ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่ 580 ห้ามพัฒนา?

บทที่ 580 ห้ามพัฒนา?

“เรื่องของตระกูลเผย……”พูดถึงเรื่องของตระกูลเผย สีหน้าจ้าวเฉิงเฉียนก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมา ไตร่ตรองครู่หนึ่ง

“คุณชายอิ่ง ภายในตระกูลเผยจี้โจวเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่”จ้าวเฉิงเฉียนพูดอย่างจริงจัง “ผมมีข่าวลับเฉพาะที่เชื่อถือได้ว่า บรรพบุรุษตระกูลเผยใกล้จะไม่ไหวแล้ว ทำการคัดเลือกทายาทผู้สืบทอดในตระกูลเผย”

“ออ?”หลินอิ่งพอมีความสนใจ

ข้อมูลข่าวกรองของจ้าวเฉิงเฉียน เห็นได้ชัดว่ามาจากเผยหวูหมิงคนนั้นที่อยู่ข้างกายเขา

บรรพบุรุษตระกูลเผยใกล้จะไม่ไหวแล้ว นี่เป็นเรื่องใหญ่ การเปลี่ยนตระกูล ต้องกระทบความเจริญและเสื่อมโทรมเป็นธรรมดา

“คุณอยากประคับประคองเผยหวูหมิงให้ควบคุมตระกูลเผย?”หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย

“ถูกต้อง”จ้าวเฉิงเฉียนพยักหน้า พูดอย่างจริงจัง “คู่แข่งของเผยหวูหมิงภายในตระกูลเผยจี้โจวเยอะมาก ผมหวังว่าถึงเวลา คุณชายอิ่งจะสามารถให้ความช่วยเหลือ”

“อำนาจและผลกระทบของตระกูลเผยในแวดวงลึกลับ คุณชายอิ่งน่าจะรู้”จ้าวเฉิงเฉียนพูดอย่างจริงจัง “เมื่อเรื่องสำเร็จแล้ว อำนาจของตระกูลเผย ล้วนอยู่ในมือของคุณและผม”

หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ “เรื่องใหญ่ขนาดนี้ เจ้าสำนักหยางของพวกคุณล่ะ?”

ตระกูลเผยจี้โจวที่ใหญ่มหึมาแบบนี้ ลำพังจ้าวเฉิงเฉียนคนเดียวกลืนไม่ได้แน่นอน เพราะฉะนั้นถึงมาหาเขา

แต่ว่า จ้าวเฉิงเฉียนในฐานะนายน้อยสำนักแก๊งหยางเหมิน เบื้องหลังยังมีเจ้าสำนักหยางยืนอยู่

“อันนี้”จ้าวเฉิงเฉียนพูดเคร่งขรึม “พูดตามตรงโดยไม่ปิดบัง คุณชายอิ่ง เรื่องตระกูลเผยนี้ ก็เป็นการทดสอบครั้งใหญ่ที่เจ้าสำนักหยางให้ผม”

“ฐานะของเจ้าสำนักหยางเอง ไม่ลดตัวลงมาออกหน้าแน่นอน”

หลินอิ่งพยักหน้าเล็กน้อย พูดเสียงเรียบ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ รอผมจัดการตี้จิงเรียบร้อย เรื่องนี้เรื่องใหญ่ ต้องปรึกษาให้ดีก่อน”

“แน่นอนต้องทำตามความเห็นของคุณชายอิ่ง”จ้าวเฉิงเฉียนพูดอย่างจริงจัง

หลังจากเจรจากับจ้าวเฉิงเฉียนครู่หนึ่งแล้ว หลินอิ่งได้สูตรยาถอนพิษที่จั่วฉวนให้แล้ว พาฮาเดสนั่งรถออกจากสถานที่นี้

เหลือเย่เฮยและหวงชิงซาน รับผิดชอบตรวจนับวัตถุดิบยาในอาคารร้าง

……

วันที่สอง

ตี้จิง จื่อหลงซาน

ภายในคฤหาสน์สถานพยาบาลทหารหมายเลข 2

ฉีเวิ่นติ่งนั่งอยู่ในห้องนอน หลินอิ่งยกถ้วยยาเข้ามา

เมื่อคืนศึกษาวิจัยทั้งคืน ทดลองฤทธิ์ยาเองทั้งคืน

หลินอิ่งแน่ใจแล้ว สูตรยาที่จั่วฉวนให้มานั้น ก็คือยาถอนพิษงูจิ่วเจ๋

วัตถุยาถอนพิษไม่ถือว่าล้ำค่าเป็นพิเศษ สั่งลูกน้องไป หามาครบอย่างรวดเร็ว

เพียงแค่ว่า ต้องใช้เวลาเป็นครึ่งเดือน คุณปู่ต้องดื่มยาตามเวลา ถึงจะค่อยๆถอนพิษได้

“ฮู”

หลังจากดื่มยาหมดแล้ว ฉีเวิ่นติ่งพ่นลมหายใจร้อนออกมา พูดด้วยสีหน้าเมตตา “อิ่งเอ๋อ ยานี้ไม่ธรรมดา ครั้งที่แล้ว ยาที่เราให้ปู่ดื่ม ดูเหมือนจะขจัดพิษไม่ได้?”

คุณท่านตระกูลฉีก็เป็นคนเคยเห็นโลกกว้างมาแล้ว ยาดื่มลงไปคำเดียว ก็รู้ว่ายาชุดนี้ไม่ธรรมดา มีประโยชน์ต่อร่างกายของเขามาก

หลินอิ่งพยักหน้า เรื่องมาถึงวันนี้แล้ว ก็ปิดคุณปู่ตัวเองไม่ได้แล้ว

“เมื่อคืน ผมหาคนที่วางพิษให้คุณปู่เจอแล้ว เป็นคนต้าเหอ เขาตายแล้ว”

ฉีเวิ่นติ่งแววตาประกาย ขมวดคิ้ว

“คนต้าเหอ……”ฉีเวิ่นติ่งพูดเหมือนคิดอะไรอยู่ “ตระกูลสวีเชิญมา?”

หลินอิ่งพูด “ใช่ ตระกูลสวีและคนต้าเหอกลุ่มหนึ่ง แล้วก็คนเกาหลีสมคบกัน ล้วนไร้ขีดจำกัด”

“อิ่งเอ๋อ ดูแล้วการสู้รบครั้งนี้ หลานมีชัยเหนือกว่าแล้ว”ฉีเวิ่นติ่งพูด “ตอนเช้า หวงชิงซานมาทักทายปู่แล้ว ปู่ก็ฟังเขาพูดแล้ว ก่อนหน้านี้พ่อของเราเคยไปเชิญเขาออกมาครั้งหนึ่งแล้ว……”

“ดูแล้วปู่แก่จริงๆแล้ว เรื่องมากมาย ก็ยังไม่รู้เรื่อง”ฉีเวิ่นติ่งพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เรื่องมาถึงวันนี้แล้ว ทางด้านตระกูลสวี ถ้ามีโอกาส ก็ไม่ต้องให้เกียรติใดๆ อย่าให้เหลือปัญหาในภายหน้า”

ตอนที่พูดคำพูดเหล่านี้ ท่ามกลางเสียงอันแกชราของฉีเวิ่นติ่ง สื่อความหมายแห่งแรงสังหาร

“คุณปู่ ผมเข้าใจ”หลินอิ่งพยักหน้าอย่างหนักแน่น

เขารู้ คุณปู่ตัวเองก็โมโหแล้ว

“ใช่แล้ว คุณปู่ ช่วงนี้ ปู่ต้องกินยาตามเวลา ผมจะต้มยาให้ตามเวลา”หลินอิ่งพูดอย่างจริงจัง

ฉีเวิ่นติ่งพยักหน้า “อิ่งเอ๋อ เราไม่ต้องกังวลเรื่องจุกจิกพวกนี้หรอก ปู่อยู่ในจื่อหลงซานนี่ก็สบายอกสบายใจ ยายหนูชิวอวี่ ก็มาเยี่ยมปู่อยู่ประจำ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดี”หลินอิ่งพยักหน้า “ถ้างั้น คุณปู่ ผมยังมีเรื่องต้องไปจัดการ ต้องไปก่อน”

“อืม”ฉีเวิ่นติ่งพยักหน้า

พูดจบ หลินอิ่งหมุนตัวเดินออกจากคฤหาสน์สถานพยาบาล

นอกประตู หัวหน้าและกงซุนชิวอวี่แล้วก็ฉู่ฉู่ กำลังรอเขาอยู่

“วัตถุดิบยา คุณต้องดูแลให้ดี ให้คุณท่านกินตามเวลา”หลินอิ่งมองไปทางหัวหน้า แล้วพูดกำชับ

ส่วนผสมของยา เขาส่งมอบให้หัวหน้าดูแลแต่แรกแล้ว

“ท่านวางใจ”หัวหน้าพยักหน้าอย่างเคารพ

“พี่ ได้ยินว่าครั้งนี้พี่กลับมาจื่อหลงซานแล้ว”กงซุนชิวอวี่พูดอย่างยิ้มแย้ม “ฉู่ฉู่ได้ยินแล้ว ก็มารอพี่ข้างนอกโดยเฉพาะ”

ฉู่ฉู่ที่ยืนอยู่ข้างนอก อดแก้มแดงไม่ได้

หลินอิ่งพูด “รอพี่? มีเรื่องอะไร”

“แหม พี่ ครั้งที่แล้วฉู่ฉู่เกิดอุบัติเหตุใหญ่โตขนาดนั้น พี่ไม่เป็นห่วงแม้แต่น้อยเลยเหรอ?”กงซุนชิวอวี่พูดอย่างยิ้มแย้ม “ทางด้านบ้านของฉู่ฉู่ มีคนมาที่ตี้จิงแล้ว”

“คนตระกูลฉู่มาแล้ว?”หลินอิ่งหันไปมองฉู่ฉู่ ถามว่า “คือพ่อของคุณเหรอ?”

คืนนั้นหลังจากที่ฉู่ฉู่ถูกลอบฆ่า หลังเกิดเรื่องเขาโทรไปแจ้งกับฉู่สงซานพ่อของฉู่ฉู่ แจ้งให้ทราบแล้ว

“คือคุณปู่เล็กของฉัน แล้วก็พี่ชายลูกพี่ลูกน้องของฉันสองคน”ฉู่ฉู่พูด “คุณหลิน คุณอย่าเข้าใจผิด พวกเขาเป็นห่วงความปลอดภัยของฉัน มาดูแลฉัน”

“ออ”หลินอิ่งพูด “ครั้งที่แล้วเป็นเหตุสุดวิสัย ฉู่ฉู่ คุณกลับไปบอกพวกเขาทั้งหลาย อยู่ในตี้จิง ไม่ให้เกิดอะไรขึ้นกับคุณแน่นอน”

“อืม คุณหลิน ฉันพูดกับพวกเขาแล้ว”ฉู่ฉู่พูดอย่างจริงจัง “ตอนแรกปู่เล็กของฉันอยากเจอคุณ ฉันบอกว่าคุณยุ่ง อย่ารบกวนดีกว่า ตอนนี้พวกเขา ก็รอในตี้จิง รอคุณหลินกลับไปมณฑลเตียนหนานไปพบคุณปู่ฉันพร้อมกัน”

หลินอิ่งพยักหน้า เข้าใจความหมายของตระกูลฉู่

“แล้วก็ พี่ หนูได้ยินว่า พี่ไปที่ตระกูลจ้าวมารอบหนึ่ง?”กงซุนชิวอวี่พูดด้วยท่าทางลึกลับ “ได้ยินว่าพี่ยกเลิกสัญญาหมั้นหมายกับจ้าวหลินเอ๋อร์แล้ว?”

หลินอิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย มองกงซุนชิวอวี่

“ฮาฮา พี่ เรื่องนี้พี่ทำได้ดีมาก หนูนับถือพี่จริงๆ”กงซุนชิวอวี่ดันแว่นตาขอบทอง ยิ้มพูดว่า “พี่ ทางด้านพี่สะใภ้ พี่จะให้เธอมาเจอคุณตาที่ตี้จิงเมื่อไหร่? คุณตายังถามหนูโดยเฉพาะ ว่าพี่สะใภ้นิสัยท่าทางเป็นยังไง”

“เรื่องพวกนี้ ไม่ใช่เรื่องที่เธอควรถาม”หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย

นิสัยของกงซุนชิวอวี่นี่ ช่างซุบซิบเกินไปแล้ว

ติ๊ดติ๊ด

เวลานี้เอง มือถือล็อกรหัสของหลินอิ่งดังขึ้น

เขามองไปทีหนึ่ง เป็นนิ่งซวนที่โทรมา

“ฮัลโหล ประธานหลิน ท่านยุ่งอยู่ไหมครับ? ผมมีเรื่องจะรายงาน”ในโทรศัพท์ เป็นเสียงที่เคารพของนิ่งซวน

หลินอิ่งพูด “ปัญหาอะไร คุณพูดเลย”

“เมืองเทียนหลงเกิดปัญหานิดหน่อย เรามีโครงการใหญ่ชิ้นหนึ่ง ตอนนี้ไม่อนุญาตให้พัฒนา”นิ่งซวนพูดอย่างจริงจัง “ภูเขาหลายลูกที่เราประมูลมาด้วยเงินแท้ทองแท้ เริ่มลงมือจะขุดภูเขาแล้ว แต่ว่า ถูกคนมาขวางไว้”

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท