อำเภอเจียงเยว่ โรงแรมเครสเซนต์
ที่นี่คือโรงแรมติดดาวที่มีชื่อเสียงที่สุดในอำเภอเจียงเยว่ ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในอำเภอเจียงเยว่
ในอำเภอเล็กๆ แบบนี้ สามารถมาใช้บริการที่นี่ได้ ก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่คู่ควรแก่การอวด ปกติมื้อนึง ราคาก็ราวๆ หลายหมื่นแล้ว
ผู้คนที่มาประจำ ล้วนเป็นบุคคลผู้มีชื่อเสียงในอำเภอ
กู่ชางไห่ขับรถมาถึงลานจอดรถด้านล่างโรงแรมเครสเซนต์
ในลานจอดรถข้างล่างโรงแรม ถือได้ว่าเป็นแหล่งรวมรถหรูส่วนมากของในอำเภอนี้
คนของอำเภอเจียงเยว่ ราวกับว่าจะชอบไปทางรถแนวSUVมากกว่า ป้ายทะเบียนรถที่ตัวเลขเดียวกันเยอะมาก ดูแล้วเหมือนแข่งขันกันสุดๆ
หลินอิ่งค่อยๆ เหลือบมอง และเดินขึ้นลิฟต์ของโรงแรม โดยที่มีกู่ชางไห่คอยอยู่เป็นเพื่อน
ไม่นาน ทั้งสองก็มาถึงห้องอาหารชั้นที่16
ด้านในร้านอาหารตกแต่งได้อย่างอลังการ ปูด้วยพรมสีแดงนุ่มๆ การตกแต่งล้วนตกแต่งด้วยสไตล์โบราณชวนน่าหลงใหล ผนังแขวนภาพวาดตัวอักษร มีความหรูหราในระดับนึง
หลินอิ่งส่งข้อความหาฉีโม่ บอกตำแหน่งที่อยู่ของเธอ
หลังจากนั้น ก็เดินไปยังเคาน์เตอร์รับแขก
“สวัสดีค่ะ คุณผู้ชาย ไม่ทราบว่าคุณผู้ชายจองห้องอาหารห้องไหนไว้เหรอคะ?” พนักงานต้อนรับสาว ถามอย่างเคร่งขรึม
กู่ชางไห่พูด: “รังสรรค์”
“อ๋อ ดิฉันจะเปิดบิลให้คุณทั้งสองท่านนะคะ กรุณาจ่ายค่ามัดจำตามกฎระเบียบด้วยนะคะ”
ขณะที่พูด พนักงานต้อนรับสาวก็มองดูหลินอิ่งกับกู่ชางไห่อย่างละเอียด นัยน์ตามีความสงสัยเล็กน้อย
รังสรรค์ เป็นห้องอาหารที่ดีที่สุดในโรงแรมเครสเซนต์ มีชื่อเสียงโด่งดังในอำเภอ ด้านในมีการตกแต่งภายในเหมือนกับสวนเล็กๆ คนมากมายในอำเภอที่เคยเข้าไปทานอาหารในห้องรังสรรค์ต่างก็มีหน้าเอาไปพูดโอ้อวดกัน
ค่าบริการด้านในนั้น จะพูดยังไงมื้อนึงก็ต้องราคาแสนขึ้น
เพราะด้านในวางงานคัดลายมือและภาพเขียนโบราณของแท้ต่างๆ จะเข้าห้องรังสรรค์ได้จะต้องจ่ายค่ามัดจำไว้ก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงแขกที่ดื่มจนเมาแล้วทำลายข้าวของมีค่าด้านใน
คนที่สามารถจองห้องรังสรรค์ได้ ล้วนมีแต่แขกหน้าเดิมๆ ไม่กี่คน นั่นก็คือพวกบุคคลที่มีฐานะมากๆ ต่างๆ
คนมีอายุและคนหนุ่มนี่ มองดูแล้วรู้สึกไม่ค่อยคุ้นเคย
“โอเค” กู่ชางไห่พยักหน้า และล้วงกระเป๋าเสื้อควักบัตรออกมาหนึ่งใบแล้วยื่นให้พนักงานต้อนรับหญิง
ห้องรังสรรค์ ก็จริงที่คนธรรมดาอยากจะเข้าก็เข้าไม่ได้
กู่ชางไห่จึงให้เซเหวินเชิงมาจองห้องไว้ คนต่างถิ่น ถึงแม้จะมีเงิน ก็ไม่มีโอกาสได้เข้าประตูบานนั้น
“ทั้งสองท่านกรุณารอสักครู่ ดิฉันขอตรวจสอบสักครู่นะคะ” พนักงานต้อนรับหญิงมองทั้งสองด้วยสายตาสงสัย และเตรียมตัวจะไปยืนยันบัตรธนาคาร
เธอคิดว่าเธอมีสายตาที่ดี มีหรือไม่มีเงิน มองแว๊บเดียวก็มองออก
ดูจากภายนอก กู่ชางไห่ก็แค่ชายชราคนนึง ส่วนหลินอิ่ง ก็เหมือนกับนักเรียนที่เพิ่งเรียนจบ
ทั้งสองมองดูแล้วมองไม่เห็นความดูแพงใดๆ ทั้งสิ้น
เธอสงสัยความสามารถในการจ่ายค่าบริการของทั้งสองเป็นอย่างมาก
“เสี่ยวหลี่ จองห้องรังสรรค์ให้ฉันหน่อย อีกแป๊บนึงฉันจะไปรับหัวหน้าหลิวคณะกรรมการก่อสร้างกับหัวหน้าหูคณะกรรมการระบบวิศวกรรม”
ในขณะนั้น บุคคลสวมชุดดูดี ชายหนุ่มที่ทั้งร่างสวมของแบรนด์เนม เดินเข้ามาที่หน้าเคาน์เตอร์อย่างโผงผาง พลางพูดด้วยน้ำเสียงชี้แนะ
“หือ? คุณชายหลุย ท่านมาแล้วเหรอคะ”
เมื่อพนักงานต้อนรับสาวเห็นว่ามีคนมา ทันใดนั้นก็ยิ้มต้อนรับ บนหน้ามีสีหน้าเกรงใจ
“คุณชายหลุย พอดีว่าแขกสองท่านนี้ได้จองห้องรังสรรค์ล่วงหน้าไว้แล้วค่ะ ดิฉันกำลังดำเนินการให้พวกเขา” พนักงานต้อนรับหญิงพูดอย่างระมัดระวัง
“อะไรนะ? ถูกคนจองไปแล้วเหรอ?” คุณชายหลุยขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตามองมาทางนี้ และมองหลินอิ่งกับกู่ชางไห่อย่างละเอียด
“เป็นพวกนายสองคนที่จองห้องรังสรรค์?” คุณชายหลุยถาม “ใครเป็นคนช่วยพวกนายจองกัน?”
เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาทำตัวอวดเบ่งในอำเภอเล็กๆ นี้จนเคยชินแล้ว หรือว่าเป็นเพราะดูถูกสองคนนี้ น้ำเสียงถึงไม่ดูไม่เกรงใจแบบนี้
“ขอโทษด้วยครับ คุณชายท่านนี้ พอดีว่าคุณชายของพวกเราจองห้องนี้เอาไว้ก่อนแล้ว ท่านลองดูเป็นห้องอื่นเถอะครับ” กู่ชางไห่พูดอย่างเกรงใจมากๆ
“ห้ะ คุณชาย?” คุณชายหลุยยิ้มอย่างน่าขัน และมองหลินอิ่งด้วยสายตาหยอกล้อ “มาจากต่างถิ่นเหรอ? ไม่เคยเห็นเลย”
“ท่าทางไม่ธรรมดาเลยนะ คุณชายของนายจองล่วงหน้าไว้แล้ว? หมายความว่า วันนี้นัดคราวนี้ของฉัน ก็ควรจะยอมให้พวกนายงั้นสินะ?”
คุณชายหลุยถามพลางยิ้มอย่างเย็นชา
“แค่ทานข้าว จะต้องอะไรมากมายด้วยเหรอ?” หลินอิ่งพูดนิ่งๆ
“คุณผู้หญิงท่านนี้ รบกวนช่วยดำเนินการให้เร็วหน่อย ทำความสะอาดให้ดี อีกครู่ภรรยาของผมจะมาทานข้าวแล้ว” หลินอิ่งพูดเดียวสีหน้าเคร่งขรึม
ความจริงเขาไม่สนใจที่จะพูดอะไรมากมายกับคนน่ารำคาญคนนี้
“เอ่อ……” สีหน้าของพนักงานต้อนรับหญิงลังเลเล็กน้อย
หลินอิ่งเธอไม่เคยเจอ ไม่รู้ว่ามีพื้นเพอะไร
แต่คุณชายหลุย เป็นถึงบุคคลอันดับหนึ่งอันดับสองของอำเภอเจียงเยว่ เป็นผู้เข้ารับราชการ มือหนึ่ง ลูกชายของเสมียนเก่า ที่มีสถานะสำคัญอย่างมากในอำเภอเจียงเยว่
บุคคลแบบนี้ เธอเป็นแค่พนักงานต้อนรับตัวน้อยๆ นั้นขัดใจเขาไม่ไหว
แล้วก็ โรงแรมเครสเซนต์ก็เคยเป็นโรงแรมที่ต้อนรับข้าราชการของอำเภอ เจ้านายของพวกเธอต่างก็ปฏิบัติต่อคุณชายหลุยราวกับพระเจ้า
“คือว่า แขกสองท่านนี้ ดิฉันว่าพวกท่านลองคุยกับคุณชายหลุยดูสักหน่อยนะคะ?” พนักงานต้อนรับหญิงพูดอย่างเลิ่กลั่ก
“อะไรนะ? คุย?” สีหน้าของกู่ชางไห่ไม่พอใจเล็กน้อยแล้ว
นี่มันหลักการอะไรกัน เขามาช่วยผู้อาวุโสของเขาจองห้องก่อน พูดตามหลักแล้ว ใครมาก่อนได้ก่อน ยังจะต้องคุยกันอีกเหรอ?
นี่มันเห็นได้ชัดว่าดูถูกกันไม่ใช่เหรอ?
“โรงแรมพวกเธอมีกฎแบบนี้ด้วยเหรอ? จ่ายเงินก็ยังกินข้าวไม่ได้?” หลินอิ่งมองไปทางพนักงานต้อนรับหญิง พลางถาม
“ไม่ใช่!พวกนายสองคนมาพูดอะไรกันตรงนี้?” คุณชายหลุยพูดอย่างหมดความอดทนพลางมองไปทางหลินอิ่ง “นายคิดว่ามีเงินแค่นั้นก็จะมาแสร้งทำตัวหรูที่นี่ได้เหรอ?”
“ฉันก็ขี้เกียจจะพูดมากกับคนต่างถิ่นอย่างพวกนายสองคนแล้ว” คุณชายหลุยพูดอย่างเย่อหยิ่ง “ห้องรังสรรค์ไม่ใช่ห้องที่คนฐานะอย่างพวกนายจะจองได้ จัดจะฉันห้องให้พวกนายใหม่ ค่าใช้จ่ายวันนี้คิดที่ฉัน”
“ได้ยินมั้ย?” คุณชายหลุยพูดอย่างโอ้อวด “ถ้าหากมารบกวนฉันต้อนรับพวกหัวหน้า ขัดขวางธุรกิจของฉัน คนต่างถิ่นอย่างพวกนายสองคนได้เจอดีแน่!”
หลินอิ่งยิ้มอย่างเย็นชา พลางมองคุณชายหลุยด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
“ฉันขาดแคลนเงินมื้อนี้ของนายรึไง?”
“อ้าวเฮ้ย? นายคนต่างถิ่นนี่ พูดจาน่าประหลาดดีนี่”
ชายหนุ่มท่าทางอันธพาลที่อยู่ด้านข้างคุณชายหลุย ยื่นนิ้วออกมาชี้พลางพูด
“นายลองกล้าปากดีต่อหน้าคุณชายหลุยดูอีกครั้งสิ? ฉันว่านายจะเสียเปรียบและมั้ง? รู้มั้ยว่าในอำเภอเจียงเยว่นี่ คุณชายหลุยเป็นบุคคลฐานะอะไร?”
“และนายรู้อะไรมั้ย วันนี้คุณชายหลุยเชิญพวกหัวหน้าไหนมากินข้าว? มาขัดขวางเรื่องแบบนี้ นายได้เจอดีแน่!”
“ฐานะอะไร?” หลินอิ่งพูดอย่างนิ่งๆ
“ไม่ว่านายจะมีฐานะอะไร ก็ต้องมีเหตุผล ฉันจองห้องอาหารไว้ก่อน ทำไมถึงต้องยอมให้นายด้วย?”
“เหอะๆ ทำไมเหรอ?” คุณชายหลุยทำสีหน้าเข้ม และมองหลินอิ่งด้วยสายตาเย็นชา “ไอ้เด็กหนุ่มต่างถิ่นนายช่างอวดดีจริงนะ ที่อำเภอเจียงเยว่ มีแค่ไม่กี่คนที่กล้าไม่ไว้หน้าฉันแบบนี้”
“ฉันให้เวลานายสามนาที ไสหัวไปกินข้าวที่ห้องข้างๆ และอยู่นิ่งๆ ซะ!ไม่อย่างนั้น มาหือกับฉัน อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ ให้นายถูกหามออกจากโรงแรมเครสเซนต์” คุณชายหลุยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
หลินอิ่งสีหน้าไร้อารมณ์ และหัวเราะอย่างเย็นชา
ทำตัวยิ่งใหญ่ ได้แค่ในที่เล็กๆ จริงๆ
คุณชายหลุยคนนี้ ออกไปกินข้าวนอกบ้าน ต้องเอิกเกริกขนาดนี้เลยเหรอ?
“ฉันไม่ยอมให้นาย นายจะทำไมได้?” หลินอิ่งพูดอย่างนิ่งๆ
คุณชายหลุยมองหลินอิ่งรอบนึง และหัวเราะออกมา
“ไอ้เดี้ยงอย่างนายมาทำอวดดีอะไรที่นี่กัน? ฉันเห็นท่าทีโง่ๆ ของนาย คงเพิ่งถูกคนอัดจนเข้าโรงพยาบาลและเพิ่งได้ออกมาสินะ?” คุณชายหลุยพูดอย่างดูถูก “ไม่น่าล่ะถึงได้ถูกคนอื่นอัดจนเดี้ยงแบบนี้ ไอ้โง่อย่างนาย ก็สมน้ำหน้าแล้วรู้มั้ย?”
“เชื่อมั้ย ว่าฉันจะอัดนายให้เข้าโรงพยาบาลอีกสักรอบ?”