ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่ 562 คืนนี้ลงมือ

บทที่ 562 คืนนี้ลงมือ

“ตกลง ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ น้อมรอรับข่าวดีจากคุณชายอิ่ง”จ้าวเฉิงเฉียนพูดหนักแน่น

หลินอิ่งผงกหัวเล็กน้อย

ข้อมูลรายงานจากจ้าวเฉิงเฉียนลงตัวได้เหมาะเจาะพอดี ก่อนหน้านี้ ทางด้านเย่เฮยกับหวงชิงซาน เพียงได้แต่คอยสอดส่องพวกลิ่วล้อของสำนักยุทธ์เชียนเท่านั้น ยังไม่สามารถลุยขุดเข้าถึงตัวกงจิ่วได้

ตอนนี้ ได้ข้อมูลความเคลื่อนไหวประจำวันของคนสนิทของกงจิ่วแล้ว

เพียงวางแผนให้รัดกุม จับกุมสองผู้พิทักษ์ของสำนักยุทธ์เชียนได้ ก็เท่ากับตัดแขนทั้งสองข้างของกงจิ่วแล้ว

เกาะติดตามต่อไป ก็จะมีโอกาสได้อย่างมากในการขุดเจาะถึงรอยเส้นทางของกงจิ่วได้

“คุณชายอิ่ง คุณชายใหญ่ ท่างท่านแม่เฒ่านั้นคุยธุระเสร็จแล้ว เรียนเชิญท่านทั้งสองเข้าไปได้แล้วค่ะ”

ขณะนั้นเอง สาวรุ่นหน้าตาสะสวยนางหนึ่งเดินเข้ามา เอ่ยขึ้นอย่างนอบน้อม

หลินอิ่งลุกขึ้น แวบสายตามองไป ปรากฏว่า เป็นเพื่อนของกงซุนชิวอวี่ จ้าวหลันเอ๋อร์

จ้าวหลันเอ๋อร์ สบตากับหลินอิ่ง รีบก้มหน้าลง “คุณชายอิ่ง เหตุการณ์ครั้งนั้นต้องขออภัยเป็นอย่างมาก ไม่ทราบว่าจะขออนุญาตได้ไหมคะ ที่จะให้ดิฉันเลี้ยงอาหารท่านสักมื้อ คุณพ่อก็อยากจะได้กล่าวขอโทษต่อหน้าท่านด้วยค่ะ”

หล่อนพูดด้วยสีหน้าตื่นตระหนกอย่างมาก ดูเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

เคยเผชิญหน้ากับหลินอิ่งสองครั้ง ครั้งนี้ มันต่างกับครั้งที่แล้วอย่างฟ้ากับดิน หลินอิ่งนั้น ขนาดคนทั้งบ้านตระกูลจ้าวยังไม่กล้าตอแยด้วย ตัวหล่อนเองนะหรือ แค่เพียงรินน้ำชาให้หลินอิ่งยังไม่มีคุณสมบัติพอเลย

ตั้งแต่ครั้งก่อนที่ไปล่วงเกินหลินอิ่ง กลับถึงบ้านจ้าว ทั้งคุณพ่อ ต่างก็ตื่นตระหนกตกใจผวากัน อยากจะหาโอกาสไปขอเข้าพบเพื่อกราบขออภัย

หลินอิ่งส่ายหัว ไม่ปริปากพูดอะไร เดินออกประตูไป

ชั่วเดี๋ยวเดียวนั้นเอง จ้าวหลันเอ๋อร์หน้าซีดเผือด ออกอาการกระสับกระส่าย

“หลัน หลัน เธอถอยออกไปเถอะ คุณชายอิ่งเขาไม่มาถือสากับคนต่ำต้อยอย่างเธอหรอก ทีหลังอยู่ข้างนอก ทำตัวให้ติดดินหน่อย หละ”จ้าวเฉิงเฉียนอบรมเสียยกหนึ่ง แล้วก้าวเดินตามหลังหลินอิ่งไป

ไม่นาน หลินอิ่งก็มาถึงโถงใหญ่บ้านตระกูลจ้าว ภายในโถงใหญ่มีเพียงสามท่านผู้เฒ่ากับจ้าวหลินเอ๋อร์นั่งอยู่

“หลินอิ่ง ก็เป็นไปตามที่เธอต้องการนะ พันธสัญญาแต่งงานกับตระกูลจ้าวเป็นอันยกเลิกแล้ว”แม่เฒ่าตระกูลจ้าวเอ่ยอย่างไม่สู้พอใจ ด้วยน้ำเสียงเย็นชา

หลินอิ่งตอบว่า “ขอบพระคุณท่านยายที่เข้าใจ”

“ถ้างั้น น้องยิน เรื่องก็ได้จบลงอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ฉันกับอิ่งเอ๋อก็ขอตัวกลับก่อนละ ไว้มีโอกาสว่าง ค่อยมาเยี่ยมคำนับบ้านตระกูลจ้าวใหม่”ฉีเวิ่นติ่ง พูดอย่างเป็นทางการ

“ค่ะ พี่หก เดี๋ยวฉันไปส่ง”แม่เฒ่าตระกูลจ้าวผงกหัวแล้วขยับไม้เท้าค้ำตัวยืนขึ้น

และแล้ว หลินอิ่งพยุงท่านปู่เฒ่าของตัวเอง ค่อยๆ เดินออกจากบ้านตระกูลจ้าว มาถึงหน้าประตูกลุ่มวิลล่าภูเขาชา

โดยมีสองผู้เฒ่าตระกูลจ้าวเดินตามมาส่ง

ฉีเวิ่นติ่ง ก็ได้หันไปสนทนาปราศรัยกับสองผู้เฒ่าตระกูลจ้าวอีกสองสามคำ หลังจากนั้นก็ขึ้นไปนั่งในตอนหลังของรถโดยมีหลินอิ่งคอยประคอง

“ขับนุ่มๆ หน่อย”หลินอิ่งสั่งกำชับ

ฮาเดสผงกหัวรับ ขยับเคลื่อนรถลงจากภูเขาชา

สองผู้เฒ่าตระกูลจ้าวมองตามเสียงรถยนต์ที่เคลื่อนห่างออกไป ด้วยสีหน้าที่สับสน

“หลินเอ๋อร์ วุ่นใจกับเรื่องแต่งงานของเธอ ปู่ก็เต็มที่แล้วแหละ ไอ้เด็กเวรตระกูลฉีนี่ ตระกูลจ้าวเราเอามันไม่ลงจริงๆ ดูแม้แต่ฉีเวิ่นติ่งยังเคารพในความคิดของหลานเขาคนนี้เลย”จ้าวเทียนสงพูดพลางถอนใจออกเบาๆ “ตระกูลฉีมีมังกรมาเกิด มันไม่ใช่เรื่องคุยกันเพ้อเจ้อเสียแล้วนะ”

ก่อนที่หลินอิ่งจะมา จ้าวเทียนสงได้มีการสืบสอบมาอย่างละเอียดชัดเจน

เพื่อหวังให้หลานสาวหัวแก้วหัวแหวนของตนได้สมใจปอง ตลอดจนได้คิดเตรียมการอย่างสุดความสามารถแล้ว

แต่ที่ไหนได้ หลินอิ่งนี่ช่างเหลือร้ายจริงๆ

ในด้านโปร่งใส หลินอิ่ง ได้ครอบครองตระกูลฉี และตระกูลนิ่งสองตระกูลใหญ่ เห็นว่าเมื่อครั้งนั้น นิ่งไท่จี๋ เพื่อนเก่าเขา ยังยอมถอนตัวออกยกตำแหน่งให้

ในด้านมืด หลินอิ่ง ยังมีอิทธิพลแบบถล่มทลาย ไม่เพียงเคยกวาดล้างตระกูลเหวิน ยังเคยเหยียบถล่มตระกูลสวี และยังได้ใช้กำลังดับตระกูลเศรษฐีอันดับต้นของเมืองก่าง

ในตี้จิง พูดได้ว่าไม่มีใครจะเหนือแน่กว่านี้แล้ว

“เฮ้อ..หลิงเอ๋อร์ ย่าช่วยหนูสืบสอบเจ้าเด็กน้อยหลินอิ่งคนนี้ตั้งแต่ต้นจนปลายแล้ว เขา ไม่ใช่คนที่ผู้หญิงธรรมดาทั่วไปจะสยบเขาได้ หนูเอาเขาไม่อยู่หรอก”ผู้เฒ่าตระกูลจ้าวพยายามตะล่อมเตือน “ในเมื่อหนูตัดสินใจจะให้หลินอิ่งเป็นเพื่อนไปเที่ยวทะเลนอกกับหนู งั้นไว้เมื่อหนูสมปรารถนาแล้ว ก็จงตัดใจทิ้งไปให้ได้นะ ให้รู้นะว่า คำว่าเสน่หาคาใจนี่ มันเป็นตัวทำร้ายคนอย่างสาหัสที่สุดนะ”

ฟังคำพูดผู้เฒ่าตระกูลจ้าวทั้งสองแล้ว จ้าวหลินเอ๋อร์ได้แต่ก้มหน้านิ่ง เม้มปากแน่น แววตาเต็มไปด้วยความสับสน

……

ทางอีกด้านหนึ่ง เบนท์ลี่ย์สีดำแล่นไปบนถนนที่เฟื่องหรู

“คุณปู่ครับ เรื่องวันนี้ แท้ที่จริงนั้นไม่ใช่ว่าหลานจะไม่เชื่อฟังนะครับ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะฝืนใจกันได้”ณ.ที่นั่งหลังรถ หลินอิ่งนั่งข้างเคียงคู่กับฉีเวิ่นติ่ง พูดอย่างสุขุม

ฉีเวิ่นติ่งยิ้มๆ แล้วพูดว่า “งานแต่งงานนี้ ตั้งแต่ต้นก็คิดว่าจะหาคู่ที่เหมาะสมให้กับเธอ ให้สมน้ำสมเนื้อคู่ตระกูล ตอนนั้นปู่จึงได้ตกลงหมั้นหมายการแต่งงานนี้ มาตอนนี้เธอก็โตขึ้นแล้ว มีความคิดเป็นตัวของตัวเองแล้ว ก็คงต้องเป็นตัวของตัวเองแหละ”

“ไม่ต้องมากังวลเรื่องหน้าตาของปู่แล้วรู้สึกไม่สบายใจนะ ปู่อายุถึงขนาดนี้แล้ว ขอให้ได้เห็นเธอผ่านใช้ชีวิตราบรื่นดังใจ ปู่ก็พอใจแล้ว”ฉีเวิ่นติ่งพูดด้วยสีหน้าเปี่ยมด้วยเมตตา “แต่งเมียเป็นเรื่องใหญ่ของชีวิตตลอดชีวิต ใจเธอไม่ยอมรับ แต่งกันไปแล้ว ต่อไปจะเป็นผลร้ายกับงานใหญ่ของเธอ เรื่องนี้สำหรับปู่ ยังมองออกได้ทะลุ”

หลินอิ่งผงกหัว พูดว่า “คุณปู่เข้าใจก็ดีเลย”

“ใช่แล้วครับ คุณปู่ ทุกวันนี้สุขภาพคุณปู่มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?”หลินอิ่งเปลี่ยนเรื่องคุย ถามด้วยสีหน้าจริงจัง

“ก็ดีมากเลยนะ ครั้งก่อนที่เธอต้มยามาให้นั่น กินเข้าไปแล้ว ร่างกายรู้สึกฟิตขึ้นกว่าเดิมมากเลย”ฉีเวิ่นติ่งพูดเป็นจริงเป็นจัง “ร่างกายของปู่เอง ปู่ย่อมรู้ตัวเองดี ไม่มีอะไรหนักหนา ว่าแต่เธอนั่นสิ ทุกวันนี้ดูสถานการณ์อึมครึมไปทั่วทั้งตี้จิง มีไอ้พวกเครือญาติจ้องใส่เธอเต็มไปหมด คิดว่าเธอคงจะเครียดมากสินะ”

หลินอิ่งตอบว่า “คุณปู่ครับ สุขภาพของคุณปู่ไม่มีปัญหาก็ดีแล้ว เรื่องเครือญาติในตี้จิงนี่ ไม่มีค่าควรในการพูดถึง ผมรับได้อยู่แล้ว”

“ดี ดี”ฉีเวิ่นติ่ง ผงกหัว พูดต่อไปว่า “อิ่งเอ๋อ แล้วเรื่องเธอกับหนูหญิงแซ่จางจากมณฑลตุงไห่คนนั้น ตอนนี้เป็นยังไงเสียหละ ปู่ก็เห็นเธอดูเหมือนต้องใจกับหล่อนมาก ไหงตอนนี้เป็นอย่างนี้ กลายเป็นหย่ากันซะแล้วหละ”

“จะว่าไปแล้ว เธอก็ยังไม่เคยพาหนูจางฉีโม่นั่น มาให้ปู่เห็นเลยนะ”ฉีเวิ่นติ่งถามอย่างมีเลศนัย “พูดถึงปู่ในตอนนี้นะ เรื่องเป้าหมายจะหวังก็ไม่มีอะไรมากมายแล้ว ก็เพียงอยากเห็นเธอมีครอบครัวอย่างเป็นเรื่องเป็นราว อยากอุ้มหลานนะ”

“เธอก็รู้นะ ผู้สืบตระกูลฉีของเรา ตอนนี้ก็เธอคนเดียวนี่แหละนะ”

“ทราบครับ คุณปู่ ที่คุณปู่พูดผมจะจำไว้ครับ”หลินอิ่งตอบอย่างมั่นเหมาะ

และแล้ว หลินอิ่งก็นำพาผู้เฒ่าของตนกลับยังจื่อหลงซานอีกครั้ง

นั่งคุยกับท่านปู่อีกพักใหญ่ที่จื่อหลงซาน แล้วจึงค่อยจากไป

พอออกจากจื่อหลงซาน หลินอิ่งขึ้นนั่งรถ ก็ได้โทรศัพท์หาเย่เฮยทันที

“เย่เฮย แกอยู่ที่ซอยหยกมณี พบเห็นอะไรบ้าง?”หลินอิ่งถาม

“ครับท่านประมุข ผมสะกดตามอยู่ บริเวณนี้ ยังไม่เห็นมีความเคลื่อนไหวของคนกลุ่มแวดวงลึกลับที่น่าสงสัยให้เห็น”เสียงตอบจากโทรศัพท์อีกด้านหนึ่ง เย่เฮยรายงานอย่างเป็นทางการ

“แกไปบอกหวงชิงซาน จะให้ลงมือทันทีเมื่อยามมืด ฉันจะส่งเอกสารรายงานข้อมูลให้แกชุดหนึ่ง จะต้องเอาตัวสองผู้พิทักษ์ข้างตัวของกงจิ่วมาให้ได้”หลินอิ่งสั่งการอย่างเฉียบขาด

“เตรียมพร้อมกำลังพล แล้วให้มาที่โรงแรมจงเทียนเดี๋ยวนี้”

“ได้ครับ ท่านประมุข ผมจะกลับไปที่โรงแรมจงเทียนทันทีครับ”เย่เฮยตอบอย่างมั่นเหมาะ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท