ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่ 623 มาเล่นงานถึงที่

บทที่ 623 มาเล่นงานถึงที่

“หา?”ท่านเฉินเฟิงสีหน้าตกใจ มองแม่เฒ่าตระกูลหลินด้วยความไม่อยากจะเชื่อ”แม่เฒ่า ท่านบอกว่า หลินอิ่งนั่น เป็นเหลนชายของท่านอย่างนั้นเหรอ?”

เดิมทีท่านเฉินเฟิงนึกว่า ที่หลินอิ่งแห่งตี้จิงอาละวาดแผลงฤทธิ์ขนาดนี้ จะต้องมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่อยู่ในกลุ่มสันโดษแน่ๆ แล้วเบื้องหลังก็จะต้องมีบุคคลระดับสูงค่อยสั่งการอยู่แน่นอน

ดังนั้น หลังจากที่ได้รู้ว่าศิษย์รักถูกฆ่า ท่านเฉินเฟิงก็ไม่ได้ลงเขาไปเอาเรื่องหลิ่นอิ่งที่ตี้จิงอย่างใจร้อน แต่สืบเสาะกลุ่มสันโดษอย่างละเอียด

ผลที่ได้ ภายในกลุ่มสันโดษไม่มีเบาะแสร่องรอยของหลินอิ่งคนนี้หลงเหลืออยู่เลย เป็นบุคคลที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนามคนหนึ่งเท่านั้น

ส่วนสกุลหลินของหลินอิ่ง ก็ทำให้ท่านเฉินเฟิงหันเป้าหมายมาหาตระกูลหลินแห่งลังยา เพื่อที่จะไปพิสูจน์ตรวจสอบด้วยตัวเอง เลยคิดที่จะถามให้ชัดเจนเลยว่าสรุปแล้วหลินอิ่งมีความสัมพันธ์กับตระกูลหลินแห่งลังยาหรือไม่

แต่คิดไม่ถึงว่า แม่เฒ่าตระกูลหลินจะบอกเขาซึ่งๆ หน้าเลยว่า หลินอิ่งเป็นเหลนชายของแม่เฒ่าเอง

เหลนชายจะสกุลหลินเหมือนกันได้ยังไง?

“แม่เฒ่า ท่านช่วยพูดความจริงได้ไหมครับ”ท่านเฉินเฟิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง”เท่าที่ผมรู้ รุ่นเด็กหนุ่มสาวของตระกูลหลินแห่งลังยา ไม่มีชื่อหลินอิ่งนี่ครับเขาเป็นลูกหลานในสายเลือดของท่านจริงๆ เหรอครับ?”

แม่เฒ่าตระกูลหลินพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ “ตู้เฉินเฟิง หญิงชราแบบฉัน จำเป็นต้องโกหกนายไปทำไม? หลินอิ่งเป็นเหลนชายของฉัน การที่จะสกุลหลินตามแม่ของเขา มันไม่ถูกต้องเหมาะสมตรงไหนอย่างนั้นเหรอ?”

“เอ่อ……”ท่านเฉินเฟิงขมวดคิ้ว ในใจกำลังคิดไตร่ตรอง

ตอนแรกนึกว่า หลินอิ่งมากสุดก็เป็นได้แค่หมากตัวหนึ่งในโลกธรรมของตระกูลหลินแห่งลังยา เป็นแค่ชื่อปลอมๆ เท่านั้น ก็เลยมาลองสอบถามที่ตระกูลหลิน แต่ไม่คิดว่า จะเป็นลูกหลานแท้ๆ ในสายเลือดของแม่เฒ่าตระกูลหลิน

หรือว่าหลินอิ่งก็เป็นเหลนชายของนายท่านใหญ่ตระกูลหลินเหมือนกันอย่างนั้นเหรอ?

ท่านเฉินเฟิงพูดพึมพำกับตัวเอง เขาที่เคยมีสถานภาพเป็นถึงคนเก่งกาจในโลกธรรมของระดับสวรรค์ของประเทศหลุงมาก่อน มีศักดิ์ศรีเป็นที่เคารพของลูกศิษย์ไปทั่วกลุ่มสันโดษ

แต่พอเทียบกับนายท่านใหญ่ตระกูลหลินคนนั้นแล้ว มันเหนือชั้นเกินไป แทบจะเทียบไม่ติดเลยแม้แต่น้อย

ตระกูลหลินแห่งลังยา เป็นตระกูลที่เขาไปยุแหย่ด้วยไม่ได้

อย่าว่าแต่ท่านเฉินเฟิงที่ตอนนี้มือซ้ายที่จับดาบถูกทำให้ใช้การไม่ได้ ไม่มีพลังบูโดระดับสวรรค์แล้วเลย ต่อให้ช่วงที่เขารุ่งเรืองอยู่บนจุดสูงสุด ก็ไม่กล้าไปต่อสู้กับตระกูลหลินแห่งลังยาอยู่ดี

ถึงยังไง ตระกูลหลินแห่งลังยา ก็เป็นผู้นำของตระกูลใหญ่หกตระกูลของกลุ่มสันโดษ ยืนอยู่หนึ่งในผู้มีอำนาจอิทธิพลที่สุดของกลุ่มสันโดษของประเทศหลุง

โดยเฉพาะนายท่านใหญ่ตระกูลหลินคนนั้น ถูกยอมรับว่า เป็นดั่งเทพที่แตกฉานด้านบูโดจัดอยู่ในห้าอันดับแรกของประเทศหลุง!ได้เคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้มีอำนาจอิทธิพลสูงสุดอย่างประมุขแก๊งมังกรยิ่งใหญ่อลังการสุดๆ

เป็นการดำรงอยู่ในตำนานภายในกลุ่มสันโดษ

“แม่เฒ่า ตอนนี้ตระกูลหลินของลังยาก็ถือว่าเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กัน ขออนุญาตถามเลยก็แล้วกันนะครับ ทำไมตระกูลหลินถึงไม่ไว้หน้าไม่ไว้ศักดิ์ศรี ถึงได้ลงมือฆ่าลูกศิษย์ของผม”ตู้เฉินเฟิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง”เรื่องนี้ ตอนนี้ขอให้แม่เฒ่าให้ความกระจ่างด้วยครับ”

แม่เฒ่าตระกูลหลินขมวดคิ้วเล็กน้อย ครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะพูดขึ้น”ตู้เฉินเฟิง มีเรื่องบางเรื่อง ที่นายไม่ควรถาม ก็อย่าถามเลย”

“นายสูญเสียศิษย์รักไป ฉันก็เข้าใจความรู้สึกของนาย แต่ นี่ไม่ใช่เหตุผลที่นายจะมาถามที่ตระกูลหลิน”

หยุดไปสักพัก แม่เฒ่าก็พูดขึ้นต่อ”เอาแบบนี้แล้วกัน นายอยู่ต่อที่เมืองชางโจวชั่วคราวสิ ฉันเรียกหลินอิ่งกลับมาภูเขาลังยาแล้ว ถึงตอนนั้น ฉันจะให้เด็กคนนี้ทำพิธีรินน้ำชาให้กับนายต่อหน้าเลย เพื่อเป็นการชดเชย”

“เอ่อ……”ท่านเฉินเฟิงสีหน้าดูไม่ดี อารมณ์ความรู้สึกยุ่งยากซับซ้อน

มีพลังอำนาจของตระกูลหลินแห่งลังยาอยู่ด้วย เขาก็ไม่กล้าท้าทาย แต่ก็ไม่เต็มใจที่จะละทิ้งการแก้แค้นหลินอิ่งเหมือนกัน

เขาก็รู้เหมือนกัน ว่าตระกูลหลินกำลังไว้หน้าเขาอยู่

แต่รินชาแก้วเดียว แลกกับชีวิตของลูกศิษย์เขา ไม่ว่าคิดยังไงก็รู้สึกไม่เต็มใจอยู่ดี

“ตู้เฉินเฟิง ในตอนนั้นอาจารย์ของนายกับตาเฒ่าก็มีมิตรภาพต่อกันอยู่บ้าง ไม่อย่างนั้น ฉันก็ขี้เกียจที่จะพูดเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เรื่องนี้กับนายแล้วเหมือนกัน”แม่เฒ่าตระกูลหลินพูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ”ลูกศิษย์ที่ตายไปของนาย ฉันจะให้หลินอิ่งชดใช้ให้กับนายเอง ในอนาคต ให้เขาทำงานให้กับนายหนึ่งเรื่อง เพื่อเป็นการชดใช้ให้ก็แล้วกัน”

“เอาล่ะ ตามนี้ก็แล้วกัน ฉันเหนื่อยแล้ว ค่อยเจรจากันใหม่”

แม่เฒ่าตระกูลหลินพูดประโยคนี้จบอย่างน่าเกรงขาม จากนั้นก็หรี่ตาลงไม่พูดอะไรอีก

ท่านเฉินเฟิงสีหน้าหนักอึ้ง ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีกเหมือนกัน พยักหน้า พูดขึ้น”ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามที่แม่เฒ่าพูดแล้วกันครับ บังอาจมาให้แม่เฒ่าตัดสินใจแทนคนฐานะต่ำกว่า ไม่รบกวนแม่เฒ่าแล้วครับ……”

พูดจบ ท่านเฉินเฟิงก็โค้งคำนับ บอกลาก่อนจะหันตัวเดินจากไป

ใช่แล้ว ถ้าไม่ใช่อาจารย์ของตู้เฉินเฟิงในตอนนั้นมีมิตรภาพที่ดีกับนายท่านใหญ่ตระกูลหลินอยู่บ้างล่ะก็ เขาก็คงจะไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปถามตระกูลหลินแห่งลังยาถึงที่แบบนี้

แม่เฒ่าตระกูลหลินมองเงาหลังของท่านเฉินเฟิงเดินจากไป สายตาที่ฉลาดเฉลียวก็มีประกาย ไม่รู้ว่ามีแผนการอะไรอยู่

……

วันต่อมา

ณ เมืองเทียนหลง ตี้จิง

เมืองเทียนหลงที่ยิ่งใหญ่ ถนนการค้าพาณิชย์กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างแบบเร่งรัด เป็นภาพที่ดูเจริญรุ่งเรือง

ถนนที่เปิดกว้างแต่ละสาย ก็มีผู้คนเดินสัญจรไปมาเต็มไปหมด บรรยากาศดูโอ่อ่าใหญ่โต

ภายในห้องทำงานของประธาน อาคารเทียนหลงที่ยิ่งใหญ่

หลินอิ่งกำลังยืนมือไขว้หลังริมหน้าต่าง มองทอดออกไปยังทิวทัศน์คึกคักที่อยู่รอบๆ

หลังจากที่ปฏิเสธตระกูลโครเมียร์กับตระกูลฉู่แห่งเตียนหนานแล้ว เขาก็มาจัดการเรื่องของตี้จิงทันที

ตอนนี้ สถานการณ์ของตี้จิง ทั้งหมดล้วนแต่อยู่ในกำมือของหลินอิ่ง ในแต่ละวันจะมีตัวแทนของตระกูลใหญ่จำนวนมากมาส่งของขวัญแสดงความยินดี

ชื่อเสียงของหลินอิ่ง ถูกดันจนพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุด

ส่วนตัวเขาเอง ก็ปฏิเสธแขกที่มาเป็นธรรมดาอยู่แล้ว

ตี๊ดๆๆ

ในตอนนี้เอง จู่ๆ โทรศัพท์ใส่รหัสที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้นมา

หลินอิ่งหันตัว ชำเลืองตามองสายที่แสดงอยู่บนจอ หยูจื๋อเฉิงเป็นคนโทรมา เขากดรับสาย

“หยูจื๋อเฉิง เรื่องอะไร?”หลินอิ่งพูดถามอย่างนิ่งๆ

“ท่านอิ่ง มีคนกลุ่มหนึ่งเรียกตัวเองว่าเป็นญาติของท่าน กำลังมาหาท่านที่ทางเข้าอาคารเป่าติ่งครับ”ในสาย มีเสียงที่เคร่งขรึมจริงจังของหยูจื๋อเฉิงดังขึ้น

“คนพวกนี้ดูมีพลังน่าเกรงขาม ลูกน้องจะรั้งแทบไม่อยู่แล้วครับ ผมก็ไม่กล้าตัดสินใจตามอำเภอใจเหมือนกัน ท่านว่า……”

“ญาติของฉัน? มาจากไหน?”หลินอิ่งพูดถามขึ้น

ในใจของเขาก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าเขาไปมีญาติเพิ่มมามากมายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร? หรือว่าเป็นคนจากตระกูลจางแห่งมณฑลตุงไห่?

“เอ่อ ท่านอิ่ง ผมถามแล้ว พวกเขาบอกว่า ผมไม่สมควรที่จะรู้ครับ”หยูจื๋อเฉิงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง”เหล่าผู้เก่งกาจที่เฝ้าอยู่ตรงประตูของอาคารถูกทำลายจนบาดเจ็บกันหมด ผมก็มองสถานภาพของพวกเขาไม่ออกเหมือนกัน แต่ดูเหมือนว่าจะมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดานะครับ”

“มีเรื่องแบบนี้ด้วย?”หลินอิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย ในตาแฝงไปด้วยความเยือกเย็น

“เห้ย!พวกคุณจะทำอะไร?”

จู่ๆ ในสายก็มีเสียงร้องตกใจของหยูจื๋อเฉิงดังขึ้นมา

“หมาเฝ้าประตู ยังกล้ามาขวางทางเหรอ? ไสหัวออกไปซะ!”

เสียงผู้ชายที่เย็นชาแปลกหน้าคนหนึ่งดังขึ้นมาในสาย

“หลินอิ่งใช่ไหม? ให้เวลาแกหนึ่งนาที รีบลงมาหาพวกเราเดี๋ยวนี้!ถ้าช้า แกรับไม่ไหวแน่!”

“พวกแกเป็นใคร?”หลินอิ่งพูดถามขึ้นอย่างไม่แยแส

“ลงมา เดี๋ยวแกก็รู้เอง ใช่แล้ว ต่อไปให้ลูกน้องของแกช่วยแหกตาดูหน่อยนะ ว่าอย่ามาขวางทางของฉัน”ในสาย น้ำเสียงของผู้ชายทั้งเย่อหยิ่งและกราดเกรี้ยว

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท