วินาทีนี้ กู่ชางไห่จู่ๆ ก็ขยับเช่นกัน ไม่ได้กลัวการมาที่ดุร้าย
เขาขยับเล็กน้อย ทั้งร่างก็มองออกได้ยาก เขาปัดการโจมตีของหลินชิงเย่ออกไป
เสียงดังปัง
กู่ชางไห่หลบอยู่กับที่ ดินบนพื้นแตกเป็นหลุมเป็นบ่อ ทำลายรอยใยแมงมุม จนเห็นได้ว่าฝ่ามือนี้ดุร้ายขนาดไหน
“เหอะ หลบได้เร็วดีนี่” หลินชิงเย่หึอย่างเย็นชา สายตาอาฆาตรุนแรงยิ่งกว่าเก่า
ไม่นาน ร่างของหลินชิงเย่ทั้งรวดเร็วและดุดัน และพุ่งเข้าไปตามฆ่าอีกครั้ง ลมพัดระหว่างฝ่ามือ ฝ่าถูกออกไปอย่างรุนแรงอย่างต่อเนื่อง จนอากาศสั่นไหวไม่หยุด
ส่วนกู่ชางไห่ กลับเอาแต่หลบ ไม่ได้ปะทะกับหลินชิงเย่โดยตรง ราวกับกำลังหาโอกาสอะไรบางอย่าง
ทำให้หลินชิงเย่รีบร้อนขึ้นมา พุ่งเข้าไล่กู่ชางไห่ ตามไล่ฆ่าไปตลอดทาง พื้นถูกทุบจนดินเละ แม้กระทั่งพังทลายกำแพงคอนกรีตหลายก้อนที่ขวางไว้
ภาพนี้ ทำเอาคนที่ผ่านไปมาใกล้ๆ ถึงกับช็อก รถด้านข้างทั้งสองฝั่งก็หยุดจอด เกิดความไม่อยากจะเชื่อ
“เชี่ย ทำอะไรกันวะเนี่ย? ถ่ายหนังเหรอ?”
“ดาราคนไหนมาแสดงกัน? เอฟเฟกต์ถ่ายหนังกับคนแสดงก็มีฝีมือมาก ร้ายกาจไปแล้วมั้ง?”
รถที่ผ่านข้างถนน ก็อดไม่ได้มีจะหยุดดู และพูดถึงอย่างตกใจ
ใช่แล้ว การต่อสู้ของกู่ชางไห่กับหลินชิงเย่ แทบจะเทียบได้กับหนังแอคชั่นที่มีสเปเชี่ยลเอฟเฟกต์เลย
เงาร่างของทั้งสองราวกับลมกระโชกแรง ไหวไปมา ทุบตีจนพื้น และกำแพงนั้นแตกเป็นเสี่ยง ทิ้งไว้แค่รอยของภาพติดตา
“ไอ้แก่ควรตาย ยังจะหลบอะไรอีก? กระบวนท่าทีหลินอิ่งสอนนาย คงไม่ใช่ว่าจะเป็นกลยุทธ์การหนีหรอกนะ?” หลินชิงเย่พูดอย่างโมโห อารมณ์ก็รู้รีบร้อนสุดๆ แทบรอไม่ไหวที่จะกดกู่ชางไห่ลงพื้นและทุบเขาทันที
แต่ว่ากลับจับไม่ได้เลย
หลินชิงเย่เป็นกังวล ก่อนหน้านี้ก็ถูกหลินอิ่งยั่วยุจนไม่ไหวแล้ว จึงแค่อยากจะรีบจับกู่ชางไห่โดยเร็วที่สุด เพื่อให้หลินอิ่งยอมก้มหัว!
แต่ว่า ท่วงท่าของกู่ชางไห่แต่ละท่า ราวกับเขาได้เรียนรู้อุบายกระบวนท่าของเขาล่วงหน้า จนสามารถหลบได้ทุกครั้ง แถมยังเลียนแบบได้ด้วย
เคล็ดลับกระบวนท่าพวกนี้ ทำเอาหลินชิงเย่รำคาญและโมโห จนหมดความอดทน
เห็นได้ชัดว่า สิ่งที่หลินอิ่งบอกต่อกู่ชางไห่นั้นต้องมีอะไรแน่
ถ้าไม่อย่างนั้น แค่ฝีมือการต่อสู้ของกู่ชางไห่ ก็ไม่มีทางที่จะรับมือได้อย่างราบรื่น คงจะโดนเขาอัดน่วมไปนานแล้ว
หลินอิ่งมองการต่อสู้ของสองคนนี้ ด้วยสีหน้านิ่งเฉย มองไม่เห็นถึงอารมณ์ใดๆ
จางฉีโม่ที่อยู่ข้างเขา สีหน้าก็ลนลานขึ้นมา
“หลินอิ่ง คุณท่านกู่ จะไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ย?”
จางฉีโม่พูดอย่างเป็นกังวล
เธอได้ยินบทสนทนาและการเดิมพันระหว่างหลินอิ่งกับหลินชิงเย่คนนั้น
ถ้าหากคุณท่านกู่รับมือไม่ไหว งั้นหลินอิ่งก็ต้องลำบากแล้ว
หลินอิ่งยิ้ม และพูด: “ฉีโม่ เธอคอยดูก็โอเคแล้ว”
“อีกแป๊บก็รู้ผลแล้ว”
“อืม” จางฉีโม่พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง พลางมองหลินอิ่งที่มีท่าทีมั่นใจและดูสบายๆ สิ่งที่เธอเป็นกังวลก็กลายเป็นวางใจ
ปฏิกิริยาของหลินชิงเย่ ไม่ได้เกินไปจากที่หลินอิ่งคาด
ทันทีที่หลินชิงเย่กับกู่ชางไห่ได้ปะทะกันช่วงนั้น
หลินอิ่งก็สามารถ มองช่องโหว่ออกได้ไม่ต่ำกว่าร้อยที่
ถ้าหากหลินอิ่งสามารถลงมือด้วยตัวเองได้ ไอ้หมอนี่ ความคิดนี้ เพียงครู่เดียวอย่างน้อยก็สามารถหาวิธีการฆ่าหลินชิงเย่ได้เป็นร้อยวิธี
จากระดับข้นของหลินอิ่ง แค่พริบตาเดียวก็สามารถมองทะลุทุกกระบวนท่าของหลินชิงเย่
ต่อหน้าหลินอิ่งหลินชิงเย่นั้น เหมือนเด็กที่เล่นขายปืน ฝีมือช่างปัญญาอ่อนเสียจริง
ส่วนฝั่งหลินอิ่ง กู่ชางไห่ที่เพิ่งได้รับเคล็ดลับไป ที่จริงแล้วสั้นและกระชับมาก
ก็แค่บอกกู่ชางไห่ ถึงช่องโหว่ในการฆ่าของหลินชิงเย่ทั้งหมด และจำนวนกระบวนท่าของหลินชิงเย่
อย่างที่สอง ยังถ่ายทอดกลยุทธ์การคิดให้กู่ชางไห่ด้วย
เคล็ดลับทางจิตแก๊งมังกร วิธีการต่อสู้นี้ มันก็แค่การเปลี่ยนแปลง อีกทั้งยังสามารถกระตุ้นศักยภาพร่างกายได้ในระยะเวลาอันสั้น เป็นวิธีลับที่จะระเบิดพลังออกมา
ด้วยประสบการณ์หลายปีของกู่ชางไห่ ผสานเข้ากับวิธีลับที่จะระเบิดกำลังภายใน บวกกับการรู้จุดตายช่องโหว่ของหลินชิงเย่
ระหว่างกัน กู่ชางไห่จะล้มหลินชิงเย่ ก็ไม่ใช่เรื่องยาก
ในขณะเดียวกัน ในอาคารสูงของโรงพยาบาลประจำอำเภอ ก็มีชายชราในชุดจีนสีขาว ผมขาวคิ้วขาว สองมือประสานกัน และจ้องมองการต่อสู้ของหลินชิงเย่ทั้งสองคนนั้นอย่างดูถูก
ด้านหลังชายชราผมขาว ยังมีชายหนุ่มสวมชุดจีนที่ดูเฉียบแหลมอีกสองสามคน
“ผู้อาวุโสฉิน ท่านว่า หลินอิ่งนี่จะมาไม้ไหนกันแน่? ถึงกับให้คนที่กระเสือกกระสนตัวเองขึ้นติดอันดับ ตาแก่ใช้การไม่ได้มาสู้กับตัวต่อตัวกับคุณชายเก้า แถมยังพนันกันไว้อีก?” ชายหนุ่มสวมชุดจีนคนหนึ่งพูดขึ้น
“หลินอิ่ง เจ้าเด็กนั่นไม่ธรรมดา” ผู้อาวุโสฉินขมวดคิ้วขาว จ้องมองหลินอิ่งจากระยะไกล มองจากไกลๆ ก็ไม่รู้ว่ากำลังนึกคิดอะไรอยู่
“ผู้อาวุโสฉิน อย่าโกรธที่ผมพูดตามจริง ผมดูไม่ออกว่ามีอะไรไม่ธรรมดา หลินอิ่งคนนี้ เห็นได้ชัดว่าแสร้งทำเป็นลึกลับ ทั้งๆที่ไม่มีอะไรเลย ความจริงแล้ว ผมเห็นลมปราณของเขา ไม่ได้มีความสามารถอะไรเลย ก็แค่กลัวคุณชายเก้า จึงให้ตาแก่นั่นออกโรงรับมือ” ชายหนุ่มสวมชุดจีนพูดอย่างดูถูก น้ำเสียงดูแคลนหลินอิ่งมากๆ
“ไอ้สี่ สายตานายมองผิวเผินมากไปแล้ว สายตายังไม่ดีนะ” ผู้อาวุโสฉินพูดเบาๆ น้ำเสียงนั้นทะลุผ่านได้
“นายคิดว่า คุณชายเก้าจะต้องชนะลูกน้องของหลินอิ่ง?”
“แน่นอน!” ไอ้สี่พูดยืนยัน “ผู้อาวุโสฉิน ตาแก่นั่นแม้แต่มัดของคุณชายเก้ายังรับไม่ได้เลย แต่ฟังหลินอิ่งพูดไม่กี่คำ หรือว่าก็สามารถสู้คุณชายเก้าได้?”
“เรื่องกำลังก็เท่านั้น ท่านดู ตาแก่นั้นถูกคุณชายเก้าไล่ฆ่า แต่ก็ไม่มีแรงสวนกลับ”
“เหอะ” ผู้อาวุโสฉินหัวเราะเบาๆ แล้วพูด “เพราะงั้น ฉันถึงได้บอกว่าสายตานายยังเฉียบไม่พอ”
“ดังนั้น ฉันถึงได้บอกว่าหลินอิ่งไม่ธรรมดาไง”
ผู้อาวุโสฉินค่อยๆ พูด
“ดูภายนอก เป็นคุณชายเก้าที่ได้เปรียบ แต่ความเป็นจริงแล้ว ทุกกระบวนท่าของคุณชายเก้า ถูกบงการด้วยยอดฝีมือคนนั้น”
“หลังจากได้ยินสิ่งที่หลินอิ่งบอก ยอดฝีมือแซ่กู่ท่านนั้น ก็ราวกับเลาะกระดูกใหม่หมด พยายามที่จะควบคุมจังหวะการต่อสู้ และเล็งไปที่จุดตายของคุณชายเก้า”
“ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือ คนคนนี้เหมือนจะใช้ความลับที่ลึกซึ้งบางอย่าง กำลังภายในของเขา ไม่ได้น้อยไปกว่าคุณชายเก้าแล้ว”
“ส่วนตัวคุณชายเก้า สุดท้ายก็ยังเด็กเกินไป ถูกหลินอิ่งพูดเข้าไม่กี่คำ ในใจก็ร้อนรน อยากจะล้มยอดฝีมือแซ่กู่คนนั้นจนแทบทนไม่ไหว สถานะภาพทางจิตใจนี้ เป็นข้อห้ามในการต่อสู้ทั้งหมด”
ผู้อาวุโสฉินพูดอย่างเคร่งขรึม: “หากยังสู้ต่อไป คุณชายเก้าแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย”
“ห้ะ? นี่……นี่มันเป็นไปไม่ได้มั้ง?” ไอ้สี่สายตาหวาดกลัว พลางมองและฟังที่ผู้อาวุโสฉินอธิบายมาอย่างช็อก รู้สึกได้ถึงความหวาดกลัว