เสียงเย็นชาของหลินอิ่งพูดจบ บรรยากาศโชยมาซึ่งกลิ่นอายของมัจจุราช
ชั่ววูบนั้นเอง หูบากับอาจารย์หลี หน้าถอดสี รู้สึกสะท้านหนาววูบขึ้นมา
“แกไอ้เด็กระยำ แกพูดอะไร? ด่าใครฮึ”หญิงวัยกลางคนชี้หน้าหลินอิ่ง ตะคอกใส่ “ไม่ดูตัวเองเสียบ้างว่าเป็นตัวอะไร สอนอีลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่ออกมายังไง? ยังกล้ามาด่าว่าคนอย่างข้า”
“แม่งเอ๊ย!ตะกี้แกว่าใครเล่นอะไรไม่เป็นเรื่อง แกว่าเมียข้า ใช่ไหม?”หูบา ตอนแรกก็ชะงักไปชั่วแวบ หลังจากนั้นก็ลุกพรวดจากที่นั่ง มองหน้าหลินอิ่งอย่างกราดเกรี้ยว
“นี่เป็นการยอมรับของคุณแล้วใช่ไหม ว่าคุณเป็นคนลงมือตบหยังสู้สู้?”แววตาของหลินอิ่งเย็นเยือก เขม็งจ้องหญิงวัยกลางคน
“ใช่แล้วจะทำไม? ลูกฉันสูงค่าดั่งทอง ยัยเด็กซื่อบื้อนี่กรีดหน้าลูกฉันจนเป็นแผลบาด ฉันจะตบมันสักสองทีจะมีปัญหาอะไร?”หญิงวัยกลางคนยืนท้าวสะเอวพูดหยาม “ถ้าไม่เห็นว่ามันยังเป็นเด็กน้อย ฉันให้คนหักแขนมันไปแล้ว”
“ฉันว่า ไอ้เด็กน้อยอย่างแกนี่มาจากไหนกัน ดูท่าทีเหมือนยังข้องใจใช่ไหม?”หูบาวางสีหน้าหยามเหยียด พูดอย่างเย็นชาว่า “แกมาก็เหมาะดีแล้ว ยัยเด็กไม่มีคนสั่งสอนคนนี้ตบตีลูกข้าจนเป็นแผล ข้ากำลังจะหาตัวผู้ปกครองมันมา”
“ลูกคุณมีค่าสูงดั่งทองงั้นหรือ? แล้วหยังสู้สู้ เด็กคนนี้ก็ไม่สูงค่าดั่งทองหรือ?”หลินอิ่งถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ
เหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้เขารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว
หยังสู้สู้อยู่ในโรงเรียน ถูกเพื่อนนักเรียนกลั่นแกล้ง แล้วลูกคนแซ่หูด่าหล่อนว่าลูกไม่มีพ่อแม่ ชวนพาเพื่อนนักเรียนดูหมิ่นและรังแกเธอ
เด็กผู้หญิงตัวแค่นี้ ถูกคนรุมล้อมว่าด่าพ่อแม่ และยังถูกรังแกแกล้งสาดด้วยน้ำใส่หัว จึงเขวี้ยงขวดน้ำใส่ ล้วนเป็นเหตุเกิดที่เป็นไปตามปฏิกิริยาปกติ
แน่นอนที่สุด เด็กอายุขนาดนี้ถูกเพื่อนรุ่นเดียวกันรังแก ในใจคงต้องเป็นแผลที่ถูกปลูกฝัง
พูดง่ายๆ ก็คือ หากเป็นเรื่องเด็กกับเด็กด้วยกันทะเลาะตีกัน จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่เป็นเรื่องใหญ่โตอะไร
แต่เรื่องดันไม่ใช่มีแค่นี้ ไอ้เจ้าแซ่หูคนนี้มีความร่ำรวยเงินทองพร้อมอำนาจบารมี พาเอาบรรดาครูอาจารย์เข้าข้างไปที่เขา จึงกลับโยนความผิดทั้งหมดลงมาที่หยังสู้สู้
ที่น่าเจ็บแค้นมากที่สุดคือยัยผู้หญิงวัยสี่สิบกว่านั่น ขนาดกล้าลงมือตบเด็กหญิงตัวเล็กๆ อย่างหยังสู้สู้ นี่มันไม่ใช่เรื่องแล้ว
“เฮอะๆ ยัยเด็กกะเรวกะราดไม่มีพ่อแม่นั่น มันไม่ได้รับการสั่งสอน จะเอาอะไรมาเทียบลูกฉัน”หญิงวัยกลางคนพูดอย่างเหยียดๆ “ฉันจะว่าแกไอ้หน้าเหม็นนี่แหละ มันสมองคงน่าจะมีปัญหา”
หูบา ก็ส่งเสียงมาอย่างยิ้มเยาะว่า “แกเป็นผู้ปกครองดูแลหยังสู้สู้ ใช่ไหม? ข้าจะพูดอะไรไม่ค่อยน่าฟังหน่อยนะ อย่างยัยหยังสู้สู้นี่ ปล่อยต่อไปนะ จะให้มาเป็นขี้ข้าของลูกข้านี่นะ ยังไม่มีคุณสมบัติพอเลย”
“ลูกข้าแค่ด่าให้สองสามคำจะเป็นไรไป ยังกล้าเขวี้ยงปาของใส่ เมียข้าตบสั่งสอนมันสองทีแล้วเป็นไร”หูบาพูดข่มขู่ต่อว่า “แกไอ้พวกสมองทึบนี่ ไม่เพียงข้าจะตบไอ้เด็กคนนี้นี่ ถ้าแกยังจะงี่เง่า กูจะอัดแกด้วย”
ฟังผัวเมียแซ่หูนี่มันพูด หลินอิ่งได้แต่ส่ายหัว ท่าทางยิ่งดูเย็นยะเยือก
เขาหันมองไปที่คุณครูที่ใส่แว่นยืนอยู่ข้างๆ นั้น ครูประจำชั้นของหยังสู้สู้ อาจารย์หลี
“อาจารย์หลี ท่านเป็นถึงครูบาอาจารย์ จัดการเรื่องทั้งหมดได้แค่นี้เองหรือ?”หลินอิ่งถามอย่างเยือกเย็น “ถ้าหากทางโรงเรียนไม่สามารถจัดการให้ดีได้ ถ้าเช่นนั้น ผมคงต้องลงมือจัดการเองละ”
“อือม์? คุณพูดยังไงนี่? คุณเห็นว่าที่ฉันจัดการไปนี่ มีปัญหาหรือ?”อาจารย์หลีพูดด้วยมาดครูบาอาจารย์ “ฉันดูสภาพคุณนี่จะเป็นผู้ปกครองแบบไหนกัน? มีคุณสมบัติอะไรที่ไหนกัน? มิน่าหละที่หยังสู้สู้ถึงดูเป็นเด็กไม่มีคนสั่งสอน เพราะมีคุณอาแบบนี้นี่เอง ถึงได้เป็นแบบนี้”
“ฉันว่านะ คุณอย่ามาพาให้ลูกหลานชาวบ้านเขาเสียเลยนะ”อาจารย์หลีพูดพลางส่ายหน้าพลาง “น่าสงสารเด็กน้อยคนนี้จริงๆ ไม่มีพ่อแม่แล้วยังมาเจอคุณอาประเภทพูดไม่รู้ภาษาอีก”
“ไหนๆ ทางโรงเรียนเราก็ตัดสินแล้วว่า เด็กนักเรียนเกรดต่ำๆ อย่างหยังสู้สู้นี่ เราให้อยู่ไม่ได้แล้ว ฉันก็จะไปทำรายงานส่งให้ฝ่ายธุรการ”อาจารย์หลีพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ส่วนคุณ คงต้องวุ่นวายหน่อยนะว่าจะให้คำตอบกับท่านประธานหูอย่างไร”
พูดจบ อาจารย์หลีเอามือกอดอกยืนถอยออกไปข้างๆ มองหน้าหลินอิ่งอย่างเย้ยหยัน
ตลกจริง เด็กวัยละอ่อนคนหนึ่งไม่รู้จักประเมินค่าตัวเอง ทำเป็นจะมาต่อว่าอาจารย์ ต่อว่าสถาบัน
ไอ้หนุ่มนี่คงคาดไม่ถึงนะว่า การที่ไปกระทบกระทั่งประธานหู ลงท้ายจะเป็นอย่างไร?
ท่านประธานหูหูบาท่านนี้ เป็นถึงเจ้าของบริษัทใหญ่ที่เปิดอยู่ข้างโรงเรียนนี่กับผู้อำนวยการโรงเรียน ท่านประธานเซ่นั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมากขนาดไหน
“ก็ดี ผมเข้าใจแล้ว”หลินอิ่งผงกหัวรับรู้ หันหน้าไปมองหูบาอย่างไม่มีอารมณ์ “ถ้างั้นเราสองคนมาคุยกัน เรื่องเด็กคนนี้ ควรจะจัดการยังไงกันดี?”
“จัดการยังไงดี? เฮอะๆ แกมีฐานะอะไรมาคุยกับข้า หันมองสารรูปตัวเองบ้าง”เมียหูบาพูดอย่างเหยียดๆ วางท่าประหนึ่งว่ายืนข่มอยู่ในที่สูง
หูบาก็วางท่ายิ้มเยาะ สีหน้าเย้ยเหยียดใส่หลินอิ่ง พูดว่า “เป็นไง แกรู้สึกไม่ยอมรับ หรือไม่พอใจ?”
หลินอิ่ง พูดเสียงชืดๆ ว่า “ผมรู้สึกไม่พอใจมาก”
“อุวะ ไม่พอใจ ก็ดีสิ ข้าก็ชอบที่จะจัดการกับไอ้คนประเภทไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำอย่างแกนี่”หูบาพูดด้วยสายตาเยาะเย้ย พ่นซิก้าที่คาบอยู่ใส่หลินอิ่ง
หลินอิ่งสะบัดมือ ปัดเอาซิก้ากระเด็นพ้นไปไกลสิบกว่าเมตร มองพุ่งลึกๆ ไปที่หูบา
“กูเดิมคิดเพียงว่าให้ไอ้ผู้ปกครองเด็กนี่มา ทำตัวดีๆ ขอขมากับข้ามันก็จบ แต่กูเห็นแกวางท่าทำตัวแบบนี้ ให้รู้สึกหงุดหงิดหวะ”หูบาพูดข่มขู่ “แกไม่พอใจใช่ไหม? วันนี้ข้าจะให้แกใจหดฝ่อเดินออกไปเลย”
ว่าแล้ว หูบาดีดนิ้วเป๊าะหนึ่ง
บนทางระเบียงหน้าห้องทำงาน บอดี้การ์ดในชุดสากลเดินเรียงแถวกันเข้ามา นับดูได้กว่าสิบคน จ้องเขม็งที่หลินอิ่งอย่างเย็นชา ดูอึกทึกใหญ่โต
“แก ไอ้คนกะเรวกะราดไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ มาเดี๋ยวนี้เลย ขอโทษลูกข้า และขอขมากับเมียข้าซะ ได้ยินมั้ย?”หูบาชี้หน้าหลินอิ่ง ตะคอกเสียงใส่อย่างเย็นเยือก
หลินอิ่งย้อนถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย “แล้วถ้าผมไม่ขอขมาหละ?”
“ไม่ขอขมา? ข้าจะให้บอดี้การ์ดข้าจัดการให้เอ็งคุกเข่าลงขอขมา”หูบาพูดอย่างอหังการ์
“เดี๋ยวๆ ค่ะ ท่านประธานหู กรุณาอย่าเพิ่งเครียดค่ะ ที่นี่เป็นสถานการศึกษา โปรดอย่าได้ลงไม้ลงมือกันที่นี่เลยนะคะ จะเป็นการกระทบกระเทือนชื่อเสียงของโรงเรียน”อาจารย์หลีรีบเสนอหน้าปราม “ท่านจะกระทืบไอ้เด็กหนุ่มหน้าโง่คนนี้ เดี๋ยวรอไปจัดการกันเองนอกโรงเรียนดีกว่านะคะ”
หูบา ทำหน้านิ่วขมวดคิ้ว พูดว่า “ก็ถูกต้องนะ ข้าก็ต้องให้เกียรติ เห็นแก่หน้าท่านประธานเซ่ นะ ไม่ลงไม้ลงมือในโรงเรียนสถานศึกษา”
“ไหนๆ ไอ้หนุ่มโอหังคนนี้ข้าจดใส่บัญชีไว้ละ ออกจากประตูโรงเรียน กูจะทำยังไงเดี๋ยวได้รู้กัน”หูบาชี้นิ้วไปมาท่าทางอหังการ์ขย่มฟ้า
ในสายตาหูบา คิดแต่ว่าการจัดการหลินอิ่ง จะจัดการอย่างไรเมื่อใดก็ได้ ไอ้เด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม พูดจาเซ่อซ่าเบ๊อะบ๊ะ ยังมาทำอวดโอหังแบบนี้