้าขอโทษ พูดว่า “ขอโทษด้วยค่ะ คุณผู้ชาย ลุงของฉันบอกว่าเขาไม่อยากเจอคุณ บอกว่า ให้คุณกลับไปบอกคุณฉีว่า เขาไม่ถามถ่ายเรื่องในอดีตแล้ว ต้องขออภัยด้วย”
“ออ?” หลินอิ่งแววตาสงสัยเล็กน้อย
นี่มันเรื่องอะไรกัน ไม่พบเขา?
สถานที่นายท่านบอกก็ไม่ผิด ซอยหยกมณี ร้านอาหารจ้วยเจียงซาน เจ้านายแซ่หวง
รหัสลับก็ถูกต้องแล้ว
เจ้านายแซ่หวงคนนี้ไม่พบเขา? ระหว่างนี้มีอะไรประหลาด?
“เจ้านายหวงเป็นลุงของคุณ?” หลินอิ่งมองไปที่หญิงสาว “ผมขอถามหน่อยได้ไหม ลุงของคุณท่านนี้อายุเท่าไหร่? ดูว่าเป็นเจ้านายหวงที่ผมหาหรือเปล่า”
แคชเชียร์สาวคิดไปมา พูดว่า “ลุงของฉันอายุห้าสิบกว่าแล้ว”
ได้ยินแล้ว ในใจหลินอิ่งก็รู้แล้ว ไม่ได้หาผิดคน
เพียงแค่ไม่ค่อยเข้าใจ บุญคุณความสัมพันธ์ของปู่ตัวเองก็ใช้ไม่ได้แล้วเหรอ?
คิดไปมา หลินอิ่งกำลังอยากพูดอะไรต่อ
ซือ ซือ ซือ
ทันใดนั้น ก็มีเสียงล้อรถดังขึ้น
เห็นเพียงรถเก๋งสีดำจอดอยู่หน้าประตู มีชายหนุ่มร่างสูงหลายคนเดินลงมาจากรถ แต่ละคนท่าทางโหดเหี้ยม คนที่เป็นหัวหน้า เนื้อแน่นเต็มหน้า ใส่แว่นกันแดดสีดำ
“หวงเสี่ยวเหมย ไอ้แก่ลุงของเธออยู่ไหน? วันนี้ไม่มาที่ร้านเหรอ ยังหลบฉันอีกใช่ไหม?”
พอเข้ามา ชายใส่แว่นกันแดดที่เป็นหัวหน้าคนนั้นก็ถามหญิงสาว
หวงเสี่ยวเหมยหันไปเห็นชายกลุ่มนี้ สีหน้าก็ซีดขาวไปทันที พูดอย่างตื่นเต้น “พี่เปา นี่…….ลุงของฉันช่วงนี้เขาป่วย ไม่ได้มาที่ร้านนานแล้ว”
“ป่วย? ป่วยก็ไม่ต้องจ่ายเงินแล้วเหรอ? ลุงของเธออยากตายใช่ไหม? แม้แต่เงินของฉันเปาต๋ายังกล้าล่าช้า?” พี่เปาถอดแว่นออก จ้องหวงเสี่ยวเหมยด้วยสายตาโหดเหี้ยม
“เธอก็ไม่รู้จัดไปสอบถามในซอยหยกมณีนี้ดูหน่อย ในซอยนี้มีใครกล้าติดเงินฉันไม่คืนบ้าง?” พี่เปาพูดอย่างโหดเหี้ยม “พวกเธอกำลังท้าทายความอดทนของฉัน วันนี้ถ้าลุงของเธอไม่มาพูดให้รู้เรื่อง ฉันก็จะทุบร้านนี้จนพังทั้งหมด”