ปังๆๆ ๆๆ ๆๆ !
ภายในห้องโถงรับแขกมีเสียงระเบิดที่น่าสะพรึงกลัวดังขึ้น
หลินหวูเว่ยกับหลินเจว๋ออกแรงในขณะเดียวกัน ระหว่างฝ่ามือสองคู่ ระเบิดพลังที่ดุเดือดรุนแรงราวกับคลื่นโหมกระหน่ำออกมา พยายามจู่โจมไปยังหลินอิ่ง
หลินอิ่งสีหน้าเย็นชา ปล่อยสองฝ่ามือซ้ายขวาออกไปพร้อมกัน จับสองคนนั้นเอาไว้ ยื้อพลังภายในกัน
รอบตัวของเขา มีคลื่นพลังที่มองไม่เห็นระเบิดออกมา ร่างกายของพวกหลินหวูเว่ยที่สะเทือนก็สนั่นหวั่นไหว ระหว่างกระดูกมีเสียงราวกับเสียงฟ้าร้องดังขึ้น
ต่อมา ในห้องโถง จู่ๆ ก็มีคลื่นเสียงสูงแหลมราวกับเสียงคำรามของมังกรดังขึ้น ร้องคำรามอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
ก้องกังวาน!
เหมือนกับระเบิดที่ระเบิดออกมา เกิดเสียงดังกระหึ่ม มีพลังรุนแรงที่มองไม่เห็นถล่มห้องโถงรับแขกทั้งชั้น กำแพงทั้งสี่ด้านพังทลายและแตกเป็นเสี่ยงๆ เศษหินเศษอิฐปลิวว่อน
สักพัก ภายในก็มีฝุ่นควันตลบอบอวลขึ้นมาเต็มไปหมด แทบจะบดบังทัศนวิสัยการมองเห็นของทุกคนไปจนหมด
ส่วนหยูจื๋อเฉิงกับเหล่าบรรดาผู้เก่งกาจทหารลับ ก็ถูกลูกหลงกระเด็นถอยลอยออกไปข้างนอกหลายสิบเมตร
ผู้คนมองดูฉากที่โหดร้ายน่าอนาถภายในห้องโถง ฝุ่นควันลอยตลบอบอวลไปทุกที่ สีหน้าตกใจขึ้นมา
“ท่านอิ่ง!ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ประธานหลิน!”
หยูจื๋อเฉิงพาผู้แข็งแกร่งทหารลับหนึ่งกลุ่ม พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว สีหน้าของทุกคนต่างก็รีบร้อนลนลาน
หลินอิ่งเป็นบุคคลสำคัญ เป็นหัวหน้าใหญ่ของพวกเขา จะให้เกิดอะไรที่ไม่คาดคิดขึ้นแม้แต่นิดเดียวไม่ได้
โดยเฉพาะพวกคนที่ประสงค์ร้าย คนที่เรียกตัวเองว่าคนของตระกูลหลินอะไรนั่น แต่ละคนดูชั่วร้ายทั้งนั้น แถมยังไม่รู้จริงๆ ว่าตอนนี้ท่านอิ่งอยู่ในสถานการณ์อะไร
“แค่กๆๆ ……”
มีเสียงไอแห้งทำลายบรรยากาศที่นิ่งเงียบ
ในเวลานี้ ฝุ่นควันในห้องโถงค่อยๆ จางหายไป เผยให้เห็นถึงรูปร่างคนสองคนที่ยืนโซซัดโซเซ
หลินหวูเว่ยกับหลินเจว๋ต่างถูกซัดจนถอยไปอยู่ตรงมุมกำแพง แนบติดผนังปูนยับเยินไปหมด สองคนเลือดท่วมตัว เปื้อนเขลอะไปด้วยเศษฝุ่นเศษปูน ดูสภาพแล้วน่าอัปยศสิ้นดี
“อุ๊บ!”
หลินหวูเว่ยกระอักเลือดออกมา สีหน้าซีดขาวอ่อนแอ มองออกไปด้วยสายตาตกใจ
หลินอิ่งสีหน้าไร้อารมณ์ ค่อยๆ เดินออกมาจากกลุ่มฝุ่นควันอย่างช้าๆ สองมือไขว้หลังอยู่อย่างนั้น
เขาปัดฝุ่นที่ไหล่ มองหลินหวูเว่ยด้วยสายตาเยือกเย็น
“พลังแค่นี้ ยังกล้ามาร้องเอะอะโวยวายอีก?”หลินอิ่งพูดถามขึ้นอย่างนิ่งเฉย
ภายใต้น้ำเสียงที่นิ่งเฉย แฝงไปด้วยเจตนาฆ่าที่น่าสะพรึงกลัวอยู่ สะเทือนใจของพวกหลินหวูเว่ยทั้งสองคน นิ่งเงียบไม่กล้าส่งเสียง
“นี่แก!แกอายุน้อยแท้ๆ ทำไมพลังภายในถือหนาแน่นแข็งแกร่งขนาดนี้!”
สายตาของหลินหวูเว่ยเต็มไปด้วยความตกใจกลัว ถามขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ก่อนหน้านี้เขาดูจากผิวเผิน หลินอิ่งมากสุดก็เป็นแค่ยอดฝีมือระดับกลางของระดับโลกเท่านั้น
แต่ พลังภายในที่หลินอิ่งระเบิดออกมานี้ มันลึกซึ้งคาดเดาไม่ได้เหมือนกับมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ มันทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนจมดิ่งในน้ำหายใจไม่ออก ไม่มีที่สิ้นสุด ให้ความรู้สึกกว้างใหญ่เกินต้านทาน นี่มันเกินขีดบูโดของระดับพวกเขาไปแล้ว!
ในใจของหลินหวูเว่ยไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถเชื่อได้
หลินอิ่งเพิ่งจะอายุเท่าไรเอง? อายุยี่สิบกว่าๆ เท่านั้น ต่อให้ฝึกฝนการต่อสู้ตั้งแต่ในครรภ์ ก็ไม่น่าจะสามารถเรียนรู้พลังภายในที่ลึกซึ้งคาดเดาไม่ได้นี้ได้หรอกใช่ไหม?
น่าขำ ก่อนหน้านี้เขายังคาดเดาอย่างหลับหูหลับตาอยู่เลย ว่าหลินอิ่งมีแผลเต็มตัว ดูอ่อนแอ ถูกเขามองทะลุทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว
หลังจากที่ปะทะต่อสู้กันแล้วเพิ่งจะรู้ว่า ภายใต้ผิวน้ำนิ่งๆ แบบหลินอิ่งนี้ ไม่รู้ว่ามีสัตว์ประหลาดที่น่าสะพรึงกลัวแบบไหนหลบซ่อนเอาไว้อยู่!
“พี่ พี่ห้า……ผม ผมรับมือไม่ไหว ไม่ไหวจริงๆ คุณช่วยสนับสนุนด้วยเถอะ……”หลินเจว๋สีหน้าซีดขาว พูดสั่นกระส่ายอยู่ข้างๆ
เขาสั่นกระส่ายไปทั้งตัว เลือดไหลตรงมุมปาก ราวกับว่ากำลังเผชิญกับการโจมตีที่สยองขวัญที่ไม่สามารถต้านทานได้
เสียงดังปึง หลังจากที่พูดจบ หลินเจว๋ก็ประคองตัวเองไม่ไหว อ่อนแรงร่วงหล่นลงไปที่พื้น มือเท้าชักกระตุกไม่หยุด
เขาในตอนนี้ สีหน้าท่าทีเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและสยดสยอง ไร้ซึ่งท่าที่ที่เย่อหยิ่งและเหนือกว่าเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ถูกหลินอิ่งอัดจนสูญเสียความมั่นใจและความตั้งใจไปจนหมด
ถึงขนาดที่ ความกล้าที่จะเงยหน้าสบตากับหลินอิ่งยังไม่มี
โหดร้ายเกินไปแล้ว!
พลังภายในที่หลินอิ่งระเบิดออกมาเมื่อตะกี้ มันช่างมากมายมหาศาลจริงๆ มันเจาะทะลุกระดูกผิวหนัง อวัยวะภายใน ถึงขนาดที่จนถึงตอนนี้ร่างกายเลือดเนื้อยังแบกรับความเจ็บปวดจากส่วนที่เหลืออยู่ สั่นกระส่ายไม่หยุด
ทั้งตัวและหัวใจของเขาใจสั่นด้วยความหวาดกลัว
“นี่มัน……หลินอิ่ง แกไปได้รับพลังอะไรมาโดยบังเอิญ? ถึงสามารถมีบูโดระดับนี้ได้?”หลินหวูเว่ยจ้องเขม็งหลินอิ่งพร้อมกับพูดถามขึ้น”ต่อให้แกมีพลังความแข็งแกร่ง แล้วแกจะฉีกหน้า มีปัญหากับตระกูลหลินแห่งลังยาจริงๆ เหรอ?”
การมีอยู่ของหลินอิ่ง มันน่าเหลือเชื่อมาก
เขาหลินหวูเว่ยและหลินเจว๋ ล้วนแต่มีพลังบูโดระดับสูงของระดับโลกกันทั้งนั้น ภายในกลุ่มสันโดษ ก็ถือว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถเหมือนกัน
แต่แค่เจอหน้ากัน ก็ถูกคนรุ่นหลังแบบหลินอิ่งเล่นงานจนเกือบจะพิการ!
แถมยังเป็นตอนที่หลินอิ่งอ่อนแออีกด้วย……
ขอบเขตพลังที่แท้จริงของหลินอิ่งคนนี้มันสูงถึงไหนกันแน่?
หลินอิ่งแค่หัวเราะอย่างเย้ยหยันออกมา เดินตรงไปยังพวกหลินหวูเว่ยทีละก้าวๆ
“แก แกคิดจะทำอะไร?”หลินเจว๋มองหลินอิ่งด้วยความตกใจหน้าถอดสี พูดขึ้นด้วยสีหน้าตกใจกลัว
หลินอิ่งเดินตรงไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ไม่สนใจหลินเจว๋ที่กำลังตกใจกลัว
“ฉัน ฉันเป็นน้าแท้ๆ ในสายเลือดของแกนะ แก แกจะลงมือฆ่าฉันอย่างนั้นเหรอ?”หลินเจว๋พูดขึ้นด้วยสีหน้าซีดขาว กลัวตายไปเรียบร้อยแล้ว
“ผมบอกแล้ว ว่าจะทำลายศิลปะการต่อสู้ของคุณ ผมก็จะทำให้ได้”
หลินอิ่งพูดขึ้นอย่างนิ่งเฉย
พูดจบ หลินอิ่งก็ฟาดขาเข้าไป อัดไปตรงตำแหน่งตันเถียนของหลินเจว๋เข้าอย่างแรง ตัวเขาลอยกระเด็นขึ้นจากพื้นทันที ลอยออกไปสิบกว่าเมตร กระแทกกับกำแพงคอนกรีตอย่างแรงจนเป็นหลุมลงไป
ตึง!
หลินเจว๋ตกลงบนพื้น กระอักเลือดออกมาอยู่หลายครั้ง สีหน้าของเขาเจ็บปวดจนต้องร้องคำรามออกมา
“อ๊ากๆๆ ๆๆ ๆ !”
“แก แกกล้าทำลายบูโดของฉัน!”
หลินเจว๋ร้องแผดเสียงดังลั่น ร้องตะโกนออกมาด้วยสีหน้าท่าทางผิดปกติ สิ้นหวังแล้วก็ไม่ยอม
สำหรับยอดฝีมือของสันโดษแบบเขาแล้ว การสูญเสียศิลปะการต่อสู้ มันเลวร้ายซะยิ่งกว่าการที่เขาถูกฆ่าเสียอีก!
เพราะว่านี่หมายความว่าเขาสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปหมดแล้ว
“หลินอิ่ง!แกมันบ้าไปแล้วจริงๆ !คนของตระกูลหลินแห่งลังยา แกกล้ามาทำลายได้ง่ายๆ ขนาดนี้เลยเหรอ?” หลินหวูเว่ยมองหลินอิ่งด้วยสีหน้าช็อกตกใจ แล้วก็ตกใจกับพฤติกรรมที่บ้าระห่ำขนาดนี้ของเขาด้วยเช่นกัน
คนของตระกูลหลินแห่งลังยา เป็นการมีอยู่ที่คนธรรมดาทั่วไม่กล้าเผชิญหน้าด้วย!
ทำลายศิลปะการต่อสู้? นี่มัน นี่มันเท่ากับกำลังเหยียบลงไปที่หน้าของตระกูลหลินชัดๆ !
“แกนี่ไม่เข้าใจกฎเลยนะจริงๆ !ต่อให้หลินเจว๋จะผิดสักแค่ไหน แต่นั่นก็เป็นผู้อาวุโสของแก!แกหยาบคายไร้ซึ่งความเคารพแบบนี้ ตระกูลหลินจะต้องจับแกไปดำเนินตามกฎของตระกูลแน่ๆ !”
หลินหวูเว่ยพูดขึ้นด้วยความรู้สึกที่ทั้งตกใจทั้งโกรธ
“พวกคุณทั้งสองคน มันกระดูกคนละเบอร์ แล้วยังจะมาพูดเรื่องกฎกับผมอีก?”หลินอิ่งมองหลินหวูเว่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“ไม่ใช่แค่เขา ศิลปะการต่อสู้ของคุณ ก็จะถูกทำลายเช่นกัน”
พูดจบ หลินอิ่งก็เดินตรงไปยังหลินหวูเว่ยอย่างช้าๆ
ตระกูลหลินแห่งลังยามาถึงก็ทำท่าทีหยิ่งยโสทะนงตัว มาถึงก็บอกว่าอยากได้แผ่นดินที่ตนเองอุตส่าห์ฟีฟ่าผ่านสงครามโชกเลือดในตี้จิงกว่าจะได้มา?
จะมาแย่งชิงกิจการธุรกิจไปหน้าตาเฉย?
ถ้าไม่สั่งสอนบทเรียนที่แสนสาหัสให้กับพวกเขา ตระกูลหลินแห่งลังยาก็จะไม่เข้าใจว่าควรจะเสวนากับตนเองยังไง
“ไม่!ไม่ได้นะ!”หลินหวูเว่ยสีหน้าตกใจกลัว ถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว”หลินอิ่ง แกอย่ามาทำอะไรตามอำเภอใจนะ!จะดีจะร้ายยังไงฉันก็เป็นน้าของแกนะ เป็นหลานชายของทวดแก ต่อให้แกไม่ไว้หน้าฉัน ก็ควรจะไว้หน้าแม่เฒ่าของแกสิ พวกเราเป็นตัวแทนของแม่เฒ่ามาหาแกโดยเฉพาะนะ!”